ตอนที่แล้วCh1: ความสับสน 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCh3: โลก 1

Ch2: ความสับสน 2


ไม้เบสบอนแข็งและแขวนอยู่กลางอากาศ

ดวงตาของหลี่เฉิงยี่ตกตะลึงเมื่อมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา และเขาไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรชั่วขณะหนึ่ง

ต่อหน้าเขา มันเป็นลานจอดรถที่กว้างและมืดตึดตื๋อ ที่นี่ไม่มีรถยนต์สักคันในบริเวณซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่ดูเหมือนกับกล่องปิดยาวๆ มีเพียงแสงสลัวๆ เท่านั้นที่ส่องสว่างพื้น

แสงเป็นสีซีดๆ สองแบบ อันหนึ่งอยู่ทางขวา เป็นเส้นยาวจับจ้องไปที่เพดานสีดำ ทอดยาวไปสู่ความมืดมิดที่อยู่เบื้องหน้า อีกดวงทางด้านซ้ายเป็นโคมไฟเสี้ยวเส้นยาวประมาณหนึ่งเมตร แขวนในแนวนอนบนเพดานทุกๆ สิบเมตร ทีละดวง และขยายไปสู่ความมืดมิดในระยะไกล พื้นสีดำและค่อนข้างสะท้อนแสงถูกทำให้สว่างขึ้นเล็กน้อยจากแสง และมองเห็นเส้นสีขาวคลุมเครือบนที่จอดรถ

'เชี่ยอะไรวะเนี่ย? นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่าวะ?' หลี่เฉิงยี่วางไม้เบสบอลลงเบาๆ และบีบต้นขาของเขาเองแรงๆ

ความเจ็บปวดหนักๆ ที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วทำให้เขาตื่นขึ้นมา

'มันดูเหมือนไม่ใช่ความฝันว่ะ..' เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ก็นะ แม้แต่การเดินทางข้ามเวลาก็ปรากฏขึ้นได้ แล้วมันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเสี่ยงกับสิ่งอื่นด้วย เขาหายใจเข้าลึกๆ เข้าและออก สีหน้าของเขาสงบลงเล็กน้อย เขายืนอยู่ที่ประตูและหยุดชั่วคราว

'ก่อนอื่นต้องให้แน่ใจว่ากำลังความฝันรึเปล่า'

เขาหยิบไม้เบสบอลขึ้นมาแล้วนำเข้ามาใกล้จนเกือบจะแปะหน้าตัวเอง และตรวจดูเนื้อสัมผัสของมันในระยะประชิด มีจุดเล็กๆ ของสนิมเรียบๆ บนพื้นผิวของมัน และสีเงินสะท้อนแสงออกไปไกล

ส่วนกลางมีลวดลายคล้ายม้วนสลัก--มีอักษรตัวเล็กจิ๋วที่เรียงกันเป็นบรรทัดว่า: ชีวิตคือการดิ้นรนอย่างหนัก ด้านล่างคือบริษัทแบรนด์: Bijia Sports ด้านล่างมีอักขระเรียบร้อยสองตัวที่แสดงถึงบริษัทของเขา: ความฝันไม่สามารถกลายเป็นเรื่องชัดเจนและละเอียดอ่อนได้!

หลี่เฉิงอี้รู้สึกแตกสลายแบบแปลกๆ ขณะเขาก็จับด้ามกันลื่นของไม้เบสบอนไว้แน่น พื้นผิวที่แข็งกระด้างที่ให้ความรู้สึกสากๆ ซึ่งทำให้เขาแน่ใจอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่ความฝัน โดยทั่วไปตามประสบการณ์อันแสนส้นตีนของเขานั้นการตัดสินว่าเป็นความฝันรึเปล่ามันก็จะต้องสังเกตรายละเอียดเพื่อค้นหาเบาะแสเท่านั้นแหละ

