บทที่ 74 : สิบแปดมงกุฎในตำนาน ซึนาเดะ!
บทที่ 74 : สิบแปดมงกุฎในตำนาน ซึนาเดะ!
“ดีมาก เด็กดีสมควรที่จะได้กินขนม” ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมา แกะแล้วโยนมันเข้าไปในปากของเขา
ซากุระถึงกับพูดไม่ออก
'อาจารย์ซาโตรุบอกว่าเด็กดีที่จะได้ขนมกินไม่ใช่หรือไง?'
'ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ซาโตรุก็จะกินขนมคนเดียวงั้นเหรอ?'
'สรุปเขาชมตัวเองหรือเธอกันแน่เนี่ย?'
“กล่าวแบบรวบย่อก็คือ ตอนนี้เธอมีภาชนะเก็บจักระสองใบ หนึ่งคือร่างกายของเธอเอง และสองคือตราประทับเบียคุโก”
“เมื่อจักระของเธอเต็ม จักระส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ในผนึกเบียคุกัน เพื่อเพิ่มจำนวนจักระทั้งหมดที่เธอสามารถใช้ได้”
ซาโตรุดูดอมยิ้มเบาๆ แล้วพูดพร้อมกับยิ้มออกมา “เข้าใจง่ายใช่ไหมล่ะ?”
ซากุระพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ว่าจักระกำลังไหลเข้าสู่ผนึกเบียคุโกทีละน้อย
อาจารย์ซาโตรุมีพลังมากจริงๆ เขาสามารถสร้างที่เก็บจักระที่สองในรูปแบบของผนึกได้
ซากุระถามด้วยท่าทีเคารพ “อาจารย์ซาโตรุ หนูควรทำยังไงต่อดีคะ?”
“พลิกหน้าเร็วกว่าพลิกหน้ากระดาษอีกนะ” ซาโตรุพูดไม่ออกเลย
ซากุระยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอแสดงความเคารพต่อเขาทันทีที่ได้รับผลประโยชน์มา
"ควบคุมจักระ" ซาโตรุกล่าว
“การควบคุมจักระ? เราเคยเรียนมาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” ซากุระนั้นเคยเรียนรู้การควบคุมจักระมาก่อน
แล้วทำไมเธอต้องฝึกตอนนี้ด้วย?
“ฉันจะทำให้ดูเพียงครั้งเดียว” ซาโตรุยกนิ้วขึ้นและแตะพื้นผิวลำต้นของต้นไม้ใหญ่
ด้วยการสะบัดเพียงครั้งเดียว
*บูม*
ต้นไม้ใหญ่ระเบิดหัก โค่นต้นไม้ใหญ่หลายต้นแล้วล้มลงกับพื้นอย่างแรง
"หา??"
ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดต่างเห็นมันด้วยตา เมื่อครู่นี้ซาโตรุแค่สะบัดนิ้วเบาๆ เท่านั้นเอง แต่พลังที่ปลดปล่อยมานั้นยิ่งใหญ่มากจนต้นไม้ใหญ่ปลิวไปทั้งต้น
*ฟู้ว*
นารูโตะรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก แผ่นหลังของเขารู้สึกเย็นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาที่พูดกับซาโตรุก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัวในใจขึ้นมา
เพียงนิ้วเดียวกลับสามารถระเบิดต้นไม้ทั้งต้นได้
มันคงสามารถสะบัดเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
นารูโตะรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย เขาได้แต่ลอบตัดสินใจตัดสินใจเงียบๆ คนเดียว
'คราวหน้าอย่าไปยุ่งกับอาจารย์ซาโตรุอีก'
“ดูสิ เธอสามารถทำแบบนี้ได้โดยแค่ต้องควบคุมจักระ” ซาโตรุชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆ เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางเบา “ยัยเด็กน้อย พูดง่ายๆ ก็คือเธอจะต้องเจาะทะลุต้นไม้ใหญ่ให้ได้”
"หนูจะลองดู" ซากุระหลับตา รู้สึกถึงการไหลของจักระ จากนั้นก็ควบคุมการไหลของจักระไปที่มือของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน
"ฮึ่บ" ซากุระลืมตาขึ้นทันที กำหมัดแน่นและกระแทกต้นไม้เต็มกำลัง
*แกร๊กก*
ต้นไม้ใหญ่สั่นไหวเล็กน้อย และใบไม้สีเขียวสองสามใบก็ร่วงหล่นลงมา ในขณะที่มือของซากุระโค้งงอและมีเลือดสีแดงไหลออกมา
หมัดหนึ่งหมัดทำให้มือของเธอหักทันที
“ฮึก ฮือ เจ็บ!” ซากุระคุกเข่าลงกับพื้น จับมือซ้ายที่หักของเธอ ใบหน้าของเธอซีดลงด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
กระทั่งซาโตรุก็ยังตกตะลึง
"เธอโง่เหรอเนี่ย?" มุมปากของซาโตรุกระตุกเล็กน้อยเมื่อมองดูซากุระที่ร้องไห้ เขาไม่มีอะไรจะพูดเลย "ฉันพอเข้าใจได้ว่าไอ้เด็กจิ้งจอกนั้นมันโง่ แต่ไหงเธอทำแบบนี้กันเล่า"
ต่อยต้นไม้ใหญ่จนกระดูกหักเหรอ?
นี่เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ปกติหรือไงกัน?
“อาจารย์ซาโตรุ ได้โปรดช่วยหนูรักษามือด้วย” ซากุระมองซาโตรุทั้งน้ำตา
“รักษาด้วยตัวเองสิ นี่ก็เหมือนกันการออกกำลังกายแหละ เธอ…ควรจะทำได้นะ” ซาโตรุหันหลังแล้วเดินเข้าไปในเต็นท์
"ลองดูสิ…" ซาโตรุกล่าว ก่อนจากไป
ก่อนหน้านี้เขาสอนซากุระถึงวิธีใช้วิชานินจาแพทย์
“แล้วก็ท้ายที่สุดนี้ เจ้าพวกเด็กแสบทั้งหลาย ฝึกให้หนักและพยายามพึ่งพาตนเองให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซาโตรุพูดและปิดประตูเต็นท์
นารูโตะจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการเรียนรู้คาถาอัญเชิญ
ซาสึเกะต้องฝึกฝนการเปลี่ยนธาตุของจักระ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณสามสัปดาห์
ส่วนซากุระนั้น
การฝึกควบคุมจักระของซากุระนั้นละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะตัดสินเวลา
แต่อย่างน้อยหลังจากได้พบกับซึนาเดะ ก็น่าจะไม่ต้องห่วงได้ไปสักพัก
ทุกคนในทีมเจ็ดฝึกฝนด้วยตัวเอง ซากุระฝึกอย่างหนักเพื่อใช้คาถารักษาก่อนที่จะเรียนรู้พลังแปลกๆ ที่ว่านี้
ไม่ว่านารูโตะจะฝึกคาถาอัญเชิญอย่างไร สิ่งที่เขาอัญเชิญออกมาก็คือลูกแมวเกิดใหม่ เขาโกรธมากจนเริ่มทำสัญลักษณ์มืออย่างบ้าคลั่ง และก็ตบพื้นอย่างบ้าคลั่ง
ทางด้านซาสึเกะก็กำลังฝึกฝนโดยเน้นไปที่การใช้จักระธาตุไฟ
พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักด้วยตัวของพวกเขาเอง
...
