1203 - โซ่อมตะที่หายไป
1203 - โซ่อมตะที่หายไป
คัมภีร์ครึ่งหน้าสีแดงราวกับเลือดสั่นไหวอยู่บนพื้น ในตอนนี้มันยังคงมีเสียงกรีดร้องของเฟิ่งหวงดังออกมาเป็นระยะๆ
เปลวไฟเล็กๆ ที่กระจายขึ้นสู่ท้องฟ้าควบแน่นกลายเป็นอักษรมากมายนับไม่ถ้วน เย่ฟ่านก้าวถอยหลังด้วยความระมัดระวังและไม่กล้าเข้าใกล้คัมภีร์สุ่มสี่สุ่มห้า
“กรี๊ดดดด!”
ในส่วนลึกสุดของเขตไฟ นกน้อยยังคงกรีดร้องด้วยความโกรธเกี้ยวอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ออกจากต้นไม้ต้นเดิมคล้ายกับมีความเกรงกลัวต่อเมล็ดโพธิ์อย่างยิ่ง
“นี่คือแก่นแท้ของไฟอมตะ?” สีหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เปลวไฟที่แผดเผาลงมาจากด้านบนนั้นร้อนแรงมากที่สุดเท่าที่เย่ฟ่านเคยสัมผัส พลังของมันยังเหนือกว่าเปลวไฟระดับเก้าหลายสิบเท่า
แสงของพุทธะที่กระจายออกมาจากเมล็ดโพธิ์ยังคงปิดกั้นบริเวณที่เย่ฟ่านยืนอยู่ เปลวไฟจากนกตัวน้อยไม่สามารถทำอันตรายต่อเย่ฟ่านได้
อย่างไรก็ตามเปลือกของเมล็ดโพธิ์เริ่มสั่นไหว เห็นได้ชัดว่ามันแทบจะทนอำนาจของนกน้อยตัวนี้ไม่ได้แล้ว
ภาพธรรมของพุทธองค์ขนาดใหญ่ซึ่งปิดกั้นอยู่ด้านหน้าของเย่ฟ่านในตอนแรกยังสามารถปลดปล่อยแสงสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะนี้แสงสีทองเริ่มหม่นหมองลงทุกขณะ
ถึงอย่างนั้นเย่ฟ่านก็ยังรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเมล็ดโพธิ์จะมีอำนาจถึงขนาดนี้!
ในเวลาต่อมามีเสียงกร๊อบแก๊บดังขึ้น นกน้อยกรีดร้องอยู่บนยอดผาพร้อมกับปลดปล่อยเปลวไฟให้เผาผลาญเย่ฟ่านอย่างรุนแรงมากกว่าเดิม
หนังศีรษะของเย่ฟ่านชาด้าน ในที่สุดเขาก็ตระหนักแล้วว่าเหตุใดจึงมีบันทึกกล่าวไว้ว่าในส่วนที่ลึกที่สุดของเขตเปลวไฟแม้แต่เซียนยังถูกเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเซียนผู้นั้นจะต้องถูกนกน้อยตัวนี้ฆ่าตายอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือเฟิ่งหวงอมตะหรือไม่ ถ้ามันบินลงมาข้างล่างต่อให้มีเมล็ดโพธิ์คอยปกป้องเย่ฟ่านเชื่อว่าเขายังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้อยู่ดี
“ข้าต้องรีบแล้ว!”
เย่ฟ่านรีบหยิบเมล็ดโพธิ์ขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น ในขณะนี้เมล็ดโพธิ์ของเขาเริ่มอ่อนนุ่มเห็นได้ชัดว่ามันอาจจะละลายกลายเป็นของเหลวได้ตลอดเวลา
เย่ฟ่านหวาดกลัวอย่างมาก หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากเมล็ดโพธิ์นี้เขาจะต้องถูกเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
และในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเย่ฟ่านจึงได้แต่กดเมล็ดโพธิ์ที่อ่อนนุ่มเข้าไปในทะเลศักดิ์สิทธิ์กลางหน้าผากของตัวเอง
บูม!
ทันใดนั้นเย่ฟ่านดูเหมือนจะก้าวเข้าสู่สภาวะแปลกๆ บางอย่าง ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสีทองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในขณะเดียวกันพระพุทธรูปที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
เย่ฟ่านนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าราวกับเทพอสูร เส้นผมสีดำของเขาโบกสะบัดอย่างวุ่นวายและมีแสงสีทองบานสะพรั่งออกมาอยู่ตลอดเวลา
“นี่คือ…”
เย่ฟ่านตกตะลึง ร่างของพระพุทธเจ้าหายไปแล้ว ในตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับเปลวไฟของเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์อย่างตรงไปตรงมา ความร้อนที่แผดเผานั้นทำให้เย่ฟ่านเกิดความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น?”
ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความร้อนไม่มีที่สิ้นสุด แต่เย่ฟ่านไม่ได้มีความรู้สึกว่าร่างกายของเขาจะถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน ในทางตรงกันข้ามอารมณ์ของเขากลับสงบมากขึ้น
เมื่อรู้ว่าเปลวไฟที่อยู่บนท้องฟ้าไม่สามารถเผาผลาญเขาจนตายได้เย่ฟ่านจึงเลิกให้ความสนใจกับการปกป้องตัวเองและเริ่มสำรวจเมล็ดโพธิ์อย่างจริงจัง
ในขณะนี้เมล็ดโพธิ์ล่องลอยอยู่ในทะเลศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่าน หลังจากสำรวจอย่างระมัดระวังเขาก็ค้นพบอักขระโบราณเล็กๆมากมายซึ่งถูกสลักด้วยภาษาสันสกฤต
เย่ฟ่านศึกษาตัวอักขระเหล่านั้นอย่างจริงจังจนกระทั่งหลงลืมตัวตนของตัวเองโดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อเมล็ดโพธิ์เคลื่อนตัวออกจากทะเลศักดิ์สิทธิ์ เย่ฟ่านก็ตื่นขึ้น จิตวิญญาณที่เคยล่องลอยไม่เป็นตัวของตัวเองในที่สุดก็ฟื้นคืนสติกลับมา
“เฮ้อ...”
เย่ฟ่านทอดถอนใจเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าพระพุทธเจ้าตัวจริงหายสาบสูญไปที่ใด ตอนนี้เขาพระสุเมรุของพระองค์ถูกใครบางคนยึดครองและประกาศตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้าคนใหม่!
สถานการณ์นี้สร้างความกดดันให้กับเย่ฟ่านเป็นอย่างมาก แม้ว่าพระพุทธเจ้าโต้วจ้านจะมีความแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นมิตรต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่เขาแสดงออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“เมล็ดพันธุ์นี้วิเศษมากมันสามารถทำให้ผู้คนเกิดความรู้แจ้งในเต๋าได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้มันเป็นของข้าโดยสมบูรณ์แล้ว”
เย่ฟ่านถือเมล็ดโพธิ์ไว้ในมือและรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าหลังจากผ่านประสบการณ์เมื่อครู่เมล็ดโพธิ์นี้ได้หลอมรวมกับจิตวิญญาณของเขาโดยสมบูรณ์
“คัมภีร์อมตะครึ่งหน้า!”
เปลวไฟที่โอบล้อมสถานที่แห่งนี้หายไปแล้ว อย่างไรก็ตามนกตัวน้อยยังคงเกาะอยู่บนหน้าผาและจ้องมองคัมภีร์สีแดงฉานอยู่ตลอดเวลา!
เย่ฟ่านถือโพธิไว้ในมือและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาของเขามองคัมภีร์สีแดงที่อยู่บนพื้นและเฝ้าจับตาปฏิกิริยาของนกตัวน้อยด้วยความระมัดระวัง
นี่คือคัมภีร์อมตะ?
ในโลกนี้ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีผู้อมตะที่แท้จริง แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องแสวงหาความอมตะในโลกอื่น แต่หากเย่ฟ่านได้รับมันจริงๆ มันจะเป็นความโชคดีมากเพียงใด?
เย่ฟ่านไม่กล้าหยิบคัมภีร์บนพื้นขึ้นมาเพราะกลัวว่านกน้อยตัวนั้นจะคลุ้มคลั่ง เขาเพียงอ่านเนื้อหาบนคัมภีร์ด้วยความระมัดระวังและทำความเข้าใจต่อความลับของเฟิ่งหวงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอสูรอมตะโบราณ
แต่น่าเสียดายที่คัมภีร์นี้มีเพียงครึ่งหน้าเท่านั้น การที่เนื้อหาส่วนใหญ่ของมันหายสาบสูญไปย่อมส่งผลกระทบต่อเย่ฟ่านเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มศึกษามันอย่างไร
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านขมวดคิ้วและรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าโพธิในมือจะมีความสอดคล้องกับจิตวิญญาณของเขามากกว่าเดิมและช่วยให้เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น
แต่คัมภีร์เฟิ่งหวงมีระดับสูงอย่างยิ่ง อย่างมากสุดเขาก็ทำได้แค่ใช้มันจับร่องรอยของเต๋าที่อยู่ในคัมภีร์ได้เล็กน้อยเท่านั้น
“กรี๊ด กรี๊ด!”
