บทที่ 37 : [ด่าน 2] จำนวนไม่มีค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ (2)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 37 : [ด่าน 2] จำนวนไม่มีค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ (2)
มากเกินไป
จำนวนมหาศาลเกินไป
เมื่อข้าสังเกตเห็นคลื่นสึนามิของหนูที่พุ่งเข้าหากำแพงปราสาท ข้าก็กลืนน้ำลายแห้งผากลงไป
รู้สึกราวกับว่าข้ากำลังยืนอยู่บนชายทะเลแทนที่จะเป็นกำแพง
ชายทะเลที่ใกล้จะถูกกระแสน้ำที่ปั่นป่วนและไหลเชี่ยวกรากกระแทกใส่
จิ๊ด! จิ๊ด!
คลื่นสีเทาของสัตว์ร้ายซัดเข้าหากำแพงปราสาท มันถูกกระแทกคล้ายกับคลื่นที่กระทบกับกำแพงทะเล
ยังดีที่กำแพงปราสาทไม่เป็นอะไรมาก
"ยิงได้!"
"ยิง-!"
ทหารที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อตะโกนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นกระสุนปืนใหญ่และลูกศรจำนวนมากก็พุ่งออกมา
ตู้ม! ปัง!
ปัก ปัก ปัก…!
พวกหนูถูกระเบิดและเสียบด้วยลูกศรจำนวนมากมาย
พวกมันทั้งตัวเล็กและว่องไว ทำให้พวกมันเป็นเป้าหมายที่ยากเอาการ
แต่เมื่อพวกมันเข้าใกล้กำแพง อัตราการโจมตีของเราด้วยปืนใหญ่และลูกศรก็พุ่งสูงขึ้น
นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะเรามีสิ่งกีดขวางมากมายรอบๆ กำแพงปราสาท
เศษดาบใหญ่ของอัศวินสนธยายังคงถูกฝังอยู่ในกำแพง สิ่งนี้มีหน้าที่สำคัญของมันอยู่
เจ้าพวกหนูลื่นไถลไปบนชิ้นส่วนโลหะทำให้ช้าลงอย่างมาก
’ไม่เลว ไม่เลว แต่ …'
ริมฝีปากที่แห้งผากของข้าได้เปียกชื้นด้วยน้ำลายที่ผลิตออกมา
’มันเร็วเกินไป!'
เพราะทุ่งสังหารไม่ได้ผล พวกหนูจึงข้ามที่ราบและเข้าถึงกำแพงได้อย่างรวดเร็วเกินไป เร็วกว่าที่คาดไว้มาก
ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของข้าเองที่ลืมนึกถึงความเร็วของสัตว์สี่ขาอย่างพวกมัน บัดซบ!
’ทว่ายังไงก็มีแต่ต้องป้องกันไว้ก่อน’
ข้ามองทั่วทั้งกำแพง
แม้ว่าพวกสัตว์ประหลาดหนูจะมาถึงกำแพงในทันที แต่ทหารหลายคนก็ยังคงสกัดกั้นพวกมันได้อย่างใจเย็นคล้ายฝึกมาอย่างยาวนาน
ต้องขอบคุณประสบการณ์ของพวกเขาจากด่านก่อนหน้านี้ อีกทั้งพอรวมทหารผ่านศึกที่มากกร่ำศึกเข้าด้วยกัน สถานการณ์ยามนี้จึงยังพอจัดการได้
“ตั้งสติหน่อยเจ้าเด็กใหม่! ลงแรงให้หนักไปกว่านี้!”
“อย่าทำให้ตนเองเหนื่อยเกินไป! เรามีเวลาอีกหลายชั่วโมง! ไปดื่มน้ำเถอะ!”
“เจ้าท้อแท้เพียงเพราะยิงปืนใหญ่นั่นพลาดไปงั้นหรือ? แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าเป็นการถ่วงให้พวกสัตว์ประหลาดถอยร่นกลับไปได้! ยิงต่อไป!”