สองวันต่อมา…
พระอาทิตย์ส่องสว่างและท้องฟ้าก็มีแดดเจิดจ้า
บนถนนไม้ไผ่
ภายในโรงพนันขนาดใหญ่
มีผู้คนจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศของมันดูมีชีวิตชีวายิ่ง
หลายคนรวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะพนัน วางเดิมพันในบรรยากาศที่ร้อนระอุ
ชายร่างใหญ่วางลูกเต๋าลงบนโต๊ะพนัน เหลือบมองผู้ชมแล้วตะโกนเสียงดังว่า "เริ่มเดิมพันได้ สูงหรือต่ำ?"
“ห้าร้อยเรียว มันจะต้องสูงแน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเดิมพันต่ำ หนึ่งพันเรียว!”
“ฉันจะเดิมพันว่าสูงด้วย ในราคาสามร้อยเรียวก่อน!”
"สูง!"
นักพนันทุกคนเดิมพันสูง และทุกคนต่างก็วางเดิมพันด้วยเงินตั้งแต่สองสามร้อยถึงหนึ่งพันเรียว
“ต่ำสองแสนเรียว” เสียงที่กล้าหาญและมีเสน่ห์ดังก้องไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่ประโยคนี้ออกมา
ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงเล็กน้อย ทุกคนหันมองไปที่ต้นตอของเสียงทันที
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
เธอมีผมสีทองยาวสวย และรวบผมหางม้าทั้งสองข้าง ใบหน้าของเธองดงาม ให้ความรู้สึกอาจหาญยิ่ง
เธอสวมเสื้อผ้าสีเทาและเสื้อคลุมสีเขียวทับอยู่
คำว่า "พนัน" เขียนไว้ที่ด้านหลังของเสื้อคลุม
ร่างสูงและเพรียวเดินเข้ามาด้วยดวงตาที่มั่นใจ
ทว่าหน้าอกใหญ่ด้านหน้ากลับดูไม่เป็นธรรมชาติ
เธอเป็นหนึ่งในซังนินในตำนาน เจ้าหญิงซึนาเดะ
ทุกคนในห้องตกตะลึง พวกเขามองดูซึนาเดะด้วยความเขิน
“เป็นเธอได้ยังไง!”
"เธอเป็นใครงั้นเหรอ?"
“เธอเป็นตำนาน…” ใบหน้าของชายร่างใหญ่มีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
“ตำนาน?” ผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองซึนาเดะด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หากเธอเป็นคนในตำนาน แสดงว่าเธอต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่มีเบื้องหลังอันลึกลับหรือมีความสำเร็จที่รุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
"มงกุฎ...ในตำนาน!"
“คนใจบุญแห่งโรงพนัน ผู้ใจดีที่เชี่ยวชาญเรื่องการแจกเงิน!”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ทั่วทั้งโรงพนันก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ และทุกคนก็มองดูซึนาเดะด้วยสีหน้ากระหายเงิน
ในสายตาของนักพนัน ซึนาเดะเป็นคนใจดีที่พร้อมแจกเงินให้
“ท่านซึนาเดะ อยากเดิมพันอะไรล่ะ?” เจ้าของโรงพนันลูบมือด้วยท่าทีแสดงความเคารพอย่างยิ่ง เขาเริ่มทักทายซึนาเดะก่อน
ซึนาเดะเป็นผู้ชำนาญการอันดับหนึ่งในโรงพนัน (ในแง่ของการเสียเงิน) ถ้าเธอถูกเรียกว่าที่สอง ก็คงไม่มีใครกล้าเป็นคนแรก (ในการเสียเงิน)
เจ้าของโรงพนันให้ความเคารพเธอมาก เพราะเธอเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ให้เงินกับโรงพนันเยอะที่สุด
เพราะซึนาเดะจะแพ้ทุกการเดิมพัน เธอไม่เคยชนะเลย
ซึนาเดะนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะพนัน เปิดกระเป๋าเดินทางจนเผยให้เห็นกองธนบัตร จากนั้นเธอโบกมือแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ “ฉันเดิมพันต่ำด้วยเงินสองแสนเรียว”