ก็รายละเอียดในฝันมักจะพร่ามัวใช่มั้ยล่ะ

และตอนนี้เขายืนอยู่ที่ประตู หายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่ลานจอดรถ เชี่ยเอ้ย ไม่ได้อยากนอนข้างนอกนะเว้ย เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว อยากถอยกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูแม่งเดี๋ยวนี้

'บางทีการปิดประตูแล้วเปิดใหม่ก็จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกตินะ'

เขาคิดกับตัวเอง แต่หลังเขาดันแปะเข้ากับกำแพงที่เย็นเฉียบ

'!!!' หลี่เฉิงอี้ตัวแข็งและหันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว

ไอ้ที่ควรจะเป็นห้องนอนด้านหลังเขากลายเป็นผนังสีเทาขมุกขมัว

ชิบหายแล้ว!?

ห้องนอนแม่งหายเว้ย!?

แล้วทีนี้เขาก็ถือไม้เบสบอลและสวมกางเกงชั้นในสีเทาตัวที่เขาใส่เข้านอน--ในสภาพแบบนี้--โดยไม่รู้ตัวว่าเกิดบ้าอะไรในชีวิต

ห้องนอนก็หายไปแล้ว

หายยันกรอบประตูเลยทีนี้

แล้วจะให้อยู่ยังไงในสภาพนี้โล่งๆ หน้ากำแพงขาวๆ ขุ่นที่เหมือนกันหมดทุกด้าน

ถ้าไม่ใช่เพราะไม้เบสบอลที่เขาถืออยู่ในมือ คงได้คิดว่าไอ้ที่คิดว่าตัวเองเคยหลับอยู่ในห้องเมื่อกี้นี่แหละคือหลอนไปเอง

หลี่เฉิงอี้เหยียดมือออกแตะผนังด้านหน้าเขาเบาๆ

สัมผัสที่แข็ง เย็น และพื้นผิวหยาบได้ตีแสกหน้าให้เขารู้ว่ากำแพงนี่ของจริงว่ะ

มีจุดเสียหายปะปรายบนผนังราวกับว่ามันเคยถูกกระแทกด้วยของแข็งในมุมแหลมจนเผยให้เห็นชั้นวัสดุสีเทาดำอีกชั้นหนึ่งอยู่ข้างใต้

'นี่มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกันแน่!?!!'

หลี่เฉิงอี้ตะลึงจนไม่รู้จะตะลึงยังไงแล้ว

แต่แล้วเขาหันกลับมาอีกครั้ง มองที่ลานจอดรถและสูดหายใจเข้าลึกๆ

เขาลังเลและหยุดครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาค่อยๆ สงบลงและแสงในดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดเขาก็หายใจเข้าเต็มปอดและก้าวไปข้างหน้า

------วูบบบบ------

ทันทีทันใดโลกก็หมุนคว้างจนดวงตาของหลี่เฉิงอี้พร่ามัวรวมทั้งจิตสำนึกของเขาก็เบลอมัวไปชั่วขณะ เหมือนเขาจะล่องลอยส่วนโลกก็หมุนของมันไปก่อนจะกลืนกินทุกสิ่ง

เสียงสัญญาณเตือนดังก้องอยู่ในหูของเขา

หลี่เฉิงอี้ค่อยๆ ฟื้นคืนวิสัยทัศน์ของเขา

ลานจอดรถในสายตาของเขากลายสภาพเป็นเพียงเพดานสีขาวในห้องนอนของเขาเอง กับชิ้นส่วนของแผ่นโลหะสี่เหลี่ยมที่ต่อเข้าด้วยกันโดยมีกรอบสี่เหลี่ยมสีขาวและเส้นสีดำเป็นลวดลายเพดานที่เรียบง่าย--บ้านของเขา

เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างโล่งอก และโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงก็สั่นเล็กน้อย

เป็นนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ คำว่า 'ออกกำลังกาย' ปรากฏบนหน้าจอสีฟ้าอ่อน

