ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 369 คุณหนูนิทรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 371 แม้แต่สัตว์ชั้นต่ำก็มีวันของมัน

MDB ตอนที่ 370 อสรพิษแปดหัว


'กรงมืด' คือสิ่งที่คนในท้องถิ่นอย่างโอหยางถงเรียกสถานที่ซึ่งนักโทษประหารถูกคุมขัง สาเหตุที่เรียกว่า 'กรงมืด' นั้น เพราะสถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นใต้ดินซึ่งแสงแดดไม่สามารถส่องผ่านลงมาได้

หลินจินรู้สึกประหลาดใจกับการค้นพบของเขาระหว่างการสืบสวนคฤหาสน์ตระกูลตู้

ขณะนี้เขากำลังนั่งอยู่ที่แผงขายอาหาร เขาเพลิดเพลินกับซุปที่ทำจากถั่วบดและกินแพนเค้กทอดพร้อมกับคิดแผนขั้นต่อไปของเขา

เขาส่งโอวหยางถงออกไปเพราะเขาต้องการเวลาให้กับตัวเอง

ในตอนแรก หลินจินจดจ่อกับคดีนี้เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขา เขาตั้งใจว่าจะขุดคุ้ยสักหน่อยก่อนที่เทศกาลมังกรหยกจะเริ่มต้นขึ้น แต่กลายเป็นว่าเขากลับพบความลับสำคัญเข้า

ประการแรก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตู้เหลียนซื่อ คุณหนูแห่งตระกูลตู้ถึงยังอยู่ในอาการโคม่า ตามรายงาน ผู้ประเมินมารวางแผนที่จะเปลี่ยนตู้เหลียนซื่อให้เป็นรังไหมมนุษย์ แต่แผนการของพวกเขาถูกขัดขวางโดยผู้ประเมินตันซุนและหยางฉิงซื่อ ผู้ประเมินระดับสาม ทั้งสองร่วมมือกันเพื่อทำลายคาถาของผู้ประเมินมาร เมื่อเอาชนะได้แล้วก็จับเขาเข้าคุกในเวลาต่อมา

นั่นคือทั้งหมดที่หลินจินรู้ คาถารังไหมมนุษย์เป็นคาถาที่หลินจินเคยได้ยินเช่นกัน มันเป็นวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการขังมนุษย์ที่มีชีวิตไว้ในหม้อดินที่เต็มไปด้วยไข่ของแมลงต่าง ๆ เมื่อไข่ฟักออกมา แมลงก็จะกินมนุษย์เป็นอาหารก่อนที่จะหลุดออกจากรังไหมในที่สุด แมลงที่เกิดจากรังไหมมนุษย์นั้นไม่มีอะไรนอกจากความโหดเหี้ยม

เคยมีหนังสือหลายเล่มที่สอนวิธีนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน ต้องขอบคุณผู้ประเมินทางการ หนังสือเหล่านี้จึงกวาดล้างทำลายอย่างเด็ดขาด และวิธีการค่อย ๆ จางหายไปตามเวลา

อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินมารพยายามรื้อฟื้นกระบวนการสร้างรังไหมมนุษย์ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์เหล่านั้น

โชคดีที่ตันซุนและหยางฉิงซื่อรู้เรื่องนี้ได้ทันเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถหยุดยั้งผู้ประเมินมารก่อนที่เขาจะทำรังไหมมนุษย์สำเร็จ

ส่วนสาเหตุที่ตู้เหลียนซีซื่อยังไม่ตื่น หลายคนคาดเดาว่าเป็นเพราะผลของคาถารังไหมมนุษย์ แต่หลังจากการตรวจสอบสวนของหลินจิน เขาพบว่าไม่เป็นความจริง

และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความฉงนอยู่ในขณะนี้

ปัญหามันซับซ้อนมากกว่าที่คิด จุดแรกที่ทำให้เกิดความกังวลของหลินจิน นั่นก็คือกลิ่นเน่าเหม็นในห้องของตู้เหลียนซื่อ

สำหรับหลินจิน คงมีคนจงใจพยายามปกปิดมันด้วยมนต์คาถา แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีทักษะเพียงพอที่จะหลอกผู้มาเยี่ยมเยียนเป็นประจำได้ แต่คาถาของเขาก็ถูกเปิดเผยทันทีที่เขาเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเช่นหลินจิน

