บทที่ 73: ผนึกเบียคุโก
บทที่ 73: ผนึกเบียคุโก
“อย่าดูแค่หน้าตาโง่ๆ ของมันสิ แท้จริงแล้วมันแข็งแกร่งมากนะ” ซาโตรุอุ้มแมวขึ้นมาแล้วลูบคาง
ครั้งแรกที่ซาโตรุใช้คาถาอัญเชิญและมีแมวปรากฏตัวขึ้นมา ซาโตรุก็ไม่ลังเลเลยและอยากจะทำมันเป็นแมวตุ๋นทันที
หลังจากนั้น เขาก็ได้พบว่ามันแข็งแกร่งมากจริงๆ
แม้แมวอาจจะดูตัวเล็กไปหน่อย แต่หลังจากใช้พลังงานธรรมชาติแล้ว มันสามารถทำลายเนินเขาได้ด้วยการข่วนเพียงครั้งเดียว ซึ่งเทียบเท่ากับพลังของกระสุนวงจักรได้เลย
“เฮ้ ไอ้เด็กบื้อ เห็นแก่ท่านซาโตรุ หลังจากขอโทษแล้ว ฉันจะอนุญาตให้นายสัมผัสอุ้งเท้าอันแสบน่ารักของฉันก็ได้” เจ้าแมวยกอุ้งเท้าขึ้นแล้วเขย่าเนื้อสีชมพูไปมา
“ไอ้แมวบ้า ใครอยากจับอุ้งเท้าโง่ๆ กันเล่า!” นารูโตะลุกขึ้นโดยมีรอยข่วนมากมายบนใบหน้าและเสื้อผ้าของเขา เขาชี้ไปที่แมวด้วยความโกรธ
“เด็กจิ้งจอกนี้ เสียงดังมากเกินไปแล้วนะ” ซาโตรุเปิดม้วนหนังสือออก และมีอักขระแปลกๆ วาดอยู่ในม้วนหนังสือ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า "เธอจงรีดเลือดลงบนม้วนคัมภีร์สิ"
ทีมที่เจ็ดสามารถเรียนรู้คาถาอัญเชิญได้ เผ่าของเซียนแมวมีขนาดเล็กแต่มีพลังมหาศาล ดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะเป็นสัตว์อัญเชิญ
แล้วก็น่ารักด้วย
ดีกว่าสำนักกบพอสมควร
ทุกคนในทีมที่เจ็ดกัดนิ้วและกดนิ้วหัวแม่มือด้วยนิ้วมือเปื้อนเลือดบนม้วนกระดาษ
"เธอควรเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงธาตุจักระก่อน" ซาโตรุชี้ไปที่ซาสึเกะ จากนั้นจึงชี้ไปที่นารูโตะแล้วพูดว่า "ส่วนเธอควรเน้นไปที่การใช่คาถาอัญเชิญ หลังจากอัญเชิญสัตว์อัญเชิญได้สำเร็จแล้ว ก็ถึงจะสามารถเรียนรู้วิชาเซียนได้"
“อาจารย์ซาโตรุ ฉันเองก็เรียนโหมดเซียนด้วยเหรอ?” ซากุระถามอย่างสงสัย
“ยัยลูกหมีตัวน้อย เป็นคำถามที่ดีนะ” ซาโตรุยกนิ้วขึ้น จักระสีฟ้าอ่อนปรากฏบนปลายนิ้วของเขา และเขากล่าวว่า "แต่เพื่อรักษาสถานะเซียนเอาไว้ เธอจำเป็นต้องมีจักระตุนระดับคาเงะ"
“ยามนี้ในหมู่พวกเธอคงมีเพียงเด็กจิ้งจอกที่มีจักระระดับคาเงะ” ซาโตรุวางมือบนไหล่ของนารูโตะแล้วกล่าวต่อว่า "เธอสามารถเรียนรู้มันได้ในอนาคต ไว้หลังจากจักระของเธอถึงระดับคาเงะแล้ว"
ปริมาณจักระไม่เกี่ยวอะไรกับความแข็งแกร่ง แต่มันแสดงถึงศักยภาพในการพัฒนา
หลังจากที่เด็กอุจิวะเบิกเนตรวงแหวนสามหยดน้ำ ปริมาณจักระก็ยังไม่ถึงระดับโจนินเลยด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่ซาสึเกะเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา จำนวนจักระจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับคาเงะ
ส่วนซากุระนั้น...
มันยากที่จะทำเช่นนั้นได้
"ฮึ" นารูโตะแตะจมูกของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“ไปฝึกฝนหาทางและเรียนรู้คาถาอัญเชิญ อ๋อ และอย่ามารบกวนฉันอีกล่ะ” ซาโตรุจับนารูโตะแล้วโยนกลับไป
“อ๊ากกก…อาจารย์ซาโตรุ ไอ้อาจารย์บ้านี้!” นารูโตะลอยออกไป กลิ้งตลบในอากาศสองสามครั้งแล้วห้อยอยู่บนกิ่งไม้
“เจ้าแมว กลับไปก่อนนะ” ซาโตรุยกมือขึ้นและแตะศีรษะเล็กของแมว
“ท่านซาโตรุ คือว่า...” ยังไม่ทันจะพูดจบ แมวก็กลายเป็นกลุ่มควันสีขาวและหายไปในอากาศ
“ขอโทษนะคะอาจารย์ซาโตรุ แล้วคือถ้าอย่างนั้นหนูต้องเรียนอะไรงั้นเหรอ?” ซากุระจับชายเสื้อ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทั้งจักระจำนวนมหาศาลหรือเนตรวงแหวน และเธอก็เป็นเพียงคนธรรมดาในทีมของพวกเรา
ดังนั้นเธอจึงกังวลว่าเธอจะยังคงตามหลังนารูโตะและซาสึเกะอยู่อีกเยอะมาก
เธอนั้นต้องการยืนเคียงข้างพวกเขาในฐานะทีมที่เจ็ด
เธออยากจะตามหลังซาสึเกะให้ทัน
“นินจาธรรมดาจะพัฒนาตัวเองยังไงกันนะ?” ซาโตรุลูบคางของเขาแสร้งทำเป็นคิดมาก
ซากุระกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ ดวงตาของเธอดูเศร้าหมอง
“แต่เธอคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ?” ซาโตรุกัดอมยิ้มเป็นชิ้นๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่นและมั่นใจว่า "คิดว่าการเปลี่ยนคนธรรมดาให้แข็งแกร่ง มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับอาจารย์ที่เก่งที่สุดงั้นเหรอ?"
เขาคือยางิว ซาโตรุ ผู้ถึงจุดสุดยอดของโลกนินจาในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็มีความมั่นใจในตนเองอย่างมาก
“อาจารย์ซาโตรุ หนูจะแข็งแกร่งกว่านี้ได้ใช่ไหม?” ซากุระก็ดีใจ
“แต่ต้องฝึกให้หนัก บางทีเธออาจจะต่อยซาสึเกะให้เขาหมดสติเลยก็ยังได้” ซาโตรุไม่ได้ตอบคำถามของซากุระโดยตรง เพราะเขามีหน้าที่แค่สอนเท่านั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซาสึเกะก็แทบจะล้มลงกับพื้น
'นั่นมันแรงผลักดันแบบไหน?'
“ขอโทษนะคะอาจารย์ซาโตรุ ถ้าอย่างนั้นหนูต้องฝึกอะไรคะ?” ซากุระถาม
"เก็บจักระ" ซาโตรุชี้ไปที่ท้องของซากุระด้วยไม้อมยิ้ม
“เก็บจักระ?” ซากุระเอียงศีรษะด้วยความสงสัย ครั้งก่อนเธอก็ได้ยินมันเช่นกัน ซาโตรุบอกให้เธอเก็บจักระ แต่การเก็บจักระหมายความว่ายังไง?
“อย่าขยับล่ะ แรกๆ มันอาจจะเจ็บ แต่จะสบายมากหลังจากที่เธอทนได้” ซาโตรุยกเสื้อของซากุระขึ้น ทำให้เผยให้เห็นท้องของเธอ
“อา…อาจารย์ซาโตรุ?!” ซากุระตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นทั้งหน้าของเธอก็แดง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอายและความโกรธ
อาจารย์ซาโตรุกำลังจะทำอะไร?
แรกๆ เจ็บแต่หลังๆ จะสบายเหรอ?
หรือว่าจะเป็น…
แม้ว่าอาจารย์ซาโตรุจะหล่อมาก แต่ปัญหาก็คือซาสึเกะและนารูโตะยังอยู่ที่นี่
และเรายังอยู่ในป่า
สิ่งสำคัญคือ…เธอยังเด็กอยู่
พระเจ้า!
“น…หนูยังเป็นเด็กอยู่นะ” ซากุระคว้าข้อมือของซาโตรุด้วยมือทั้งสองข้างด้วยท่าทีสับสน
“อย่าขยับ” เสียงของซาโตรุเบาลง เขารู้เลยว่ายัยเด็กเหลือขอคนนี้กำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิด
สมองคิดแต่เรื่องลามกสิท่า
เฮ้อ
ยัยเด็กเหลือขอ ทุกวันนี้เริ่มจะลามกมากขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว
“อ๋อ…โอ…โอเค” ซากุระปล่อยมือซาโตรุ
ถึงยังไงเธอก็ไม่อาจต่อต้านอาจารย์ซาโตรุได้อยู่แล้ว
“กัดมือของเธอไว้ได้เลยถ้ามันเจ็บ แค่อย่าตะโกนออกมาเสียงดังนะ” ซาโตรุใช้มือแตะหน้าท้องส่วนล่างของซากุระ และจักระสีฟ้าอ่อนก็โผล่ออกมาจากปลายนิ้วของเขา
"[ผนึกเบียคุโก]"
นิ้วซาโตรุสัมผัสซากุระ และจักระของเขาก็บุกเข้าไปในช่องท้องของซากุระ มันสลักผนึกของเบียคุโกในจักระของซากุระ
“โอ๊ย!! เจ็บ!” ซากุระเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกคีมหนีบ โดยเฉพาะความรู้สึกแสบร้อนในช่องท้องทำให้เธอตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อย่าตะโกนดังมากสิ เดี๋ยวมันก็เสร็จแล้วเนี่ย” ซาโตรุชักมือออก
“แฮ่ก…ฮู่ว” ใบหน้าของซากุระซีดและหายใจลำบากยิ่ง ขาของเธออ่อนแรงและล้มลงกับพื้น ควันสีขาวลอยขึ้นมาจากช่องท้องของเธอ และมีเครื่องหมายรูปเพชรสีม่วงที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้น
ผนึกเบียคุโก
“อาจารย์ซาโตรุ อย่าพูดให้เข้าใจผิดแบบนั้นนะคะ” ซากุระจับท้องที่คล้ายกับไหม้ของเธอไว้และจ้องไปที่ซาโตรุอย่างอ่อนแรง
เมื่อครู่เธอนั้นเข้าใจผิดไป แต่คำอธิบายของซาโตรุถูกต้องมากแล้วจริงๆ
แรกๆ ก็เจ็บ แล้วทีหลังจะสบาย
แต่วิธีการพูดของอาจารย์ซาโตรุสามารถชักนำให้ผู้คนคิดและเข้าใจผิดได้อย่างง่ายดาย
"นี่มันอะไรเหรอคะ?" ซากุระมองดูเครื่องหมายรูปเพชรสีม่วงบนหน้าท้องส่วนล่างของเธอ
"ผนึกเบียคุโก คาถาที่พัฒนาโดยซึนะจัง" ซาโตรุยกสามนิ้วขึ้นแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ด้วยการปล่อยจักระที่เก็บไว้ในนั้น เธอจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความสามารถในการรักษาตัวเองได้”
“เมื่อเห็นซึนะจัง อย่าลืมไปขอบคุณเธอทั้งน้ำตาด้วยนะ” ซาโตรุสั่ง
“คือว่าไม่จำเป็นต้องร้องไห้ได้ไหมคะ? แต่ยังไงหนูจะขอบคุณท่านซึนาเดะเมื่อได้พบเธอแน่นอนค่ะ” ซากุระบ่น