ทหารผ่านศึกเริ่มสั่งสอนเหล่าทหารรับจ้างมือใหม่
แม้ว่าข้าจะไม่ได้ออกคำสั่งอย่างละเอียด แต่พวกเขาก็ต่อสู้กับหนูได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตนเอง
ส่วนทางด้านปาร์ตี้ของเรา
“แนวรับด้านซ้าย! ตาข่ายต่ำเกินไป! เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน? เล็งให้ถูกต้อง!”
ลูคัสกำลังดูแลแนวหน้า
ในขณะที่ข้าจัดการแนวหน้าโดยรวม ลูคัสก็ออกคำสั่งโดยละเอียดตามคำสั่งของข้า
ในยามที่ข้ายังไม่คุ้นเคยกับการสั่งการทหารรับจ้างในโลกนี้ ก็จะเป็นลูคัสที่เข้าใจข้าไปออกคำสั่งแก่พวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบแทน แต่ว่าเข้าใจข้าได้ทุกประโยคเนี่ย ก็ช่างเป็นตัวเอกที่ชาญฉลาดเสียจริงๆ
แคร๊ง!
วู้บบ! วู้บบ! วู้บบ!
เดเมี่ยนกำลังเลือกเป้าหมาย
ช้าๆ แต่แน่นอน เขาเจาะกะโหลกศีรษะของพวกหนูทุกตัวที่เข้าใกล้กำแพง
ความแข็งแกร่งของเดเมี่ยนอยู่ที่การยิงระยะไกลที่แม่นยำ พอเป็นการต่อสู้กับปริมาณเช่นนี้ ฝีมือของเขาก็ออกจะไร้ประโยชฯ์ไปเสียหน่อย
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังดีกว่าฆ่ามันไม่ได้สักตัว อดทนไว้ก่อนนะ
“สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์แรงโน้มถ่วงหมายเลขหนึ่งหยุดพักสามนาที! เตรียมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์แรงโน้มถ่วงหมายเลขสอง!”
ลิลลี่คอยดูแลสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์แรงโน้มถ่วง
นางสั่งการอย่างหนักแน่น คล้ายกับกำลังประกาศว่า ’ดูสิ ข้ากำลังทำงานอยู่’ แต่ว่า...
ข้าขอโทษทีนะลิลลี่ ไม่ว่าเจ้าจะดูทำงานได้ดีมากแค่ไหน ยังไงข้าก็จำเป็นต้องมีเจ้าอยู่ในป้อมปราการแห่งนี้...
ดูเหมือนว่าลิลลี่จะเหลือบมองข้าด้วยสายตาสิ้นหวัง แต่ข้าก็จงใจมองไปทางอื่นโดยไม่สนใจนาง
ท้ายที่สุด สมาชิกปาร์ตี้คนสุดท้ายของเรา จูปิเตอร์
“ว้าว ~ ทุกคนขยันขันแข็งกันเชียวนะ”
“…”
นางกำลังพักผ่อนอยู่
บนเตียงชั่วคราวที่ตั้งอยู่ภายในป้อมปราการ นางเหยียดขาออกมา
เมื่อบอกให้พักผ่อนและรอ นางก็พักผ่อนอย่างสบายใจจริงๆ นี่มันห้องนอนของนางหรือไงกัน?
“โอ้แหม โอ้แหม! ก็เวลาข้ารวบรวมพลังเวทย์ ข้าจะปวดหลังนี้น่า! ช่วยไม่ได้หรอก!”
เมื่อข้ามองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม จูปิเตอร์ก็แสร้งทำเป็นเจ็บปวดและกุมหลังนางไว้
“…”
ข้าจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ข้าจะพูดอะไรกับนักเวทย์ที่มีค่าเช่นนี้ได้กันเล่า… ให้ตายเถอะ
“เก็บแรงไว้ล่ะ จูปิเตอร์”
"ทราบแล้ว!"
จูปิเตอร์ขยิบตาด้วยดวงตาข้างเดียวของนาง จากนั้นก็เริ่มจิบเครื่องดื่มผ่านหลอด ข้าไม่ชอบหญิงชราคนนี้เลยจริงๆ…
แต่ถึงกระนั้น คงต้องขอบคุณความพยายามของทุกคนที่ทำให้ป้อมปราการยังคงไม่ถูกบุกตีเข้ามา ก็ยกเว้นจูปิเตอร์ไว้แหละนะ
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ!
พลังของป้อมปืนอัตโนมัตินั้นไม่มีใครเทียบได้เลย
แม้จะมีข้อเสียที่ใช้กระสุนที่รวดเร็วและเวลาในการบรรจุกระสุนใหม่ที่นานพอสมควร
แต่มันก็ทรงพลังยิ่ง สิ่งมีชีวิตระดับต่ำที่อ่อนแออย่างหนูพวกนี้อาจถูกกำจัดไปทั้งฝูงเลยก็ได้
“อืม เจ้าช่างงดงามนัก!”
ข้าตบป้อมปืนอัตโนมัติที่กำลังใส่กระสุนครั้งที่สามด้วยความรัก ดีแล้ว จงทำต่อไป!!
ด้านหน้าป้อมปราการ ร่างของหนูเริ่มกองรวมกันเป็นเนินเขาเล็กๆ
ข้าพยักหน้าพลางมองลงไปยังภาพที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็น่าพึงพอใจ
’ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดายเป็นแน่!'
ในที่สุดเราจะได้รับชัยชนะที่ไร้ที่ติแล้วงั้นเหรอ?
ขณะที่ข้ากำลังเพลิดเพลินกับความคิดเช่นนี้ มันก็มีบางอย่างเกิดขึ้น
“…?!”
มีบางอย่างกระพริบปรากฏขึ้นอยู่ที่ขอบสายตาของข้า
ข้าเปลี่ยนทิศทางการจ้องมองไปทางนั้นด้วยความประหลาดใจ
ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนนักกวี สวมหมวกทรงกรวยกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
ที่ขอบฟ้าด้านใต้ เหมือนภาพก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
เขายืนนิ่งและกำลังมองดูป้อมปราการที่ถูกพวกหนูกำลังพุ่งเข้าใส่
’เมื่อครู่ไม่ใช่ภาพหลอนงั้นสินะ?!'
ข้าเปิดใช้งานหนึ่งในคุณลักษณะของข้าทันที [สรรสร้างแผนที่]
คุณลักษณะที่ข้านำมาใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้คือ [รูปสลักโจมตี] [รูปสลักป้องกัน] และ [สรรสร้างแผนที่]
นี่เป็นคุณลักษณะที่ข้านำมาด้วย เพื่อที่จะได้เข้าใจสนามรบได้อย่างแม่นยำ และยามนี้ก็เป็นเวลาที่ต้องใช้มันแล้ว
ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าตัวตนลึกลับนี้เป็นใครกันแน่
แผนที่อันมีจุดจำนวนมากมายกำลังแผ่กิ่งก้านสาขากางออกต่อหน้าต่อตาข้า ข้ามองจุดที่ชายในหมวกแหลมคนนั้นยืนอยู่
“!”
สัตว์ประหลาดทั่วไปจะแสดงเป็นรูปทรงเพชรสีแดง บอสสัตว์ประหลาดจะเป็นกะโหลกสีแดง
ส่วนนักกวีในหมวกแหลม…เขาเป็นวงกลมสีแดง
วงกลมหมายถึงตัวละคร NPC
สีแดงแสดงว่าเขาเป็นศัตรู!
"บัดซบแล้วไง"
คำหยาบได้ทะลักออกมาจากปากของข้าโดยไม่ต้องคิด
ในที่สุด ข้าก็เจอสิ่งที่ข้ากลัวมาตลอด
’NPC ที่เป็นศัตรูในการบุกงั้นเหรอ? ในด่านที่ 2 เนี่ยนะ?'
ในระหว่างช่วงเวลาของด่าน อาจมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น มีตัวแปรมากมายที่ทำให้เกมยากมหาโหด
การบุกรุกของ NPC ที่ไม่เป็นมิตรก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่ว่าจะเป็น NPC จากดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบหรือจากอาณาจักรอื่นที่ขัดแย้งกับจักรวรรดิ พวกเขาทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ป้อมปราการพังทลาย
แต่ตอนนี้มันเพิ่งจะด่าน 2 เองนะ! มันไม่ใช่อะไรที่จะพบเจอได้ในด่านนี้เลย!
“เดเมี่ยน!”
แต่จะให้ถามใครยามนี้ก็คงไม่ได้แล้ว ข้ารีบเรียกเดเมี่ยนทันที
เดเมี่ยนกำลังบรรจุลูกดอกถัดไปเข้าหน้าไม้ก็เดินเข้ามาหาข้าทันที ข้าใช้มือชี้ไปทางทิศใต้
“เจ้าเห็นชายตรงนั่นไหม?!”
คราวนี้เดเมี่ยนก็เห็นอีกฝ่ายเช่นกัน เดเมี่ยนพยักหน้า
"ขอรับ ท่านหมายถึงนักกวีผู้นั่นเหรอ?”
“ยิงมันเลย! เดี๋ยวนี้!”
"อะไรนะขอรับ?"
เดเมี่ยนผู้สับสนอ้าปากค้างเล็กน้อย
“แต่เขาเป็นคน ไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะขอรับ…”
“ไม่…นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย! เจ้าต้องยิงเดี๋ยวีน้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็น NPC ผู้มาจากอาณาจักรทะเลสาบ
และชุดนั้น เป็นเครื่องแต่งกายของนักกวี
ข้าพอจะรู้แล้วว่ามันเป็นใคร ข้าเจอมันสองสามครั้งขณะเล่นเกม
“เราต้องยิงมันก่อนที่มันจะเป่าขลุ่ย!”
เมื่อจับไหล่ของเดเมี่ยนกำลังลังเลอยู่ ข้าก็ตะโกนออกมา
“ข้าบอกให้เจ้าเป็นพลยิงของข้าไม่ใช่หรือเดเมี่ยน!”
“…!”
“ถ้าเจ้าไม่อยากเห็นคนตายมากกว่านี้ ก็จงทำตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้เลย!”
ทว่ามันสายไปแล้ว
ในไม่กี่วินาทีที่เดเมี่ยนกำลังลังเล ไอ้เจ้านักกวีก็ได้เป่าขลุ่ยใส่ปากของเขาแล้ว...
วี่-
มันได้บรรเลงแล้ว
แม้จะเป็นขลุ่ยขนาดเล็ก แต่เสียงกลับดังก้องไปทั่วบริเวณ
จิ๊ด?!
จิ๊ด?
ทันทีที่เสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกหนูก็หยุดเคลื่อนไหว
หนูหลายพันตัวทั่วสนามรบอันกว้างใหญ่ ทั้งหมดหยุดลงในคราเดียว
"หา?"
"อะไรน่ะ?"
“เจ้าพวกหนูหยุดแล้วเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ทหารของเราต่างรู้สึกถึงความผิดปกติ จนสับสนกันถ้วนหน้า
และในเวลาต่อมา
วี่….!
เสียงขลุ่ยได้ดังสะท้อนออกมา
จิ๊ด!
จิ๊ด จิ๊ด!
ทันทีหลังจากนั้นเอง ดวงตาของพวกหนูก็เปล่งประกายด้วยแสงสีแดงโลหิต ขาทั้งสี่ของพวกมันกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง
จากที่มันทั้งหมดแค่มุ่งหน้าไปยังกำแพงที่ใกล้ที่สุดอย่างไร้จุดหมาย...
ทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มแห่กันไปยังจุดหนึ่งในกำแพง
“พวกมันกำลังมุ่งตรงไปจุดเดียว!”