นกน้อยที่อยู่ในอากาศสัมผัสได้ว่าเย่ฟ่านดูเหมือนจะได้รับบางสิ่งบางอย่างจากคัมภีร์เฟิ่งหวงสีเลือดดังนั้นมันจึงเริ่มกรีดร้องด้วยความโกรธ และทำให้อุณหภูมิโดยรอบร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ปัง!”
มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง โลกทั้งใบสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นประกายไฟสีแดงฉานได้ระเบิดออกมาจากคัมภีร์อมตะครึ่งเล่มและย้อมเขตเปลวไฟทั้งหมดให้จมอยู่ในโลกสีแดง
“ลวดลายเต๋าที่สมบูรณ์แบบ!” เย่ฟ่านจ้องมองตรงไปในอากาศ
แสงสีแดงเลือดที่กระจายออกมานั้นเริ่มควบแน่นกลายเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์สีแดงขนาดใหญ่ที่พาดผ่านท้องฟ้า โซ่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีอักขระตัวเล็กๆ ถูกสลักไว้เต็มไปหมด
ดวงตาของเย่ฟ่านจับจ้องอยู่ที่ตัวอักษรเหล่านั้นและรีบจดจำมันไว้อย่างรวดเร็ว
“ฟู่”
จิตสำนึกของเย่ฟ่านดูเหมือนจะล่องลอยออกจากร่างอีกครั้ง เขานั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าและมีเพียงภาพของโซ่สีแดงฉานเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา
“มันเป็นความลับของความเป็นอมตะหรือเปล่า?” เย่ฟ่านรวบรวมจิตวิญญาณทั้งหมดของตัวเองเพื่อศึกษาโซ่ขนาดใหญ่ซึ่งถูกควบแน่นขึ้นจากเต๋า
น่าเสียดายที่ครึ่งหน้าของคัมภีร์เฟิ่งหวงโลหิตมีขนาดเล็กมากและมันก็บรรจุอักขระเต๋าได้เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ต่อให้เย่ฟ่านใช้สมาธิมากเพียงใดมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถอนุมานทักษะเต๋าที่ถูกซ่อนอยู่ในโซ่เส้นนี้ได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม เย่ฟ่านยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับความจริงที่ว่านี่คือหนึ่งในเก้าญาณวิเศษลึกลับ “โซ่อมตะ” นั่นเอง!
นี่คือทักษะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเก้าญาณวิเศษลึกลับ ขอเพียงทำความเข้าใจทักษะนี้ได้เท่านั้นจึงจะสามารถเชื่อมโยงญาณวิเศษอีกแปดประเภทเข้าด้วยกันได้
มันเป็นเหมือนโซ่ที่ใช้เชื่อมต่อญาณวิเศษทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว หากไม่มีมันต่อให้เย่ฟ่านสามารถรวบรวมเก้าญาณวิเศษลึกลับทั้งหมดได้สำเร็จเขาก็ไม่สามารถทำให้มันกลายเป็นคัมภีร์ที่สมบูรณ์แบบได้อยู่ดี
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทักษะนี้ก็คือ “ความเป็นอมตะ” ของมัน
ยิ่งทำการศึกษามากเท่าใดเย่ฟ่านก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าวิญญาณจะแตกสลาย แต่ก็สามารถซ่อมแซมกลับมาเป็นปกติได้
เมื่อฝึกฝนสำเร็จต่อให้เหลือเลือดเพียงหยดเดียวเย่ฟ่านยังสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับคืนสู่จุดสูงสุดในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ฟ่านเสียใจมากที่สุดก็คือ โซ่ศักดิ์สิทธิ์นี้ควรจะมีทั้งหมดเก้าเส้น แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขากลับมีเพียงเส้นเดียว ซึ่งทำให้พลังที่แท้จริงของมันอ่อนแอลงเกือบสิบเท่า
แน่นอนว่าต่อให้ฝึกฝนคัมภีร์ฉบับสมบูรณ์เย่ฟ่านยังไม่มีทางเข้าใกล้ขอบเขตที่เรียกว่าความเป็นอมตะได้จริงๆ นั่นก็เพราะพลังของทักษะนี้เป็นเพียงการฟื้นฟูร่างกายและไม่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยของสิ่งมีชีวิต!
……