เวลาคือ 7:32

หลี่เฉิงอี้หายใจเข้าเต็มที่และรู้สึกว่าหลอดเลือดหัวใจของเขายังเต้นตุบๆ

ไอ้ฉากเมื่อกี้แม่งเหมือนจริงมากจนเขายังคงไม่สามารถโยนมันออกไปจากหัวได้ เขาจึงได้แต่นั่งบนเตียงและรอให้เลือดไหลเวียนช้าลง แล้วจึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขณะที่เสียงเตือนดังขึ้น พื้นหลังของโทรศัพท์มือถือเป็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มโดยมีคนหนุ่มสาวสามคนสวมเสื้อชูชีพสีแดงอยู่ตรงกลางนอนหงายบนที่นอนเป่าลมทรงกลม

ทั้งสามคนวางมือไว้ด้านหลังศีรษะและยิ้มอย่างมีความสุข

แสงแดดสีทอง ที่นอนเป่าลมสีเทา เสื้อชูชีพสีแดง และรอยยิ้มอันสดใสของคนสามคน ก่อให้เกิดภาพอันอบอุ่น ณ ใจกลางผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม

หลี่เฉิงอี้มองไปที่ภาพพื้นหลังบนหน้าจอ ถือโทรศัพท์กลางอากาศและรออยู่พักหนึ่ง มีเพียงความทรงจำที่คลุมเครือเท่านั้นออกมาจากใจของเขา

'หลินซาง เฉินซูตง'

เขาจำชื่อของอีกสองคนได้นอกเหนือจากชื่อของเขาเอง

ชื่อของเด็กหญิงคือหลินซางและเด็กหนุุ่มที่ดูบึกบึนคือเฉินซูตง ภาพนี้ถ่ายโดยภาพถ่ายทางอากาศเมื่อทั้งสามคนไปที่หมู่เกาะปี้ซาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรสีฟ้าด้วยกันเมื่อสองปีที่แล้ว พอปิดจอลงลงแล้วมองดูรูปลักษณ์ของโทรศัพท์มือถือ เป็นกล่องเงินสี่เหลี่ยมๆ เรียบๆ ไม่แตกต่างจากโทรศัพท์มือถือในชาติที่แล้วมากนัก เป็นหน้าจอทั้งหมด ไม่มีปุ่ม แล้วก็มีรอยร้าว

เขาวางโทรศัพท์มือถือลง ยกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่หน้าต่าง ผลักเสื้อคลุมและเสื้อผ้าสองสามตัวที่แขวนอยู่ข้างหน้าต่างออกไปแล้วเปิดหน้าต่าง อากาศเย็นข้างนอกกลายเป็นลมกระโชกแรงพัดมาบนแก้มของเขแถมกลิ่นหอมของไข่ทอดก็ทะลุเข้ามาในรูจมูก ไฟนอกหน้าต่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์ หน้าต่างอยู่ชั้น 4 มีรถสีต่างๆ จอดอยู่ด้านล่าง ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสีเทาขาวอีกหลังที่มีมากกว่า 10 ชั้น จากจุดนี้จะเห็นครอบครัวที่เคลื่อนตัวไปตามหน้าต่างระหว่างชั้นต่างๆ หลี่เฉิงอี้หันศีรษะและมองไกลออกไปในท้องฟ้า

บนท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆขาวเหมือนสำลี บางครั้งบังแสงแดด บ้างก็มีสีทองลอดผ่านลงมา

เมื่อสติอารมณ์ของเขาสงบดีแล้วจึงหันหลังเดินไปที่โต๊ะ และหยิบกระจกสะอาดๆ ออกมาจากลิ้นชัก มองดูตัวเองในกระจก

มันสะท้อนใบหน้าของชายหนุ่มหน้าตาบ้านๆ ที่มีดวงตาสีเข้มและผิวสีเหลืองอ่อน คิ้วบางหน่อย มุมตาของเขายกขึ้นนิดนึง และดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าจดจำอีก จมูกไม่แบนหรือโด่ง ปากไม่กว้างไม่แคบ ไม่หนาหรือบาง เขาอายุประมาณยี่สิบ มีดวงตาที่อยากรู้อยากเห็นและดูขี้สงสัยนิดหน่อย

'มันก็ไม่ได้ต่างจากชาติก่อนๆ เลยไม่ใช่เหรอ?'

ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจของหลี่เฉิงอี้

ตามนิสัยของเจ้าของร่างคนเดิมตอนนี้เขาคงแต่งตัวและออกไปวิ่งออกกำลังกายแล้ว แม้ความทรงจำจะคลุมเครือแต่ก็จำอะไรได้หลายอย่างนะ แต่เขาก็รีบเปิดตู้เสื้อผ้า--ค้นหาชุดกีฬาสีเทาชุดหนึ่งแล้วสวม จากนั้นจึงเปิดประตูและเดินออกไปในห้องนั่งเล่น แต่ทั้งห้องนั่งเล่นว่างเปล่า พ่อแม่และพี่สาวไม่อยู่แฮะ นอกจากนี้ยังมีรองเท้าสองสามคู่หายไปในตู้รองเท้าที่ประตู

กล่องใส่อะไรบางอย่างที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคล้ายเยลลี่ถูกวางอยู่บนโต๊ะหินสี่เหลี่ยมสีเทา หลี่เฉิงอี้เข้าไปใกล้ขึ้น หยิบมันขึ้นมาดู มีข้อความพิมพ์อยู่ด้านนอกกล่อง: Tremella Mung Bean Porridge-Guding Brand. หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งทีนี้จะเหลือเหรอ ชิมโลด

แหม.. หวานจัดไม่ต่างจากชาติที่แล้ว

เขากินอาหารเช้าอย่างเร็วๆ เปลี่ยนรองเท้า และนำกระเป๋าคาดเข็มขัดกีฬามาด้วย หลี่เฉิงอี้ทบทวนความทรงจำที่คลุมเครือของเขาอย่างรอบคอบ ใส่คีย์ในโทรศัพท์มือถือ--เปิดประตูแล้วเดินออกจากบ้าน ขณะรอที่ใกล้ทางขึ้นลงบันไดที่ว่างเปล่าและเย็น ความเร็วของลิฟต์มาเร็วกว่าที่เขาคาดไว้แฮะ ทันทีที่เขากดปุ่มโดยนับสี่วินาทีในใจเขาก็มาถึงชั้นหนึ่ง

เมื่อเดินออกจากลิฟต์และออกจากทางเข้าอาคาร เมื่อเท้าของเขาเหยียบบนพื้นสีเทาด้านนอกเป็นครั้งแรกความรู้สึกรอบๆ ตัวก็แจ่มชัดจนหลี่เฉิงอี้ก็รู้สึกสบายใจ เขายืนอยู่ที่ทางเข้าอาคารและรู้สึกถึงลมอุ่นๆ ที่พัดมาตามร่างกายของเขา ลมพัดกลิ่นหอมของดอกไม้และอาหารเช้า และความรู้สึกสดชื่นที่อธิบายไม่ได้ก็เข้ามาในใจของเขา

----กรี๊งงงงง----

มีเสียงระฆังดังมาจากทางเข้าอาคารฝั่งตรงข้าม เป็นชายชราผมหงอกช่วยหลานสาวนั่งบนเบาะหลังของจักรยาน เขาเดินอย่างรีบเร่งไปข้างหน้าทีละก้าว ทีละสองก้าว แล้วจึงขึ้นจักรยาน ปั่นจักรยานอย่างสงบ ท่าทางจะส่งหลานสาวไปโรงเรียน ส่วนเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุไม่ถึงสิบปีถือกระเป๋านักเรียนและหาว ยังมีน้ำตาอยู่บ้าง และยังมีรอยนิ้วมือที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า

