บทที่ 87 : เริ่มเปิดฉาก (4-1)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 87 : เริ่มเปิดฉาก (4-1)
เลื่อนยศให้เป็นราชาเลยเหรอ
คำพูดที่ฟังแล้วน่าขันเหลือเกิน
“กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงค้นหานายด้วยความสิ้นหวัง ฮีโร่จากนิมฟ์เฮมน่ะรู้กันแล้วว่านายมาที่นี่”
หญิงสาวพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ลองคิดดู จะมีฮีโร่ที่ไหนในโลกที่ค้นหานายทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายเดือนเพียงเพราะนายท่านของพวกเขาหายตัวไป นายจะทำอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ? โร่จากห้องรออื่นๆ จะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า?”
นางฟ้าวางมือทั้งสองข้างบนเอวของเธอแล้วส่ายศีรษะ
มันหมายถึง 'ไม่'
“วิธีการเล่นของนายนั้นมีเอกลักษณ์มาก ฉันไม่มีทางคิดแผนแบบนายได้เลย ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีนายท่านที่ไม่ใช้การสังเคราะห์อยู่บนโลกนี้ด้วย”
ฉันแทบไม่เคยใช้การสังเคราะห์ แต่ถ้าจำเป็น ฉันก็จะทำ
แต่อย่างที่หญิงสาวพูด ถ้าฉันเป็นนายท่านคนอื่น ก็คงจะใช้การสังเคราะห์ให้มากขึ้นเพื่อควบคุมห้องรอ อาจจะสังเคราะห์สองถึงสามครั้งต่อวัน ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไปก่อนที่ฉันจะถูกอัญเชิญมาที่นี่ การสังเคราะห์รอบล่าสุดของนายท่านที่กำลังคุมฉันอยู่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน
“การดำเนินการอื่นๆ ไปก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่นายจะกลายเป็นที่รู้จักนายท่านเกือบทั้งหมดในพิกมีอัพต่างปฏิบัติต่อฮีโร่เหมือนเป็นของเล่น นายท่านเล่นกับพวกเขาจนเบื่อแล้วก็ทิ้งพวกเขาเหมือนเป็นสิ่งของดั่งเศษขยะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายรู้งั้นเหรอว่าฮีโร่เหล่านี้เป็นมนุษย์จริงๆ? หรือแค่นายรู้สึกว่ามันแปลก? แต่การกระทำของนายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่านายรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว นั่นแหละคือข้อสรุปของฉัน”
ฉันแค่คิดว่ามันเป็นเกมที่ดูประหลาดเท่านั้นเอง
ฮีโร่ที่อยู่ข้างในเกมมีความสมจริงมากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่ตัวละครที่สร้างขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ แต่ละคนมีปฏิกิริยาและมีวิธีดำเนินการตามคำสั่งที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ใช่ว่าฉันเชื่อว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆ
“มันแค่ดูเหมือนเป็นเกมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเกมอื่น”
คนเล่นเกมทั่วไปจะควบคุมเหล่าฮีโร่ผ่านการสังเคราะห์
หากมีฮีโร่ที่ไม่เชื่อฟังหรือรู้สึกว่าไร้ค่า พวกเขาจะกำจัดพวกเขาอย่างไร้ความปรานีและปกครองห้องรอด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าฮีโร่ระดับล่างจะแสดงศักยภาพเท่าไร แต่พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงอาหารสำหรับฮีโร่ระดับสูงกว่าเท่านั้น
แต่ฉันแตกต่างออกไป
ฉันไม่เคยสุ่มได้ฮีโร่ 5 ดาวเลย ฉันมีเพียงฮีโร่ 4 ดาวเพียงคนเดียว
คนอื่นๆ ต่างแนะนำให้ฉันยอมแพ้และเลิกเล่น พวกเขาบอกว่าบัญชีของฉันมันตายไปแล้ว
แต่ฉันไม่ยอมแพ้
ฉันนั้นคุ้นเคยกับความไม่ยุติธรรม ดังนั้นฉันจึงทำแค่มองหาหนทางเอาตัวรอดข้างหน้า และด้วยเหตุนี้ มุมมองของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันต้องจัดห้องรอด้วยฮีโร่ระดับ 3 ดาวหรือต่ำกว่า ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแบบแผนทั้งหมด
แม้ว่าระดับดาวของพวกเขาจะต่ำ แต่ฉันก็จะไม่ทิ้งพวกเขาหากพวกเขามีศักยภาพ
ในตอนแรก พวกเขาอาจดูไร้ประโยชน์ แต่พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง
หากห้องรอถูกควบคุมด้วยความกลัวเพียงอย่างเดียว ห้องนั้นก็จะพังทลายลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากเก็บข้อมูล ฉันก็พบว่าในพิกมีอัพมีหลายวิธีในการควบคุมฮีโร่ มันขึ้นอยู่กับรูปแบบการเล่น ฉันวิเคราะห์จับประเด็นและนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเมื่อจำเป็น
เมื่อมีผู้พิสูจน์คุณค่า ย่อมต้องมีรางวัลให้ตอบแทน
ทว่าหากไร้ค่าและเกียจคร้าน ย่อมต้องมีการลงโทษ
หากมีคนที่ไร้ประโยชน์และกลายเป็นอุปสรรค ฉันจะใช้พวกมันแบบ 'เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้ง'
ปาร์ตี้ที่ฉันส่งไปเป็นกองหน้าของดันเจี้ยนผจญภัย คนพวกนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่เหมาะกับการใช้งานในระยะยาว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อฮีโร่ที่อยู่ใกล้เคียง
ฉันไม่ได้ใช้การสังเคราะห์ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ
นั่นคือวิธีที่ฉันใช้ปกครองนิมฟ์เฮม
ในบรรดาปาร์ตี้หลักนั้น พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด โดยมีสมาชิกห้าคน
และในหมู่พวกเขา มีฮีโร่ที่เริ่มต้นจากระดับ 1 ดาวด้วย
เนื่องจากฉันไม่ได้ใช้การสังเคราะห์ มันจึงทำให้จำนวนประชากรในห้องรอนั้นเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
เป็นผลให้นิมฟ์เฮมเติบโตขึ้นจนมีขนาดใกล้เคียงกับอาณาจักร
ดังนั้นแล้ว การวิเคราะห์จากการที่ฉันไม่สังเคราะห์ตัวละครว่า 'รู้ความจริง' ของโลกใบนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่โง่เขลานัก
“แกชอบการเล่นของฉันเหมือนกันเหรอ?”
"ใช่ ฉันเลยอยากคุยกับนายจริงๆ น่าเสียดายที่มันไม่สามารถเกิดขึ้นบนโลกได้”
"ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน หากเราเจอกันบนโลก ฉันคงจะกำจัดแกทันที”
หญิงสาวกระพริบตาของเธอปริบๆ
ฉันยิ้มแล้วพูดต่อ
“ฉันจะไม่มีวันลืม ฉันไม่มีอะไรในใจเกี่ยวกับแกเลยนอกจากความเกลียดชังที่มีจนแทบปริล้นออกมา”
“เป็นแบบนั้นเหรอ?”
“ไม่ว่าจะเป็นทาวเนียหรือนิมฟ์เฮม ฉันก็ไม่สนใจทั้งสองอย่าง ฉันเป็นมนุษย์ที่มาจากโลก อย่าเอาเรื่องตัวเองมาให้คนอื่นแก้สิ”
“ฮิฮิ นายไม่สนใจเหรอ? ฮีโร่ของนิมฟ์เฮมคงผิดหวังมากแน่ถ้าพวกเขาได้ยินนายพูดแบบนั้น”
“ปล่อยให้พวกเขาเสียใจตามที่พวกเขาต้องการเลย”
ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้สักนิดเดียว
หากต้องการให้ฉันช่วยพวกเขาปีนหอคอยจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพาฉันมาที่นี่หรอก นิมฟ์เฮมกำลังก้าวหน้าและทำทุกอย่างอย่างขยันขันแข็งด้วยแบบแผนที่ฉันวางไว้ พวกเขาก็มาถึงชั้นที่ 88 แล้ว เหนือกว่าชั้นที่ 85 และอีกไม่นานกำแพงปีศาจอย่างชั้น 90 ก็กำลังรออยู่ตรงหน้าแล้ว
แต่ระหว่างนั้น มันกลับดึงฉันมาที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังบุกเข้ามาที่ชั้น 10 และยังพาฉันมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องไร้สาระอีกด้วย กับข้อมูลแค่นี้ ฉันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้หรอก
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถบอกได้คือ ยัยคนนี้ไม่สนใจคนอื่นเลย มันสนใจผลประโยชน์ของมันเองเท่านั้น
ฉันจึงสามารถตัดสินใจได้ทันที
“ฉันจะไม่ร่วมมือกับแก ที่จริงแล้วแกควรไปให้พ้นตั้งแต่ตอนนี้ซะก่อนที่ความอดทนของฉันจะถึงขีดจำกัด”
“เดี๋ยวนายก็จะกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้โมเบียส”
หญิงสาวหัวเราะ
“เอาเถอะ แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอก มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันต้องการจากนายคือจงปีนหอคอยไปยังจุดที่ฉันอยู่อย่างปลอดภัย หากนายสามารถทำเช่นนั้นได้ ฉันก็จะยอมให้อภัยและอดทนทนต่อการดูถูกในครั้งนี้แล้วกัน”
“เธอเป็นคนทำให้นักบวชทมิฬปรากฏตัวบนชั้น 10 ใช่ไหม?”
“แล้วถ้าใช่ล่ะ?”
ฉันกัดฟันแน่น
“อย่าโมโหไปเลย ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งตั้งแต่ชั้นที่ 15 เป็นต้นไป ทาวเนียคงเล่นนายหนักอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่ได้เข้ามาแทรกแซงก็ตาม เพราะมันเป็นความยากระดับ S แบบเดียวกันกับนิมฟ์เฮม”
“……”
“ไม่ว่านายจะทำได้ดีแค่ไหน ฉันก็ประเมินว่ามีโอกาสที่นายท่านอาจจะล้มเลิกได้เลย 90% ซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรหากฉันยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย”
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้
เบาะหนังสีดำก็พลันเลือนหายไปทันที
“ฉันสาบานเลยว่า หากนายสามารถปีนหอคอยจนถึงจุดสูงสุด ฉันจะส่งนายกลับไปยังที่ที่นายจากมา และอีกอย่างหนึ่ง ฉันจะโอนครึ่งหนึ่งของหุ้นในโมเบียสให้นาย นายจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทที่สามารถสั่นสะเทือนเศรฐกิจโลกได้”
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโมเบียส
'ฉันไม่เชื่อหรอก'
ต่อให้สัญญาว่าจะส่งฉันกลับไปก็ไม่อาจจะเชื่อ
เมื่อฉันปีนขึ้นไปบนหอคอย ความจริงย่อมจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าฉันเอง
ฉันจะกลับไปด้วยตัวของฉัน ฉันจะไม่พึ่งพาขยะแบบแก
“ว่าอย่างนั้น มาทำสัญญาเลยไหม?”
หญิงสาวถามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ตราบใดที่เธอไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน”
“ดูเหมือนว่านายจะเกลียดฉันจริงๆ เลยนะ ทำไมกันล่ะ?”
“ทำไมถึงกล้าถามล่ะ?”
"ก็เรื่องนั้น…."
ฉันดึงกริชอันที่สองออกมาแล้วขว้างไปที่หน้าผากของหญิงสาว
มีดแทงทะลุกะโหลกศีรษะของเธอ และฝังลึกอยู่ด้านใน
“นี่คือคำตอบของฉัน”
"ฮิฮิฮิ..."