บทที่ 2 ดอกเหมยโดดเดี่ยวในค่ำคืนหิมะตก
เมืองหลินเจียง สำนักงานใหญ่เทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์
ภายในห้องทำงาน หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างบานใหญ่ที่สว่างไสวสูงจากพื้นจรดเพดาน เหม่อมองดูรถราที่สัญจรไปมาด้านล่างอย่างเงียบๆ
เธอคนนี้มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วของเธอเรียวยาวราวกับแนวสันเขาที่อยู่ห่างไกล นัยน์ตาดูเศร้าสร้อยเล็กน้อยดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อรวมกับรูปร่างที่บอบบางของเธอแล้ว ดูราวกับประติมากรรมน้ำแข็งที่วิจิตรงดงาม
แม้จะไม่ได้แต่งหน้า แค่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนธรรมดา เธอก็ยังงดงามยิ่งกว่าไอดอลสาวที่แต่งหน้าจัดเต็มเหล่านั้นหลายเท่า
น่าเสียดายที่บุคลิกของหญิงสาวผู้นี้เย็นชาเกินไป ราวกับดอกเหมยที่เบ่งบานอย่างโดดเดี่ยวในคืนหิมะตก
แม้ว่าจะงดงามเกินคำบรรยาย แต่ก็หนาวเหน็บจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
อย่างไรก็ตาม จากข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอย่างหนักหน่วงเมื่อเร็ว ๆ นี้ หญิงสาวผู้สง่างามราวกับดอกเหมยในคืนอันหนาวเหน็บคนนี้ กลับกลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายขายร่างกายเพื่อไต่เต้าและชอบทำตัวเป็นคุณหนูจอมอวดดี
ยิ่งไปกว่านั้น เธอเพิ่งจะป่วยหนักมา ทำให้เสียงของเธอได้รับผลกระทบ หลายคนต่างก็ตั้งตารอคอยวันที่เธอร่วงหล่นลงจากบัลลังก์อย่างใจจดใจจ่อ
ในช่วง3 ปีนับตั้งแต่เดบิวต์ จากศิลปินสาวหน้าใหม่มาแรง สู่การเสนอชื่อเข้าชิงนักร้องยอดเยี่ยมแห่งปี จนถึงตอนนี้ เธอก็ได้กลายมาเป็นซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการเพลงแล้ว
เธอไต่เต้าขึ้นมาเร็วเกินไป ขวางหูขวางตาของผู้คนในวงการจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ข่าวลือและคู่แข่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง
มันยังรวมไปถึงการคุกคามในรูปแบบต่างๆ ดังเช่นกล่องพัสดุลึกลับที่วางอยู่บนโต๊ะในขณะนี้ด้วย
เมื่อกล่องถูกเปิดออก ด้านในนั้นมีรูปถ่ายของซูชิงเหม่ยพร้อมทั้งคำสามคำที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีแดงสดคล้ายเลือดเขียนไว้บนรูป “รอฉันนะ”
“พี่ชิงเหม่ย พี่หง เดือนนี้ไอ้โรคจิตนี่มันส่งรูปมาเป็นครั้งที่สามแล้วนะ!”