หลี่เฉิงอี้ขยับข้อเท้าของเขาขณะเฝ้าดูเด็กหญิงตัวเล็กๆ และชายชราจากไป เขากระโดดสองครั้ง ตามทิศทางของจักรยาน และวิ่งตามให้ทัน ฝั่งนั้นเป็นทางออกจากชุมชนและเป็นที่ออกกำลังกายทุกวันของชุมชนที่เรียกว่าเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ของชุมชน 'Happy Community (ชุมชนแสนสุข)'

บนถนนในชุมชนมีรถยนต์ขับผ่านไปมาล้วนแต่เป็นคนออกไปทำงาน ใบไม้และกิ่งก้านบนหัวปลิวไปตามสายลม และมีเศษสีเหลืองเล็กๆ ปลิวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งดูเหมือนเป็นกลีบดอกไม้หรือปุยบนใบไม้

หลี่เฉิงอี้วิ่งออกจากชุมชนไปตามถนน หยุดครู่หนึ่งที่หน้าก้อนหินสีแดงขนาดใหญ่ที่มีคำว่า Happy Community อยู่ทางด้านขวาของประตู จากนั้นจึงวิ่งต่อไปทางด้านขวาของชุมชน

อากาศบริสุทธิ์ อุณหภูมิที่เหมาะสม แสงสว่าง ถนนที่สะอาด

มีรถยนต์จำนวนมาก ผู้คนไปทำงานและพาลูกไปโรงเรียน รวมถึงผู้คนที่ตื่นเช้าเพื่อออกกำลังกาย

ความรู้สึกที่เป็นจริงทั้งหมดทำให้อารมณ์ที่ค่อนข้างไม่มั่นคงของหลี่เฉิงอี้สงบลงอย่างช้าๆ

เขาวิ่งไปที่ทางเข้าสวนสาธารณะขนาดเล็กในหนึ่งลมหายใจ หยุดที่พื้นที่โล่งเป็นวงกลมแล้วรอ คนที่ออกกำลังกายกับเจ้าของร่างเก่าของเขาคืออีกสองคนที่อยู่ในภาพพื้นหลังบนโทรศัพท์มือถือของเขา: หลินซาง และ เฉินซูตง

ห้าวันจากเจ็ดวันต่อสัปดาห์ พวกเขาจะพากันมาที่นี่ด้วยกันเพื่อออกกำลังกายแต่เช้า หลี่เฉิงอี้คาดหวังเล็กน้อย แต่ก็กังวลนิดหน่อยด้วย ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับเขา ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในความทรงจำของร่างนี้มันทั้งคุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคย

ขณะกำลังคิดว่าจะจัดการกับเพื่อนอีกสองคนอย่างไร ความไม่สบายใจที่เกิดจากประสบการณ์แปลกๆ เมื่อคืนก็ค่อยๆ ถูกลืมไป เขามีความรู้สึกมึนงงที่คลุมเครือราวกับว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา และชีวิตก่อนหน้านี้ในความทรงจำของเขาเป็นเพียงความฝันที่แท้จริงไปซะแล้ว แต่ความรู้สึกนี้ถูกลืมไปอย่างรวดเร็วเพราะว่ามีคนอยู่ทางขวากำลังวิ่งมาหาเขาแล้ว

"เสี่ยวอี้!" ชายคนนั้นตะโกนจากระยะไกล การเคลื่อนไหวในการวิ่งของเขามีมาตรฐานเอามากๆ

ชายคนนี้ตัวสูง อย่างเบาๆ ก็ร้อยเก้าสิบเซนต์แน่ๆ ตัดผมสั้น กล้ามใหญ่ สูงมาก สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ กางเกงวอร์มสีเทาขาว คิ้วหนา มีไฝแดง ล่ำบึก คิ้วด้านซ้ายของเขา เขาคือเฉินซูตง เพื่อนของเจ้าของร่างคนเก่าของเขาและเพื่อนร่วมชั้นของหลี่เฉิงอี้

*****************

คนแปล: พระเอกลงโดยไม่ล้างหน้าแปรงฟัน?

5 1 โหวต
Article Rating
5 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด