ตอนที่ 23 : เส้นทางแห่งความก้าวหน้าของผู้ตื่น
ตอนที่ 23 : เส้นทางแห่งความก้าวหน้าของผู้ตื่น
หวังซ่งตามเมิ่งเจียเข้าไปในบ้านและเห็นศพของซอมบี้ยักษ์นอนอยู่บนโต๊ะในทันที
ในเวลานี้ ซอมบี้ยักษ์ก็ได้ถูกเมิ่งเจียผ่าเป็นชิ้นๆ แล้ว เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การทดลอง กระบวนการผ่าจึงค่อนข้างหยาบ
หยูเฟยและไป่ลู่ที่ยืนอยู่ตรงประตูแค่มองดูก็รู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนในทันที โชคดีที่พวกเธอไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายวันแล้ว...
เมิ่งเจียและหวังซ่งไม่สนใจเรื่องนี้
การเมินเฉยของเมิ่งเจียย่อมมาจากคุณสมบัติทางวิชาชีพของเธอ
ส่วนความเมินเฉยของหวังซ่งก็มาจากการแสวงหาความแข็งแกร่งของเขา ไม่ว่าภาพตรงหน้าจะน่าขยะแขยงแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับเส้นทางแห่งความก้าวหน้าของผู้ตื่น
พวกเขาเดินมาที่ศพของซอมบี้ยักษ์
เมิ่งเจียชี้ไปที่ศพของมันและกล่าวว่า “เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็น ฉันจึงไม่สามารถตรวจสอบเนื้อเยื่อเซลล์ของซอมบี้ยักษ์ในระดับเซลล์ได้ ดังนั้นการวิจัยของฉันจึงมุ่งเน้นไปที่สามด้านหลักๆ”
“ด้านแรกคือความแข็งแกร่งของซอมบี้ยักษ์ หลังจากทดสอบความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อของมันแล้ว มันก็สรุปได้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของซอมบี้ยักษ์น่าจะเป็นสองเท่าของซอมบี้ทั่วไป”
ถ้าเทียบเป็นค่าสถานะ มันก็น่าจะราวๆ 12 หน่วย ไม่ได้แตกต่างอะไรจากหวังซ่งนัก
แน่นอนว่าหวังซ่งตัวเล็กกว่า ดังนั้นการมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันนั้นจึงทำให้เขาเหมาะสมกับการต่อสู้มากกว่า นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่า ดังนั้นในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซอมบี้ยักษ์จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
“ด้านที่สองคือวิวัฒนาการของซอมบี้ยักษ์”
เมิ่งเจียหยิบวัตถุที่มีลักษณะคล้ายถุงเลือดขึ้นมาและยกมันขึ้นตรงหน้าของหวังซ่ง
“นายรู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
หวังซ่งส่ายหัวและเมิ่งเจียก็ตอบ “มันคือกระเพาะของซอมบี้ยักษ์”
“เมื่อเทียบกับซอมบี้ทั่วไป โครงสร้างร่างกายของซอมบี้ยักษ์ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือถุงกระเพาะ”
“ความสามารถในการย่อยอาหารของซอมบี้ยักษ์นั้นแข็งแกร่งมาก และท้องของมันสามารถหลั่งเอนไซม์ที่เชี่ยวชาญในการย่อยเนื้อและเลือดได้ สิ่งนี้สามารถช่วยให้พวกมันย่อยอาหารที่กลืนลงท้องได้อย่างรวดเร็ว”
ด้วยเหตุนี้ เมิ่งเจียจึงวางถุงกระเพาะไว้ข้างๆ แล้วพูดต่อว่า “เนื่องจากขาดอุปกรณ์ที่จำเป็น ฉันจึงไม่สามารถตรวจสอบได้มากกว่านี้ แต่ฉันคาดเดาว่าธรรมชาติและการทำงานของเอนไซม์เหล่านี้น่าจะช่วยส่งเสริมสสารลึกลับภายในร่างกายของซอมบี้ยักษ์โดยการย่อยสสารลึกลับในเลือดและเนื้อของสิ่งมีขีวิต และทำให้เกิดวิวัฒนาการในตัวซอมบี้ขึ้นมา”
ดังนั้นตรรกะของการวิวัฒนาการของซอมบี้จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจ ความตั้งใจของพวกมันในการล่ามนุษย์ก็เพื่อวิวัฒนาการ!
หวังซ่งขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “งั้นพี่เมิ่งกำลังจะบอกว่าเลือดเนื้อของคนธรรมดาก็มีสสารลึกลับอยู่ด้วยใช่ไหม?”
เมิ่งเจียพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่แล้ว! หลังจากการปรากฏตัวของหอคอย มันก็ได้ปลดปล่อยสสารลึกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง สสารเหล่านี้ได้ผสานเข้ากับอากาศ ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเราหายใจ พวกเราจึงได้สูดเอาสสารลึกลับเข้าไปด้วยจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปริมาณสสารลึกลับในร่างกายของคนธรรมดานั้นก็มีน้อยมาก และพวกมันก็ไม่ได้ผสานเข้ากับเซลล์ของพวกเขา ดังนั้นการตื่นจึงไม่เกิดขึ้น”
“พูดตรงๆ การตื่นก็เหมือนกับการซื้อลอตเตอรี่ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับร่างกายโดยกำเนิดอีกด้วย ทุกคนได้ดูดซับสสารลึกลับเข้าไปเหมือนกัน แต่มันก็มีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้กลายเป็นผู้ตื่น ซึ่งพวกเราก็ยังหาคำตอบในเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้ฉันก็มีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง… มันเป็นไปได้ไหมที่จะพัฒนาวิธีการที่ปลอดภัยในการเพิ่มความเข้มข้นของสสารลึกลับในร่างกายของคนธรรมดาและฝืนทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ตื่น?”
หวังซ่งไม่สามารถให้คำตอบใดๆ ได้
เมิ่งเจียไม่สามารถดำเนินการทดลองของเธอต่อจนถึงขั้นตอนนั้นได้เช่นกัน เพราะเธอเองก็ขาดแคลนอุปกรณ์ทดลองด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม มันก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเมิ่งเจียรู้สึกว่านี่คือหัวข้อการวิจัยที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้ ยังไงก็ตาม สองประเด็นด้านบนก็คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาย ฉันคิดว่าสิ่งที่นายสนใจมากที่สุดน่าจะเป็นวิธีการวิวัฒนาการของผู้ตื่นใช่ไหม?”
เมิ่งเจียยิ้มอย่างใจดีให้กับหวังซ่งและเห็นเขากำลังยิ้มและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เมิ่งเจียไม่ทำให้เขาสงสัยอยู่นาน
เธอสะบัดมือ จากนั้นเธอก็หยิบคริสตัลใสรูปทรงปริซึมออกมาจากกระเป๋าของเธอ
สิ่งนี้ทำให้หวังซ่งเลิกคิ้วขึ้น
“มันคืออะไรเหรอ?”
“คริสตัลศพ ฉันเรียกมันว่าคริสตัลศพ”
ในขณะที่เธอพูด เมิ่งเจียก็ชี้ไปที่สมองที่ถูกผ่าของซอมบี้ยักษ์
“ฉันพบมันในหัวของซอมบี้ยักษ์…”
หวังซ่งรู้สึกว่าภาพฉากนี้ดูคุ้นๆ อยู่บ้าง
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว หวังซ่งก็พูดออกมา
“ไม่ใช่ว่านี่คือโครงเรื่องในนิยายงั้นเหรอ?”
…
หวังซ่งเป็นคนชอบอ่านนิยายและเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมาบ้าง
ซอมบี้มีคริสตัลอยู่ในสมองของพวกมัน และมนุษย์ที่ถูกปลุกพลังก็สามารถทำการวิวัฒนาการต่อไปได้โดยการใช้คริสตัลเหล่านี้
พล็อตคุ้นๆ แฮะ…
“แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”
เมิ่งเจียไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน เธอเพียงแต่อธิบายผลการวิจัยของเธอเท่านั้น
“ตอนที่ฉันกำลังชำแหละซอมบี้ยักษ์ ฉันพบสิ่งนี้ในสมองของมัน”
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดอุปกรณ์ทดลอง ฉันจึงไม่สามารถระบุได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ฉันแน่ใจได้แค่ว่าคริสตัลนี้ไม่มีอันตรายอะไร และมันก็เป็นสสารลึกลับที่มีความบริสุทธิ์มาก”
เมิ่งเจียเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
แหล่งที่มาของทั้งซอมบี้และผู้ตื่นนั้นก็คือสสารลึกลับ
ดังนั้นเมิ่งเจียจึงเชื่อว่าความหวังของผู้ตื่นในการวิวัฒนาการนั้นจะขึ้นอยู่กับสสารลึกลับด้วยเหมือนกัน
และคริสตัลศพที่ถูกพบในสมองของซอมบี้ยักษ์ก็เป็นสสารลึกลับแบบบริสุทธิ์
“ดังนั้นสมมติฐานของฉันก็คือสิ่งนี้สามารถเสริมสร้างความเข้มข้นของสสารลึกลับในร่างกายของผู้ตื่นได้และทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น มันอาจทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ตื่นได้ด้วยซ้ำ… อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการทดลองอย่างจริงจัง ฉันก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลกระทบของคริสตัลศพที่มีต่อนายเหมือนกัน”
ด้วยเหตุนั้นเอง เมิ่งเจียจึงเก็บคริสตัลศพไป
หวังซ่งตื่นตระหนก
“ขอให้ผมนะพี่เมิ่ง! มันน่าจะมีประโยชน์กับผม!”
เมิ่งเจียส่ายหัว “ฉันยังไม่ได้ทำการทดลองอย่างจริงจังเลย ดังนั้นขอโทษด้วยนะ ฉันยังมอบมันให้กับนายไม่ได้”
หวังซ่งเกาหัวด้วยความกระวนกระวาย “แต่…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรอีก มือของเมิ่งเจียก็แตะมาที่ไหล่ของหวังซ่ง
เธอพูดออกมาอย่างอ่อนโยนแต่ก็จริงจังว่า “ตอนนี้นายคือความหวังของพวกเรา ดังนั้นฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจปล่อยให้นายเสี่ยงกลืนกินคริสตัลศพนี้ได้”
หวังซ่งอ้าปาก แต่เขาก็พูดอะไรออกมาไม่ได้
…
หลังจากตื่นจากการงีบในตอนบ่ายแล้ว ลู่หมิงก็ได้รับค่าสถานะทั้งหมด
หลังจากกินผลไม้กระป๋องไปบางส่วนแล้ว ลู่หมิงก็เปิดช่องสังเกตการณ์เพื่อสังเกตภายนอกไปด้วยในขณะที่เขากิน เขาเห็นหวังซ่งออกไปข้างนอกอีกครั้ง—หวังซ่งช่างยุ่งจริงๆ…
อย่างไรก็ตาม ลู่หมิงก็รู้สึกว่าหวังซ่งและเขาต่างก็เป็นคนสุดโต่งเหมือนกัน
เขาไม่คิดที่จะออกไปข้างนอกเลย ในขณะที่หวังซ่งก็ไม่คิดที่จะอยู่ในบ้านเลย
ลู่หมิงไม่สนใจหวังซ่งอีก เขาหันไปมองจางหลี่ซินและหลี่กัง (พ่อของครอบครัว 3 คนที่ถูกช่วยเอาไว้เมื่อวาน) ที่กำลังเก็บกวาดถนน และภรรยาของหลี่กัง หยูเฟย และไป่ลู่ที่กำลังช่วยกันอยู่ด้วย มันเป็นภาพที่วุ่นวายดีจริงๆ
หลังจากผ่านไปสิบเอ็ดวัน ในที่สุดก็มีคนบนถนนอีกครั้ง
ลู่หมิงไม่ได้รู้สึกอะไร
เขาไม่ได้ออกไปข้างนอก มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยจริงๆ ถ้ามีใครจะอยู่ข้างนอก
เขาปิดหน้าต่างและเริ่มการฝึกในตอนบ่าย
หนังสติ๊ก ยิง!
เขาแค่ไม่รู้ว่าเขาควรจะสงสารมันหรือไม่ เพราะวันนี้ไม่มีการยิงซอมบี้เลย