ผู้ช่วยที่มีใบหน้ากลม รูปร่างอวบท้วมเล็กน้อยพูดอย่างเป็นกังวล
ช่วงนี้ชีวิตของซูชิงเหม่ยค่อยราบรื่นนัก นอกจากจะมีข่าวลือเสียๆ หายๆ ว่านเน็ตเหล่านั้นแล้ว เธอยังได้รับพัสดุคุกคามหลายครั้งติดต่อกัน
ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว แต่พัสดุเหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งมาทางไปรษณีย์ มันมีคนแอบมาวางไว้ที่หน้าบริษัทเทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์หลายต่อหลายครั้ง
จนถึงตอนนี้ทางตำรวจเองก็ยังไม่สามารถสืบหาตัวคนร้ายได้
บางทีมันอาจจะเป็นฝีมือคู่แข่งหรืออาจเป็นแฟนคลับที่สุดโต่งบางคนก็ได้
และหากเป็นอย่างหลัง สถานการณ์ก็อาจจะยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก เพราะในวงการบันเทิงมีศิลปินและดาราจำนวนมากที่ถูกแฟนคลับประเภทนี้ก่อกวนตามรังควานหรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกาย
เดิมทีบริษัทตั้งใจที่จะจัดหาบอดี้การ์ดให้แก่ซูชิงเหม่ย แต่เมื่อพิจารณาจากข่าวลือที่ทำให้เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในช่วงนี้ การจ้างบอดี้การ์ดให้เธอ ก็ย่อมทำให้ผู้คนคิดไปว่าเธอทำตัวเป็นคุณหนูจอมอวดดีเหมือนอย่างข่าวลือจริงๆ
ในท้ายที่สุด “จางหง” ผู้จัดการส่วนตัวของซูชิงเหม่ย ก็ได้แนะนำว่าให้จ้างบอดี้การ์ดในนามของซูชิงเหม่ยเอง โดยใช้ฐานะของผู้ช่วยส่วนตัว เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม ซู่ชิงเหม่ยนั้นมักปลดปล่อยบรรยากาศเย็นชาออกมาอยู่เสมอ เธอไม่ชอบถูกคนแปลกหน้าคอยตามติดอยู่ตลอดเวลา หลายวันที่ผ่านมา มีคนมาสัมภาษณ์แล้วหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้เธอพอใจ
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังเลือกผู้ช่วยส่วนตัวและบอดี้การ์ดไม่ได้ แต่กลับได้รับพัสดุตามรังควานมาอีกชิ้นแล้ว
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของจางหงก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย ทันทีที่เธอรับสาย น้ำเสียงที่นุ่มนวลและสุภาพก็ดังมาจากปลายสาย:
“สวัสดีครับ นั่นใช่คุณจางหรือเปล่าครับ?”
"ใช่ค่ะ ฉันเอง"
"ผมเห็นประกาศรับสมัครงานบนอินเทอร์เน็ต ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังรับสมัครผู้ช่วยส่วนตัวอยู่ไหมครับ? "
“เรายังรับสมัครอยู่ค่ะ ฉันจะส่งอีเมลให้คุณ รบกวนคุณส่งเรซูเม่มาให้ฉันทางอีเมล ถ้าคุณสมบัติของคุณตรงกับที่เราต้องการ ฉันจะแจ้งเวลาในการสัมภาษณ์ให้คุณอีกที” จางหงตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว
"ได้ครับ ขอบคุณครับ"
ชายผู้มีน้ำเสียงนุ่มนวลวางสายไป
“พี่หง มีคนสมัครเข้ามาแล้วเหรอ?”
โจวหยุนผู้ช่วยสาวน้อยกล่าวด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบขยับเข้ามามองไปยังโทรศัพท์ของจางหง
ไม่นานนัก จางหงก็ได้รับเรซูเม่ในอีเมล
"ว้าว หล่อเวอร์!"
เมื่อเห็นรูปถ่ายที่แนบมากับเรซูเม่ โจวหยุนก็ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ
“หลินโจว อายุ 26 มีประสบการณ์เคยเป็นผู้ช่วยและบอดี้การ์ด คนนี้เหมาะมากเลย! พี่ชิงเหม่ย รีบมาดูเร็ว!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของผู้ช่วยน้อย หญิงสาวผู้เย็นชาที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างก็หันกลับมาอย่างช้าๆ โดยที่ใบหน้ารูปไข่ของเธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เธอเพียงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเท่านั้น: " เธอตัดสินใจกันได้เลย "
เสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อย โทนเสียงที่เคยใสกังวานของเธอตอนนี้เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบจากอาการป่วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้จางหงและโจวหยุนเป็นกังวล
อาทิตย์หน้าซูชิงเหม่ยจะต้องไปเข้าร่วมในการถ่ายทำรายการ "I am a Singer" ตอนแรกของซีซั่น 3 แล้ว
ตอนนี้เธอกำลังถูกโจมตีด้วยข่าวลือ เสียงของเธอก็ยังไม่หายดี อนาคตการเข้าร่วมรายการ " I am a Singer " จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วง
จางหงตอนนี้ไม่ได้หวังให้ซูชิงเหม่ยโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอะไรแล้ว เธอเพียงแค่หวังว่าจะสามารถข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างราบรื่นก็เพียงพอแล้ว
“งั้นให้ฉันโทรนัดเขามาสัมภาษณ์เลยไหม?”
จางหงหันไปถามซูชิงเหม่ย เธอรับผิดชอบในการคัดเลือกเบื้องต้นเท่านั้น แต่ผลสัมภาษณ์สุดท้ายยังคงต้องให้ซูชิงเหม่ยเป็นผู้ตัดสินใจ
จนถึงตอนนี้ มีคนมาสัมภาษณ์ไปแล้วมากกว่าสิบคน แต่ไม่มีใครตรงกับความต้องการซูชิงเหม่ยเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อเห็นซูชิงเหม่ยพยักหน้า จางหงก็หยิบมือถือโทรหาชายที่ชื่อหลินโจว บอกที่อยู่ของบริษัท และแจ้งให้เขาว่าสัมภาษณ์ทันที
หลังจากวางสาย เธอก็เห็นว่าซูชิงเหม่ยหันกลับมองไปยังหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูผู้คนมากมายที่กำลังสัญจรไปมาด้านล่างอีกครั้ง
แผ่นหลังสวยงามนั้นทั้งบอบบางและดูดื้อรั้น
จางหงถอนหายใจ: " หวังว่า หลินโจวคนนี้จะทำได้นะ "
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินโจวก็เดินลากกระเป๋าเดินทางมาถึงชั้นล่างซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์
“ไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก”
หลินโจวเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้าแห่งนี้ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจ
เมื่อก่อน เขาเคยเป็นที่ผู้ช่วยและบอดี้การ์ดของเซิ่นเหยา บ่อยครั้งที่เขามักจะติดตามเธอมาที่เทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แต่เพื่อปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับเซิ่นเหยา เขามักจะทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจจึงไม่มีใครสนใจเขามาก่อน
หลังจากตัดสินใจหย่ากับเซิ่นเหยาแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง
หลินโจวเพิ่งย้ายออกจากบ้านที่เขาและเซิ่นเหยาเคยอาศัยอยู่ด้วยกัน และพบว่าความคืบหน้าของการคัดลอกความทรงจำโลกคู่ขนานของเพลงหลายเพลงเริ่มปรากฏตัวเลข 1%
แต่เขาก็ไม่สามารถให้ความสนใจมันในตอนนี้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดของเขาในเวลานี้ก็คือการหาที่ซุกหัวนอน
แม้ว่าหลินโจวจะมีเงินติดตัวอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพักอยู่ที่โรงแรมไปตลอด
หากสามารถหางานที่มีสวัสดิการที่พักได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย
เพียงไม่นาน หลินโจวก็พบงานที่เหมาะสมสำหรับเขาบนเว็บไซต์จัดหางานอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คืองานผู้ช่วยส่วนตัว
ถึงอย่างไร เขาก็เคยเป็นผู้ช่วยของเซินเหยามากว่าสามปี ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์การเหมาะกับงานนี้อย่างแน่นอน
สำหรับศิลปินของเทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คนไหนที่กำลังมองหาผู้ช่วยนั้น เขาไม่ได้สนใจเลย
สำหรับคนในวงการบันเทิงพวกนี้ หลินโจวมีอคติอยู่ไม่มากก็น้อย
วงการนี้ทำให้เด็กสาวที่เคยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแปรเปลี่ยนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมองแต่ผลประโยชน์ในเวลาเพียงแค่ 3 ปี
บ่อน้ำเน่าเฟะเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่เป็นคนดี?
หลินโจวเดินเข้าไปในบริษัทเทียนหยุน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มุ่งหน้าไปยังแผนกต้อนรับ และโทรหาจางหง ไม่นานก็มีหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายซาลาเปาเดินมาหาเขา
“สวัสดีค่ะคุณหลิน เชิญตามฉันมาได้เลยค่ะ”
โจวหยุนยิ้มขณะพูดกับหลินโจว แต่ในใจเธอก็ยังแอบทึ่ง: ‘ ว้าว ตัวจริงหล่อเวอร์วังกว่าในรูปอีก! ไอดอลชายพวกนั้นยังสู้เขาไม่ได้เลย!’
"ครับ ขอบคุณครับ"
หลินโจวพยักหน้าเดินตามโจวหยุนไป ไม่นานเขาก็มาถึงห้องทำงานห้องหนึ่ง
และทันทีเขาที่เดินเข้าไป เขาก็พบกับฉากที่ราวกับถูกแต่งแต้มขึ้นโดยสีน้ำมัน
ร่างเพรียวบาง ผมยาวสลวยยืนอยู่ริมหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน กำลังเหม่อมองไปยังถนนด้านล่างที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ อาบย้อมขับเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สง่างามเปล่งประกายราวกับภาพในฝัน
แต่ถึงกระนั้น ไม่ว่าแสงอาทิตย์จะร้อนระอุมากเพียงใด ก็ไม่สามารถปัดเป่าความหนาวเหน็บและความอ้างว้างของผู้หญิงตรงหน้าได้
เหมือนดอกเหมยที่โดดเดี่ยวภายใต้แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นใดๆ แต่จะบานสะพรั่งภายในคืนที่หนาวเหน็บเท่านั้น
“เธอคือซูชิงเหม่ยไม่ใช่เหรอ? ที่แท้ก็เป็นเธองั้นเหรอที่กำลังรับสมัครผู้ช่วยส่วนตัว”
หลินโจวกล่าวกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ ท้ายที่สุดเขาก็อยู่ในวงการบันเทิงมาแล้วถึงสามปีแล้ว เขาย่อมต้องรู้จักซูชิงเหม่ยเป็นธรรมดา
ผู้หญิงคนนี้รู้จักกันในนามเทพธิดาแห่งวงการเพลง มีสองอัตลักษณ์ที่โดดเด่นซึ่งก็คือ เรียวขาสะท้านใจ กับภาพลักษณ์ที่เย็นชา
เรียวขาของซูชิงเหม่ยเป็นที่เลื่องลือในวงการบันเทิง ขาของเธอนั้นเรียวยาวสมส่วน เรียวบางแต่ไม่ขาดอวบอิ่ม ความทำให้ผู้คนยากที่จะละสายตา
ส่วนความเย็นชาเป็นบุคลิกของเธอ ผู้หญิงคนนี้นอกจากร้องเพลงแล้ว เธอแทบไม่ค่อยพูดอะไรเลย แทบไม่เคยมีใครเห็นเธอยิ้มด้วยซ้ำ
ทำไมผู้หญิงที่เป็นดั่งก้อนน้ำแข็งเคลื่อนที่อย่างเธอ ถึงต้องการรับสมัครผู้ช่วยส่วนตัวด้วยล่ะ?
ขณะที่หลินโจวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็พูดขึ้น:
“คุณหลิน เชิญนั่งก่อนค่ะ”
หลินโจวที่ถูกดึงสติกลับมา ละสายตาจากซูชิงเหม่ย ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามของหญิงวัยกลางคน
“คุณหลิน เวลานั้นมีค่า งั้นเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยนะคะ”
จางหงมองสำรวจหลินโจวหัวจรดเท้า พลางคิดไปว่าด้วยสภาพรูปลักษณ์เช่นนี้ของเขาค่อนข้างเหมาะสำหรับการเป็นศิลปิน แต่สำหรับส่วนผู้ช่วยและบอดี้การ์ดนั้น……
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้าของเธอยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม:
“คุณหลิน ฉันคิดว่าคุณคงอ่านรายละเอียดข้อกำหนดเกี่ยวกับในข้อมูลการรับสมัครแล้ว งานของเราค่อนข้างพิเศษ แม้ว่าจะต้องทำงานผู้ช่วยอยู่บ้าง แต่หน้าที่หลักจริงๆ ที่เราต้องการก็คือบอดี้การ์ดค่ะ”
“คุณจำเป็นจะต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของนายจ้าง คุณคิดว่าคุณมีข้อดีหรือจุดเด่นอะไรบ้างที่ทำให้คุณเหมาะสมกับงานนี้?”
หลินโจวไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาตอบออกไปตรงๆ ว่า " ผมเคยทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยและบอดี้การ์ดมาสามปี แบบนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นไหมครับ? "
จางหงและโจวหยุนมองหน้ากัน ก่อนจางหงจะถามขึ้นอีกครั้งว่า " คุณหลิน ช่วยเปิดเผยหน่อยได้ไหมคะว่าอดีตนายจ้างเก่าของคุณคือใคร? แล้วทำไมคุณถึงต้องออกจากงานก่อนหน้านี้"
หลินโจวกล่าวว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมสัญญากับคนอื่นว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ส่วนเหตุผลที่ลาออก... บางทีอาจเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างก็เบื่อหน่ายกับงานแล้วล่ะมั้งครับ”
แม้ว่าประโยคสุดท้ายจะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่จางหงก็ไม่ได้คิดจะซักไซ้เกี่ยวกับ " อดีตเจ้านาย" ของหลินโจวอีก จากนั้นเธอก็ถามคำถามเกี่ยวกับงานด้านผู้ช่วยและบอดี้การ์ดอย่างมืออาชีพ
หลินโจวยังคงโต้ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว
จางหงก็รู้สึกพอใจมาก ขณะที่โจวหยุนก็คิดกับตัวเองในใจว่า ‘นอกจากจากจะหน้าตาดีแล้ว คุณหลินคนนี้ยังเก่งมากอีกด้วย’
แต่ทว่า ในท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของซูชิงเหม่ย
ในเวลานี้ ซูชิงเหม่ยที่ซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในที่สุดก็หันมองกลับมา
ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามและเย็นชานั้นเพียงพอที่จะสะกดจิตผู้คนได้ ผู้ที่มาสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้เกือบทั้งหมด ต่างแสดงท่าทีประหลาดใจซูชิงเหม่ย พวกเขาบางคนถึงกับนิ่งงัน บางคนก็อุทานออกมา แม้กระทั่งทำเรื่องที่เสียมารยาทต่อหน้าซูชิงเหม่ย
แต่หลินโจวกลับยังคงสงบมาก
เขาทำงานเป็นผู้ช่วยและบอดี้การ์ดของเซิ่นเหยามานานกว่า 3 ปี เคยพบเห็นดาราสาวสวยมามากมาย ภายใต้เปลือกนอกที่แสนจะงดงามนั้น พวกเธอส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจที่ต่ำช้าและหยิ่งผยอง
แม้ว่าซูชิงเหม่ยจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่หลินโจวเคยพบเห็นมา แต่สำหรับคนในวงการบันเทิงนี้ ใครจะรู้ภายใต้รูปลักษณ์ที่งดงามนี้อาจมีบางสิ่งซ่อนอยู่ก็เป็นได้…
ซูชิงเหม่ยมองไปที่หลินโจว เมื่อเห็นว่าเขายังคงสงบนิ่ง เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
บรรดาผู้ที่เคยมาสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่านายจ้างของพวกเขาคือเธอ พวกเขาก็ไม่สามารถปิดซ่อนความยินดีและความปรารถนาของพวกเขาได้เลย
เพราะผู้ช่วยส่วนตัวและบอดี้การ์ดนั้นจะต้องคอยตามติดเธอเกือบจะตลอดเวลา
ดังนั้นหากเธอทำผิดพลาดจ้างคนที่ลุ่มหลงหรือมีความปรารถนาคิดร้ายในตัวเธอขึ้นมา เธอก็จะต้องตกอยู่ในอันตราย
สิ่งที่ซูชิงเหม่ยกำลังมองหาคือผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเธอ มีเพียงผู้ชายประเภทนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำงานกับเธอได้อย่างสบายใจ โดยไม่ทำให้เธอต้องกังวล หรือมีปัญหาตามมาในภายหลัง
และชายตรงหน้าคนนี้ก็ดูเธอเหมือนจะไม่มีความสนใจใดๆ ต่อตัวเธอเลย ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะตรงกับความต้องการของเธอพอดี
ซูชิงเหม่ยเดินไปทางหลินโจว ขาเรียวก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ สะโพกของเธอพลิ้วไหวตามการก้าวเดิน ถึงแม้ว่าเธอจะมีท่าทีเย็นชา แต่มันก็ไม่อาจปิดซ่อนรูปร่างอันร้อนแรงของเธอได้เลย
ซูชิงเหม่ยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินโจว ยื่นมือออกไปหาเขา แล้วพูดขึ้นว่า: “คุณหลิน ฉันตกลงจ้างคุณค่ะ”
หลินโจวลุกยืนขึ้น เขาไม่ได้ยื่นมือออกไปจับกับเธอในทันที แต่เลือกถามคำถามที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดในเวลานี้ออกมาโดยตรง: “เอ่อ.. ไม่ทราบว่างานนี้มีที่พักให้ไหมครับ?”
คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนที่โจวหยุนที่อยู่ข้างๆ จะรีบพูดขึ้นว่า: " มีที่พักรวมอาหารค่ะ"
หลินโจวพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกำแจับมือของซูชิงเหม่ยเบาๆ แล้วพูดว่า: “คุณซู จากนี้ช่วนดูแลผมด้วยนะครับ”
ในวินาทีต่อมา จู่ๆ หลินโจวก็นิ่งงันไป
เมื่อมือของเขาสัมผัสกับมือของซูชิงเหม่ย ทันใดนั้นข้อความแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง:
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [เสียดายที่ไม่ใช่เธอ] คืบหน้า 20%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [เส้นทางธรรมดา] คืบหน้า 15%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [พบเจอ] คืบหน้า 10%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว] คืบหน้า 5%...