นอกจากนี้ หลังจากตรวจดูตู้เหลียนซื่อด้วยเข็มของเขา หลินจินก็สามารถบอกได้ว่าเธอยังอยู่ภายใต้คาถารังไหมมนุษย์ แทนที่จะถูกปิดผนึกไว้ในหม้อดิน ผู้ประเมินมารคนนั้นกลับทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเธอแทน

มีบางอย่างซ่อนอยู่ในลำไส้ของตู้เหลียนซื่อ และไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสัตว์เลี้ยงที่หายไปของเธอ นั่นก็คือนกจาบเหล็กกล้า

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หลินจินรู้สึกตกใจในขณะที่เขาแทงผิวหนังของเธอด้วยเข็ม ไม่อย่างนั้น สำหรับคนที่ใจเย็นเช่นเขา เขาคงไม่แสดงด้านที่ไม่น่าดูเช่นนี้ออกมา

สิ่งต่าง ๆ เริ่มซับซ้อนมากขึ้น

ใครกันที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้?

สำหรับตอนนี้ ผู้ประเมินมารที่ถูกขังอาจเป็นอุบายบางอย่าง เขาอาจจงใจปล่อยให้ตัวเองถูกจับกุมเพื่อที่ผู้คนในเมืองหลวงจะลดระดับการป้องกันลง จากนั้นเขาจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์วางแผนใหม่ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น

แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น มีคำถามหนึ่งที่ทำให้หลินจินงุนงง

ทำไมถึงไม่มีใครมองแผนการของผู้ประเมินมารออก?

มีผู้ประเมินมารระดับสามอย่างน้อยห้าคนทำงานที่สำนักงานใหญ่ ผู้ประเมินทั้งห้าคนนี้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเหรอ?

หลินจินไม่เคยดูถูกใครเลย ในขณะที่เขามีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครอย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ผู้ประเมินระดับสามคนอื่น ๆ สามารถบรรลุระดับของพวกเขาได้ด้วยความสามารถของพวกเขาจริง ๆ

อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับโอหยางถงที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หลินจินปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับผู้ประเมินระดับสามคนอื่น ๆ

เว้นแต่จะมีใครจงใจพยายามปกปิดเรื่องนี้

หลินจินเริ่มสืบสวนคดีนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่คิดว่าเขาจะเจอความลับอันยิ่งใหญ่แบบไม่ทันจะตั้งตัว

หลินจินได้ถามโอหยางถงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนหน้านี้

โอหยางถงเล่าว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ผู้ประเมินหยางฉิงซื่อคอยจับตาดูตระกูลตู้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ประเมินตันมีงานยุ่งมากจึงไม่มีเวลามาตรวจสอบทางนี้เลย

หลินจินฉีกแพนเค้กชิ้นเล็ก ๆ ของเขา จุ่มลงในซุปถั่วก่อนจะตักเข้าปาก

“ฉันไม่อยากจะโทษว่าตัวเองคิดมากเกินไป เว้นแต่หยางฉิงซื่อจะเป็นผู้ประเมินระดับสามที่ไร้ความสามารถเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่เขาจะไม่รับรู้ถึงกลิ่นแปลก ๆ แม้ว่าเขาจะไปเยือนคฤหาสน์ตระตู้หลายครั้งก็ตาม บางทีเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย… เฮ้อ! ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็จะยิ่งซับซ้อนมาก…”

หลินจินรู้สึกลำบากใจ

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพาตัวเองไปยุ่งกับปัญหา แต่เมื่อสิ่งที่รู้มันสำคัญเกินกว่าจะมองข้ามได้ และเขาก็รู้ว่าการไปเยือนคฤหาสน์ตู้เพียงช่วงสั้น ๆ ของเขาจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองในไม่ช้าเช่นกัน

หากเขาเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาก็คงจะหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ไม่แพ้กัน และอาจถึงขั้นเริ่มต้นแผนการใหม่เพื่อขจัดอุปสรรคอย่างเขา

“ดูเหมือนความอยากรู้อยากเห็นของฉันจะพาตัวเองไปเจอปัญหาใหม่” หลินจินถอนหายใจก่อนทานอาหารที่เหลือจนหมด ร้านแผงลอยนี้อาจจะเล็ก แต่เขาต้องยอมรับว่ารสชาติค่อนข้างดีเยี่ยม

