ตอนที่ 22 : หวังซ่ง: ฉันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยนะ
ตอนที่ 22 : หวังซ่ง: ฉันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยนะ
วันที่ 11 ของปฏิทินแห่งวันสิ้นโลก วันพุธ วันออกกำลังกายส่วนขา
ในเวลาเช้าตรู่ หลังจากเตรียมทุกอย่างจนพร้อมแล้ว ลู่หมิงก็เห็นหวังซ่งและจางหลี่ซินออกไปจากบ้าน
ลู่หมิงไม่สนใจพวกเขา และเริ่มออกกำลังกายส่วนขา
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงของการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ค่าสถานะของลู่หมิงก็เป็นดังนี้
พละกำลัง: 14.7 (15.5) ↑
ความแข็งแกร่ง: 15.2 (16) ↑
ความว่องไว: 16.7 (17.5) ↑
ทักษะฟิตเนส ระดับ 3 (150/300)
ความว่องไวที่เพิ่มขึ้นมา 0.4 หน่วยเป็นผลมาจากการเพิ่มระดับของทักษะการยิงธนูเมื่อวาน ซึ่งรายละเอียดทักษะต่างๆ ของลู่หมิงก็เป็นดังนี้
ทักษะการยิงหนักสติ๊ก ระดับ 8 (98/800)
ทักษะการยิงหน้าไม้ ระดับ 2 (5/200)
ทักษะการยิงธนู ระดับ 4 (108/400)
ทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ระดับ 4 (12/400)
ทักษะการต่อสู้ด้วยอาวุธเย็น ระดับ 6 (215/600)
ลู่หมิงเริ่มทำอาหารและกินข้าวด้วยขาที่เจ็บปวด ในขณะที่เขาเพิ่งกินข้าวเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงออดประตูดังขึ้นอีกครั้ง
ลู่หมิงถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู เขาเปิดหน้าจออิเล็กทรอนิกส์และเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหวังซ่ง
“พี่ลู่ เขตปลอดภัยของพวกเรามีคนเพิ่มมาอีกสองคน ดูสิ เป็นสาวสวยสองคนเลยนะครับ”
เขาหันไปด้านข้าง เผยให้เห็นสาวสวยสองคน
ลู่หมิงไม่ได้สนใจผู้หญิงเลย เขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เขตปลอดภัย? เขตปลอดภัยอะไร? เขตปลอดภัยตรงไหน!?
หวังซ่งที่ยืนอยู่นอกประตูย่อมไม่อาจมองเห็นสีหน้าของลู่หมิงได้ เขายังคงพูดต่อไปไม่หยุด
“สาวสวยตัวสูงคนนี้ชื่อหยูเฟย เธอเป็นอินฟลูเอนเซอร์ก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง”
“ส่วนคนที่เตี้ยกว่าชื่อว่าไป่ลู่ เธอเป็นครูในโรงเรียนประถมใกล้ๆ นี้”
สาวสวยทั้งสองคนต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
หยูเฟยอายุ 20 ปีต้นๆ เธอตัวสูงโปร่ง เธอมีส่วนสูง 170 เซนติเมตร มีน้ำหนักไม่เกิน 100 ปอนด์ และที่สำคัญที่สุดคือเธอมีส่วนโค้งเว้าที่ถูกต้องในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขาเรียวยาวของเธอที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
ในทางกลับกัน ไป่ลู่ที่ตัวเตี้ยกว่านั้นก็น่าจะมีความสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม เธอก็มีใบหน้าอันอ่อนเยาว์และมีหน้าอกอวบอิ่ม และมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์
อย่างไรก็ตาม ลู่หมิงก็เชื่อว่าผู้หญิงมีแต่จะทำให้การพัฒนาความแข็งแกร่งช้าลงเท่านั้น!
เขาไม่ได้มองหน้าหยูเฟยและไป่ลู่ด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่มองไปยังหวังซ่งบนหน้าจอก่อนที่จะพูดออกมา
“มีอะไร?”
เมื่อได้ยินคำตอบของลู่หมิง หวังซ่งก็ยิ้มออกมา “เปล่าครับๆ ผมแค่มาทักทายพี่ พวกเราคือเพื่อนบ้านกันในเขตปลอดภัย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องดีที่จะได้สนิทกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
ลู่หมิง: “???”
“ขอล่ะ อย่ามารบกวนฉันด้วยเรื่องแบบนี้อีกได้ไหม?”
ในที่สุดลู่หมิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“นายมาที่นี่ทุกวันเลย… คนที่เข้าใจอาจจะรู้ว่านี่เป็นความกระตือรือร้นของนาย แต่คนที่ไม่เข้าใจอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของนายได้!”
หวังซ่งรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “พี่ลู่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะครับ เมื่อมีผู้คนมากขึ้นในเขตปลอดภัยของเรา พวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอนาคตของเราเลยนะครับ”
แล้วเขตปลอดภัยที่นายกำลังพูดถึงคืออะไรกันแน่?!
ลู่หมิงกำลังจะบ่นออกมา แต่หวังซ่งก็เปลี่ยนประเด็นซะก่อน “นอกจากนี้พี่ลู่ยังอยู่แต่ในบ้านทุกวันและไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก ผมเลยจะมาหาพี่ทุกวันและเล่าสถานการณ์ข้างนอกให้ฟัง”
“นี่เท่ากับการมีวีแชทก่อนวันสิ้นโลกเลยใช่ไหมครับ? ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเก็บตัวแค่ไหน แต่มันก็ต้องมีช่องทางสำหรับการรับรู้สถานการณ์ของโลกบ้างใช่ไหมครับ? อย่างน้อยที่สุด พี่ลู่ไม่อยากรู้เหรอว่าซอมบี้ข้างนอกวิวัฒนาการไปได้ยังไง?”
เมื่อพูดถึงวิวัฒนาการของซอมบี้ สีหน้าของลู่หมิงก็ดูจริงจังขึ้นมา
เขามีความจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ
“ซอมบี้ข้างนอกวิวัฒนาการอีกแล้วเหรอ?”
หวังซ่งหัวเราะ “ยังครับ วันนี้ผมเดินไปตามถนนสองสายและยังไม่เจอซอมบี้ยักษ์เลย”
ลู่หมิง: “???”
“อย่างไรก็ตาม ผมก็มีความรู้สึกรางๆ ว่าพวกซอมบี้ดูเหมือนจะตื่นตัวกันมากยิ่งขึ้น พี่จางและผมเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อเช้านี้…”
หวังซ่งพูดต่อโดยไม่คิดที่จะหยุด
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ลู่หมิงก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย
อย่างที่หวังซ่งพูด ลู่หมิงอาจจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกภายนอกด้วยการอาศัยแค่ช่องสังเกตการณ์เท่านั้น ด้วยการมีคนช่างจ้ออย่างหวังซ่งคอยบอกเล่าเรื่องราวของโลกภายนอก แม้ว่าลู่หมิงจะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่หลังจากคิดดูดีๆ แล้วเขาก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็น
…
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลู่หมิงก็ขัดจังหวะการพูดของหวังซ่ง
“ฉันขอตัวไปงีบก่อนนะ”
“ได้เลยพี่ลู่ ไปพักผ่อนเถอะ”
เขาเม้มริมฝีปาก เขาอาจจะยังไม่พึงพอใจ แต่เขาก็ต้องหยุด
หลังจากเดินกลับมาจากบ้านของลู่หมิงพร้อมกับหยูเฟยและไป่ลู่แล้ว พวกเขาก็เดินไปตามถนนจนกระทั่งหยูเฟยพูดขึ้นมาว่า “พี่หวัง…”
หวังซ่งรีบโบกมือของเขา “เรียกฉันว่าหวังซ่งก็พอ”
หยูเฟยกล่าวด้วยความสุภาพ “ก็ได้หวังซ่ง คนเมื่อครู่นี้เขาคือพี่ลู่หมิงที่นายพูดถึงเหรอ?”
หวังซ่งพยักหน้าและพูดด้วยอารมณ์อันหลากหลาย “พี่ลู่คนนั้นแหละ พวกเราอยู่ในเขตปลอดภัยของหมู่บ้านกู๊ดโฮป ฉันรับผิดชอบงานภายนอก และพี่ลู่รับผิดชอบงานภายใน ฉันรับผิดชอบในการทำงานกลางแจ้ง ส่วนพี่ลู่ก็รับผิดชอบในการปกป้องความปลอดภัยของที่นี่”
“ในเขตปลอดภัยของพวกเรา พวกเราจะขาดพี่ลู่ไปไม่ได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังซ่ง สีหน้าของหยูเฟยและไป่ลู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
พวกเธอยังไม่ลืมว่าเมื่อเช้านี้ เมื่อพวกเธอทั้งคู่ถูกซอมบี้ล้อมเอาไว้ หวังซ่งก็ได้ทะยานลงมาจากท้องฟ้าราวกับเทพสวรรค์และช่วยพวกเธอจากอันตราย
พวกเธอทั้งสองคนประทับใจในตัวหวังซ่งมาก เพราะคงไม่มีใครกล้าต่อสู้กับซอมบี้ ยกเว้นหวังซ่ง
เขาสามารถจัดการกับซอมบี้นับสิบได้เพียงลำพัง!
พวกเธอรู้สึกปลอดภัยมากเมื่ออยู่ข้างกายชายคนนี้
ในระหว่างทางกลับ พวกเธอก็ได้ยินชื่อของลู่หมิงจากหวังซ่ง และเริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมาด้วย
ไป่ลู่พึมพำ “แต่ดูเหมือนว่าพี่ลู่จะดูไม่ชอบคุยกับใครเลยนะ”
หยูเฟยพยักหน้าเห็นด้วย
เธอกระทั่งรู้สึกว่าคำพูดของไป่ลู่ดูเบาเกินไปด้วยซ้ำ
มันเป็นมากกว่าการไม่ชอบพูดคุยกับผู้คน
หยูเฟยรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งแปลกๆ เกี่ยวกับพี่ลู่—มันมีคนที่สามารถพูดคุยกันโดยไม่เห็นหน้าได้ยังไง? ในยุคนี้ แม้แต่การแชทออนไลน์ก็ยังต้องโชว์หน้าแล้ว…
พูดสั้นๆ มันแปลกมาก
หวังซ่งโบกมือของเขา
“คนเราจะมีนิสัยแปลกๆ กันไม่ได้เหรอ?”
ไป่ลู่ยิ้มเบาๆ “พี่หวัง แต่พี่ไม่มีหนิ”
หวังซ่ง: “นั่นเป็นเพราะเธอยังไม่รู้จักฉันดีต่างหาก”
“เอาเถอะ วันนี้ฉันก็ได้แนะนำให้พวกเธอรู้จักที่แห่งนั้นและให้พี่ลู่ได้เห็นใบหน้าของพวกเธอแล้วด้วย ในอนาคต ถ้าฉันออกไปออกไปข้างนอกแล้วมีอะไรเกิดขึ้น พวกเธอก็สามารถไปขอความช่วยเหลือที่นั่นได้”
หยูเฟยและไป่ลู่พยักหน้าซ้ำๆ
จนกระทั่งถึงประตูของเซฟเฮาส์ หยูเฟยจึงพูดขึ้นว่า
“ว่าแต่พี่หวัง พี่ลู่ก็เป็นผู้ตื่นเหมือนกันเหรอ?”
หวังซ่งพยักหน้า
“งั้นความแข็งแกร่งของเขามีแค่ไหนถ้าเทียบกับพี่?”
หวังซ่งไม่ค่อยมั่นใจเรื่องนี้…
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง หวังซ่งก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะคนหนุ่มสาวที่มีจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็กล่าวว่า “พี่ลู่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะไกลโดยใช้หนังสติ๊ก และความแม่นยำของเขาก็มีสูงมาก แต่ถ้าเป็นความแข็งแกร่งและการต่อสู้ระยะประชิด ฉันก็เชื่อว่าฉันแข็งแกร่งกว่านะ”
หยูเฟยและไป่ลู่พยักหน้ารับ “งั้นพี่หวังก็แข็งแกร่งกว่าสินะ?”
หวังซ่งยิ้มอย่างอายๆ และยอมรับคำเยินยอจากสองสาวสวย
“แต่เราไม่สามารถเปรียบเทียบแบบนั้นได้”
“อย่างที่ฉันได้พูดไป ฉันจัดการเรื่องภายนอก ส่วนพี่ลู่ก็ดูแลเรื่องภายใน ในเขตปลอดภัยของพวกเรา ความสามารถของพี่ลู่จึงสำคัญมากเช่นกัน”
“แน่นอนว่าพี่จาง พี่เมิ่ง ครอบครัวหลี่กัง และพวกเธอสองคนก็สำคัญมากเหมือนกัน”
ในขณะที่ประตูของเซฟเฮาส์เปิดออก เมิ่งเจียก็โบกมือให้หวังซ่ง
“การวิจัยของฉันเกี่ยวกับซอมบี้ยักษ์รู้ผลแล้ว”