ข้าตะโกนขณะเกาะกำแพงของป้อมปราการเอาไว้
"ที่ไหน?! ปีศาจพวกนั้นกำลังเล็งไปที่ไหน?!”
“มันเล็งประตูปราสาทตรงกลางกำแพงขอรับ! นั่นคือพื้นที่…!”
ใบหน้าของลูคัสเปลี่ยนสีไป ประโยคของเขาขาดห้วง
“เป็นส่วนที่เราเพิ่งซ่อมแซมเสร็จในวันนี้…”
ปืนใหญ่ปะทุขึ้นพร้อมกับไฟและคันศรยักษ์ มันปลดปล่อยใส่พวกศัตรูที่รวมกันจุดเดียว
แต่เราไม่สามารถหยุดพวกมันได้ทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพวกมันเร็วเกินไปจนเราไม่อาจปรับตัวได้ทัน
ทหารหมุนลำกล้องปืนใหญ่อย่างรวดเร็วและคันศรยักษ์ก็โดนเป้าหมายุทกดอก ทว่ามันสายเกินไปแล้ว
ในที่สุดแนวหน้าของพวกปีศาจก็ได้ข้ามคูเมืองมาถึงกำแพง
ครืน!
“…?!”
ข้าตกตะลึงกับแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่ไหลซึมขึ้นมาที่ปลายเท้า
อะไรเนี่ย?
พวกแกตั้งใจจะทำอะไรอยู่กันแน่?"
ครืน!
ปีศาจหนูไม่ได้พยายามโถมขึ้นมาบนกำแพง แทนที่จะทำเช่นนั้น...
ครืน!
พวกมันกำลังกระแทกศีรษะของมัน...
ครืน!
กับกำแพงต่างหาก
มันกำลังกระแทกใส่จุดกำแพงที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จเมื่อเช้าตรู่
ครืน! ครืน! ครืน!
้เจ้าพวกหนูใช้ศีรษะกระแทกกำแพง
จนกะโหลกศีรษะของพวกมันแตก
หนูตัวถัดไปก็ทุบกำแพงด้วยศีรษะของพวกมันจนกระทั่งพวกมันระเบิดกลายเป็นเลือดกระเด็นและหล่นลงมา
หนูที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกที่ตามมา...
"บ้าไปแล้ว..."
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่?”
เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้า ใบหน้าของทหารทุกคนต่างซีดเผือด
แต่แล้วในที่สุด ข้าก็เข้าใจความตั้งใจของพวกมันแล้ว
“ไอ้พวกปีศาจบัดซบ…”
การซ่อมแซมกำแพงเพิ่งเสร็จเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
ทว่าด้วยระยะเวลาอันจำกัด มันจึงอาจยังมีสภาพไม่สมบูรณ์
เราจึงมุ่งเน้นไปที่การซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเท่านั้น
ทำให้เกิดรอยแยกเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปีศาจหนูเหล่านี้กำลังขุดเข้าไปในรอยแยกเหล่านั้นด้วยร่างกายของพวกมัน
ครืน! ครืน! ครืน!
พวกมันทุบศีรษะเข้ากับกำแพง พวกมันบิดแผ่นโลหะด้วยกรงเล็บ พวกมันใช้ฟันแทะก้อนศิลา
พวกมันหมายทำลายกำแพง
เป็นสิ่งที่ไม่มีสัตว์ประหลาดชนิดใดทำได้ เป็นวิธีที่มีเพียงหนูเท่านั้นที่จะทำได้
ครืดด-
เสียงของแผ่นโลหะที่ห่อหุ้มกำแพงได้ดังขึ้นอย่างน่าสะพรึง
ข้ากัดฟันพลางจ้องไปที่ขอบฟ้าทางใต้
ในระยะไกล นักกวีผู้สวมหมวกหรือที่ถูกเรียกขานมว่า – ผู้เป่าขลุ่ย – กำลังดึงขลุ่ยออกจากริมฝีปากของเขา
ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า...
แต่ดูเหมือนมันกำลังยิ้มออกมาอยู่