หลังจากจ่ายค่าอาหารแล้ว หลินจินก็เดินเล่นสบาย ๆ ระหว่างทางกลับไปยังสำนักงานใหญ่

ในระหว่างนั้นเดิน เขาคิดทางแก้ออกแล้ว ไม่สำคัญว่าความสงสัยของเขาจะพาตัวเองไปในทางไหน เนื่องจากเขาเดินเข้าไปในปัญหาโดยไม่รู้ตัว เขาจึงจะจัดการสิ่งต่าง ๆ ในทันที โดยที่ไม่มีอะไรให้กลัว

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีผู้ประเมินประพฤติตัวไม่ดีจริง ๆ หลินจินก็ต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นผู้ค้นพบมัน การกระทำของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะเป็นเลวทรามเท่านั้น แต่ยังขัดต่อจริยธรรมและผิดศีลธรรมอีกด้วย

คนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้ แต่จากการตรวจสอบของเขา หลินจินพบว่านกจาบเหล็กกล้าอยู่ในท้องของตู้เหลียนซื่อ กลายเป็นภาชนะที่ใช้ฟักไข่แมลง

คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องมีทักษะที่ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ผู้ประเมินที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าคน ๆ นั้น ทำได้อย่างไร แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดา

อย่างไรก็ตาม หลินจินรู้ดีว่าแผนการของคนร้ายมีความสำคัญเพียงใด ไข่นั้นเป็นของ 'อสรพิษแปดหัว' แม้แต่ผู้ประเมินที่รอบรู้ก็อาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์วิเศษชนิดนี้มาก่อน

แต่หลินจินรู้เพราะพิพิธภัณฑ์

ตามคำอธิบายของพิพิธภัณฑ์ อสรพิษแปดหัวตัวนี้เป็นภัยคุกคามที่ไม่มีใครยอมรับการมีอยู่ของมันได้ในทั่วทุกมุมโลก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตนี้ แต่ทันทีที่ทำสำเร็จ มันจะมีระดับเริ่มต้นอยู่ระดับสี่ทันที

มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

การเกิดมาเป็นสัตว์วิเศษระดับสี่ มันหมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะก้าวไปสู่ระดับห้าในอนาคตอันใกล้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่บางคนเต็มใจที่จะเสี่ยงที่จะเพาะพันธุ์มัน

แน่นอนว่าในวันที่อสรพิษแปดหัวตัวนี้มีชีวิตขึ้นมา มันจะเป็นวันตายของตู้เหลียนซื่อ นอกจากนั้น อสรพิษแปดหัวยังถูกอธิบายว่ามีกลิ่นเหม็นเน่า มันจึงสาเหตุที่ทำให้หลินจินได้กลิ่นเหม็นในห้องนอนของตู้เหลียนซื่อ

สำหรับสาเหตุที่คนอื่นไม่ได้กลิ่นนั้น หลินจินเข้าใจว่าไม่ใช่เพราะคาถาที่ร่ายลงบนร่างของตู้เหลียนซื่อ หากเป็นเช่นนั้น เข็มเงินของเขาก็จะตรวจพบคาถานั้นทันที

อันที่จริง หลินจินไม่รู้ว่าคนร้ายจัดการกับเรื่องกลิ่นนี้ได้อย่างไร แต่น่าจะเป็นทักษะอันเหลือเชื่อบางอย่าง

การทิ้งเข็มไว้ในตู้เหลียนซื่อเป็นเพียงการป้องกันไว้ก่อน หากจำเป็นหลินจินก็สามารถควบคุมมันเพื่อทำลายอสรพิษแปดหัวในร่างกายของตู้เหลียนซื่อได้เพียงปลายนิ้ว

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะถ้าอสรพิษแปดหัวถูกฆ่า มันจะปล่อยพิษออกมาทันที เมื่อถึงเวลานั้น แม้ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า ก็ไม่อาจช่วยตู้เหลียนซื่อได้

เธอเป็นหญิงสาวผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ดังนั้นหลินจินจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอ

หลินจินมีเหตุผลของเขาที่มาเยี่ยมกรงมืดในเวลากลางคืน ท้ายที่สุดแล้ว มีโอกาสสูงที่เขาจะต้องปะทะกับศัตรู และการสู้รบตอนกลางคืนก็หมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องออมมือ

หลินจินไตร่ตรองทุกสิ่งที่จำเป็นเกือบจะครบถ้วนแล้ว

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด