1199 - ข้าจะให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครึ่งเดือน
1199 - ข้าจะให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครึ่งเดือน
หลังจากที่ผ่าหินออกมาเล็กน้อยก็ปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สุกใสจะลอยออกมาทันที มันคือตนกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่ เพียงต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนนี้ก็เทียบได้กับสิ่งที่เย่ฟ่านจ่ายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากนั้นเย่ฟ่านยังคงแกว่งมีดต่อไป ผิวหินหลุดร่วงอย่างต่อเนื่องและต้นกำเนิดสวรรค์ก็ถูกเปิดออก ไม่มีแสงพราวอยู่ข้างในอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์และนุ่มนวล ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลง
“มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ หยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ชิ้นใหญ่ มันไม่ปรากฏขึ้นนานนับแสนปีแล้ว!” เมื่อหินถูกเปิดออกทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างอุทานด้วยความตื่นเต้น
หลายคนรีบมาที่นี่ ฝูงชนตื่นตะลึง มีหลายคนต้องการที่จะแย่งชิงมัน อย่างไรก็ตามในเมืองเทียนฟางแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ต่อสู้กัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่คิดในใจ
เจ้าของกองหินนี้ตกตะลึงแล้วร้องด้วยความสิ้นหวังว่า “เจ้าคือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์…”
หยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์นั้นมีน้ำหนักยิ่งกว่าดวงดาวดวงเล็กๆ หากไม่ได้ถูกห่อหุ้มอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนนี้น้ำหนักของมันเพียงพอที่จะถล่มเทียนฟางให้ตกลงไปบนพื้นได้เลย
เจ้าของลานพนันหินตีอกชกหัวด้วยความเจ็บปวด เมื่อมองหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประมาณศีรษะมนุษย์หลายก้อนซึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่เขาไม่สามารถทำใจยอมรับได้เลย
“พี่เหอสุ่ยคราวนี้เจ้าจะมีอาวุธแห่งชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว” เย่ฟ่านยิ้ม
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของหลี่เหอสุ่ยถูกทำลายในตอนที่พวกเขาเข้าสู่นรกใต้ดิน สาเหตุก็เพราะวัสดุที่ใช้สร้างอาวุธของเขาไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ
อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับสมบัติชิ้นนี้ขึ้นมาแล้ว ปริมาณของมันไม่เพียงจะสามารถนำไปสร้างอาวุธประจำตัวให้หลี่เหอสุ่ยได้แต่มันยังมีปริมาณเพียงพอที่จะทำอย่างอื่นอีกด้วย
เย่ฟ่านต้องการสิ่งนี้ให้กับหลี่เหอสุ่ย อย่างไรก็ตามหลี่เหอสุ่ยบอกว่ามันไม่มีทางที่เขาจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ดังนั้นเขาจะไม่รับสมบัติชิ้นนี้ไว้แต่จะเลือกพัฒนาอาวุธประจำชีวิตด้วยสมบัติที่มีระดับรองลงมา
“จักรพรรดิคนนี้ยังขาดอาวุธประจำชีวิต เจ้าควรมอบมันให้ข้าดีกว่า!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตะโกน
“นักพรตผู้ยากไร้ก็เช่นกัน!” ต้วนเต๋อลูบมือของตัวเองด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามทุกคนต่างมองทั้งสองด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามทันที คนหนึ่งเป็นผู้ติดตามของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู่ซือ เขาจะขาดแคลนอาวุธระดับเซียนได้อย่างไร
ในขณะเดียวกัน ต้วนเต๋อถือได้ว่าเป็นผู้ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดในโลก มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นถึงจะเชื่อว่าเขาไม่มีสมบัติอยู่กับตัว
“หยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์นี้มีขนาดใหญ่โตอย่างยิ่ง มันเพียงพอที่จะสร้างอาวุธได้หลายชิ้น!” วานรศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ
“พี่เหอสุ่ยเจ้าควรสร้างอาวุธประจำตัวด้วยสมบัติชิ้นนี้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าก็นำอาวุธที่เจ้าไม่ได้ใช้แล้วมอบให้กับเสี่ยวเช่อเอ๋อและตงตงเพื่อที่อาวุธเหล่านั้นจะพัฒนาไปพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสองคน” เย่ฟ่านกล่าว
“ช่างหรูหราอะไรเช่นนี้!” ต้วนเต๋ออิจฉาเล็กน้อย
“นับตั้งแต่รู้จักกันมาเจ้าก็เห็นว่าข้าไม่เคยมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เลย” จักรพรรดิดำประท้วงด้วยความไม่เต็มใจ
“เรานำส่วนหนึ่งของมันไปแลกเปลี่ยนกับบุปผาเซียนเถอะ” เย่ฟ่านเก็บหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์เอาไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของจี้จื่อเยว่เต็มไปด้วยความสุข ลักยิ้มที่หายไปหลายวันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางวิ่งไปข้างหน้าอย่างร่าเริงราวกับเทพธิดาตัวน้อย
“มันผิดปกติมากเกินไป จำนวนของหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ที่มีอยู่ในหินก้อนนั้นดูไม่สมเหตุสมผลเลย!”
ผู้คนยังคงตกตะลึงไม่หาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
เมื่อเย่ฟ่านและคนอื่นๆ กลับมา บุปผาเซียนก็ยังคงอยู่ตรงนั้น มันเติบโตอย่างงดงามภายในกระถางดิน ลักษณะของมันเห็นได้ชัดว่าอีกไม่กี่ปีก็จะเบ่งบานกลายเป็นบุปผาที่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว
ในเวลาต่อมาเย่ฟ่านหยิบเอาหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ขนาดเท่ากำปั้นของทารกออกมาเพื่อแลกกับบุปผาเซียน
“นี่...” เจ้าของร้านตกตะลึง ไม่คิดว่าจะมีคนส่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ออกมาจริงๆ
“ตามกฎของเทียนฟางข้าสามารถเอาดอกไม้ออกไปได้หลังจากที่ข้าวางหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ลงไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าที่จะต่อต้าน”
เย่ฟ่านทิ้งหยกก้อนนั้นลงไปบนแผงขายของก่อนจะหยิบเอาบุปผาเซียนมามอบให้จี้จื่อเยว่
“มันมีกลิ่นหอมมาก มันแทบจะทำให้ข้าโบยบินขึ้นไปบนฟ้าได้เลย” จี้จือเยว่สูดดมดอกไม้ที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ช้าก่อน!” หยวนกู่และคนอื่นๆ ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“น่าเสียดายที่เจ้ามาช้าเกินไป บุปผาเซียนกลายเป็นของเราแล้ว” เย่ฟ่านกล่าว
“มันยังไม่จบ ตามกฎแล้วตราบใดที่เรานำหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์มามากกว่าเจ้า ดอกไม้นี้ยังคงเป็นของเรา” หยวนกู่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เขาหยิบหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ชิ้นใหญ่ออกมาซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าชิ้นของเย่ฟ่านเกือบสองเท่า
“มันน่าปวดหัวจริงๆ” เย่ฟ่านกล่าว
“วางกระถางดอกไม้ดอกไม้ลงแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ ข้าจะประหารชีวิตเจ้าในอีกครึ่งเดือน” หยวนกู่ยิ้มเยาะ
“ข้าหมายความว่าเหตุใดเจ้าต้องลำบากขนาดนี้?”
เย่ฟ่านหยิบเรียกหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดออกมา จากนั้นเขาก็เปิดฝาหม้อและหยิบหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่กว่าของหยวนกู่ออกมามอบให้กับเจ้าของแผง
“อะไรนะ! นี่คือ…”
ไม่ต้องกล่าวถึงหยวนกู่ แม้แต่กลุ่มชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยังเกิดความตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อเห็นกองหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์มากมายมหาศาลภายในหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดของเย่ฟ่าน!
ต้องเข้าใจว่าหยกศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์นั้นไม่ใช่หัวกะหล่ำปลีที่จะดึงออกมาเมื่อใดก็ได้ นี่คือสมบัติแห่งสวรรค์พิภพที่ใช้ในการสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแม้ว่าเจ้าของจะตายไปแล้วอาวุธชิ้นนี้ยังคงจะตกทอดต่อไปอีกหลายแสนปี
“ไสหัวไปได้แล้วข้าจะให้โอกาสเจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครึ่งเดือน” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้า…”
สีหน้าของหยวนกู่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าฮั่วหลินเฮ่อ
ในการปะทะกันยกแรกระหว่างหยวนกู่กับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ กลับเป็นฝ่ายของหยวนกู่ที่ต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
“เมื่อเจ้าตายสมบัติทั้งหมดของเจ้าจะเป็นของข้า!” เขาสบถในใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้ นับว่าวันนี้ใบหน้าของหยวนกู่ถูกฉีกจนพังยับเยินแล้ว
“พี่เย่...”
องค์หญิงแห่งถ้ำโหวหลินออดอ้อนอย่างน่าเวทนา ไม่มีสตรีคนใดในโลกสามารถต้านทานอำนาจของบุปผาเซียนที่จะคงความงามของพวกนางไปได้ตลอดกาลได้
“ข้าให้คนอื่นไปแล้ว” เย่ฟ่านกล่าว
“พี่สาวฮั่วไม่ต้องกังวล เมื่อบุปผาต้นนี้เบ่งบานอย่างเต็มที่ข้าจะแบ่งปันให้เจ้าครึ่งหนึ่ง” จี้จื่อเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงหรือ?” ฮั่วหลินเอ๋ออุทานด้วยความตกใจ
“มันเป็นเรื่องจริง คำพูดของพวกเราลูกหลานตระกูลจี้สามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน” จี้จื่อเยว่ยิ้มสดใส
“ไม่ทราบว่าบ้านของน้องสาวอยู่ที่ไหนหรือ?”
ฮั่วหลินเอ๋อยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และเข้ามาสนทนากับกลุ่มของเย่ฟ่านพร้อมกับทอดทิ้งหยวนกู่โดยไม่แยแส
ผู้คนที่อยู่ด้านข้างล้วนมึนงง หญิงสาวทั้งสองคนสนทนากันอย่างสนุกสนานและมีเสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้นตลอดเวลา
แน่นอนว่าคนที่หงุดหงิดที่สุดคือหยวนกู่ ในขณะนี้เขาจ้องมองเย่ฟ่านด้วยความโกรธแค้นและแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“การต่อสู้ครั้งนี้เดิมพันด้วยชีวิตและความตาย ในพวกเราทั้งสองคนจะมีคนเดียวเท่านั้นที่สามารถก้าวออกจากสนามรบได้!”
“เจ้าพูดผิดแล้ว คนตายจะมีแค่เจ้าเท่านั้น!” เย่ฟ่านยิ้มตอบรับ
สายตาของพวกเขาทั้งคู่มองกันอย่างเย็นชา และทำให้บรรยากาศในเทียนฟางหนาวเหน็บลงทันที
“ครึ่งเดือนต่อจากนี้ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่สนามรบซีเซี่ย จงใช้เวลาครึ่งเดือนนี้แสวงหาความสุขครั้งสุดท้ายของเจ้าเถอะ!” หยวนกู่มองเย่ฟ่านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังจากไป
“มันเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ข้าไม่สามารถตัดหัวของจักรพรรดิหยวนด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยการทำลายทายาทคนสุดท้ายของเขายังพอจะแก้ความเบื่อหน่ายให้ข้าได้บ้าง” เย่ฟ่านกล่าวอย่างสบายๆ
………