ตอนที่ 210 สังหารสิ้นทั้งกองทัพด้วยตัวคนเดียว(อ่านฟรี)
ตอนที่ 210 สังหารสิ้นทั้งกองทัพด้วยตัวคนเดียว
มนุษย์วานรระดับ B รีบให้นกแร้งยักษ์บินหักหลบเพื่อหนีจากคมดาบของลุค ส่วนนกแร้งมันกรีดร้องคำราม แต่ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสุดท้ายนกแร้งยักษ์กลับต้องโดนคมดาบของลุคแทน
ฉับ!
ร่างของนกแร้งโดนฟันจนเลือดสาดกระเซ็นบนท้องฟ้า
มนุษย์วานรระดับ Bคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงคู่กาย แต่ก็รู้จะต้องผละตัวออกจากนกแร้งที่ไม่มีทางรอดแล้ว
มันรีบยันตัวออกจากนกแร้งยักษ์เพื่อหลบคมดาบมือของลุคที่ฟันไล่ฟันตามมา
มนุษย์วานรระดับ Bตวัดพัดสร้างคลื่นลมขวางกั้นระหว่างตัวของตนเองและลุค
ลุคไม่คิดจะปล่อยให้หนีรอดไปได้ เขารีบบินเข้าตามไปติด ๆ พอเห็นว่ามนุษย์วานรระดับ B ถึงพื้นก็ยกดาบขึ้นสองมือฟันลงไปอีกครั้ง
มนุษย์วานรระดับ B รีบกระทืบเท้ากระโดดหนี ดาบของลุคจึงฟันทำลายพื้นดินที่ว่างเปล่าระเบิดเป็นหลุมกว้างเกือบ 50 เมตรรอบตัว
แต่แล้วพริบตานั้นอยู่ ๆ ลุคก็หายตัวไป
มนุษย์วานรระดับ B เบิกตากว้างรีบหันกลับไปทางด้านหลังก็พบว่าลุคไปอยู่ทางด้านหลังแล้ว บนฟ้าลุคว่าเร็วแล้ว แต่บนพื้นเขาเร็วกว่าด้วยการสนับสนุนของไอเทมรองเท้าสายฟ้าที่เพิ่มความเร็วของเขาไปสู่ระดับใหม่
มนุษย์วานรระดับ B เอี้ยวตัวกลับมาคิดจะใช้พัดขนนกโจมตี แต่สายไปลุคบิดตัวเตะด้วยความเร็วสูงเข้าใส่ศีรษะของมนุษย์วานรระดับ B ในทันที
เปรี้ยง!!!
สายฟ้าระเบิดออกมาราวกับสวรรค์ลงทัณฑ์ หัวของมนุษย์วานรระดับ Bหมุดเป็นลูกข่างค้างคาอยู่บนคอ ก่อนที่จะตามมาด้วยสายฟ้าที่ช็อตเข้าใส่ทั้งร่างของมนุษย์วานรระดับ B ด้วยพลังงานที่มหาศาลจนเส้นขนและผิวหนังทั้งร่างไหม้อย่างร้ายแรงจนดำเป็นศพที่โดนเผาเป็นผ่าน
ตุบ! ๆ ๆ
ศพของมนุษย์วานรระดับ B หลุดและกระแทกพื้นแตกเป็นถ่าน ก่อนจะสลายเป็นฝุ่นสีดำลอยเข้ามาที่ตัวของลุค
ทั้งตัวของมนุษย์วานรระดับ B เหลือเพียงเศษจากชุดเกราะและพัดขนนกที่ไม่เป็นอะไร ลุคคว้าจับพัดนั้นไว้ด้วยความสนใจ เพราะนี่ถือว่าเป็นไอเทมที่ดี
พัดขนนกชิ้นนี้เป็นอาวุธพลังธาตุลมที่ทรงพลังมาก เพียงแค่ลุคจับดูก็รู้ว่าขอบเขตของมันเกินกว่าระดับ B ไปแล้วขั้นหนึ่ง นั้นหมายความว่ามันอาจจะเป็นของในระดับ A ช่วงต้น
ลุคเก็บมันไว้กลับตัวในทันที
...
“ลุค!”
นิโคลที่พาร่างกายที่บาดเจ็บของตัวเองเดินเข้ามาหาเขาด้วยความรีบร้อน ทันทีที่ลุคหันหน้าไปนิโคลก็มั่นใจว่าคนที่มาช่วยพวกเธอนั้นคือลุคไม่ผิดแน่นอน
“ไงไม่เจอกันนาน” ลุคยิ้มทักทายเล็กน้อย
นิโคลเผยสีหน้าเงียบขรึมก่อนที่จะวิ่งโดยไม่สนใจความเจ็บปวดและเข้ามากอดลุคไว้
“เออ...” ลุคทำตัวไม่ถูก เมื่อต้องเจอกับการกอดของนิโคล แต่ก่อนที่เขาจะได้ยกมือขึ้นมาโอบแผ่นหลังของเธอ นิโคลก็ผละออกไปก่อนแล้ว
“นายหายไปไหนมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” นิโคลกลับมาเป็นคนเดิมและถามคำถามออกมา
“เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าฉันไม่ได้อยู่ที่โลกใบนี้”
“ไม่ได้อยู่ที่โลกใบนี้” นิโคลเบิกตากว้างเล็กน้อย เพียงประโยคเดียวของลุคก็กลายเป็นข้อมูลที่สำคัญไปแล้ว ถ้าคนอื่น ๆ รู้ว่าลุคไม่ได้อยู่ที่โลกใบนี้มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
“ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” ลุคกล่าวออกไป
...
ขณะเดียวกันพวกสมาชิกกิลด์ที่ตามมาด้านหลังก็เผยแววตาตื่นตกใจยิ่งกว่าตอนเจอกับมนุษย์วานรระดับ B ซะอีก
“นิโคลรองผู้นำที่จริงจังคนนั้นกลับกอดผู้ชายอื่นต่อหน้าข้าตายไปแล้วใช่ไหม ถึงเจอกับภาพประหลาดแบบนี้”
“โอ๊ย ใครเขาดาบแทงก้นข้า”
“เจ้าเจ็บแสดงว่ายังไม่ตาย”
“ไม่เจ้ายังไม่ตาย”
“...”
“ได้ยินที่รองผู้นำเรียกเขาไหม รองผู้นำนิโคลเรียกชายคนนั้นว่าลุค”
“หรือว่าจะเป็นลุคซันเดอร์ ผู้นำกิลด์เทพศาสตราวุธที่หายตัวไปกับทีมสำรวจที่ 1”
“น่าจะใช่ ฉันเคยเห็นรูปของเขามาก่อน ไม่ผิดแน่นอน แต่จากที่รู้ผู้ของพวกเราเป็นเหนือมนุษย์ระดับ D เท่านั้นไม่ใช่เหรอ”
“ระดับ D บ้าอะไร นั้นมันระดับ B แล้ว แถมยังแข็งแกร่งมากด้วยเพราะท่านผู้นำสามารถฆ่ามนุษย์วานรระดับ B ได้อย่างง่ายดาย”
“อืม มนุษย์วานรในระดับเดียวกันกับเหนือมนุษย์พวกมันแข็งแกร่งกว่าพวกเราหลายเท่า”
“ดูเหมือนพวกเราจะตัดสินใจถูกที่เข้าร่วมกิลด์เทพศาสตราวุธ ขอแค่รอดไปจากสมรภูมินี้ได้ดูสิจะมีใครกล้าดูถูกพวกเราว่าเป็นพวกที่ไร้ความสามารถและมีแต่เงินอีกหรือไม่”
...
นิโคลสั่งให้คนที่รอดอยู่ไปตามหาคนอื่น ๆ และรวบรวมพวกเขา เธอหวังว่าจะมีคนรอดมากขึ้นอีกสักคน
แต่ขณะที่พวกเขาช่วยเหลือสมาชิกในกิลด์คนอื่น ๆ ก็ต้องเจอกับการโจมตีอีกระลอกเมื่อกองทัพที่นิโคลเคยล่อมาก่อนหน้านั้นได้เดินทัพมาจนถึงพวกเขาแล้ว
“ทุกคนเตรียมตัวต่อสู้” นิโคลตะโกนไปทางด้านหลัง คราวนี้พวกเขาหนีไม่ทันแล้ว มีแต่ต้องสู้เท่านั้น อีกฝ่ายมีกันนับหมื่นคน ถ้าไม่สู้ก็ตาย
พึ่งรอดจากภัยพิบัติมาแต่ก็ยังต้องสู้ตายอีก แค่กองทัพไม่ถึงพันของกองทัพอากาศอย่างแร้งหัวแดงพวกเขาก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว โชคดีที่ผู้นำกิลด์ทรงพลังมากจนกำจัดพวกมันได้
แต่คราวนี้พวกมันมีกันหลักหมื่น ผู้นำกิลด์จะสู้ไหวไหม
ทุกคนต่างหันไปมองดูท่าทีของลุค ก่อนจะพบว่าผู้นำลุคกลับยืนนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
แม้แต่นิโคลก็ยังต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เราควรให้พวกที่บาดเจ็บถอยไปก่อน ส่วนคนที่สู้ได้ก็สกัดพวกมันไหม” นิโคลเสนอ ถ้ามีลุคอยู่ด้วยก็อาจจะพอซื้อเวลาให้ทุกคนหนีไปได้และลุคเป็นระดับ B ก็ยังพอมีโอกาสหนี ส่วนพวกคนอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว
นิโคลกำลังคิดถึงการเสียสละอีกครั้ง
ลุครับรู้ได้ถึงความคิดของนิโคล จึงหันมามองหน้าเธอและส่ายหัวเบา ๆ กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่จำเป็นหรอก พวกเธอพากันหนีไปเถอะ ฉันจะขวางพวกมันทั้งหมดไว้เอง”
“นาย!” นิโคลพูดด้วยเสียงดัง เพราะคิดว่าลุคจะเสียสละตัวเองต้านพวกมันด้วยตัวคนเดียวเพื่อให้ทุกคนหนี ถ้าเป็นแบบนั้นแม้แต่ระดับ B ถ้าโดนล้อมก็ตายได้ โอกาสในการรอดชีวิตของลุคจะน้อยลงไปอีก
นิโคลกำลังจะปฏิเสธ แต่ลุคก็ห้ามเธอ
“ฉันทรงพลังกว่าที่เธอคิดมาก รีบพาทุกคนถอยไปก่อน ไม่ต้องเข้าไปที่ฐานทัพแนวหน้าสมรภูมิรบที่ 1 ที่นั่นไม่ปลอดภัย” ลุคเตือนเธอเพิ่ม
นิโคลได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ ดูเหมือนว่าคนที่เล่นงานพวกเธอจะเป็นคนในฐานทัพแนวหน้าสมรภูมิรบที่ 1 และนิ่งคิดก็ยิ่งสมเหตุสมผล คนที่ส่งคำสั่งเปลี่ยนแผนการกะทันหันได้ต้องไม่ใช่คนทั่วไปแน่นอน
“ใคร” นิโคลถาม
“กลิน ไว้จะอธิบายทีหลัง แต่ระวังตัวไว้ด้วย”
นิโคลรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเธอและการต่อสู้ที่นี่อีกแล้ว แต่มันเกี่ยวกับแผนบางอย่างที่เล็งมาที่กิลด์ของพวกเธอด้วย ในเมื่อลุครู้มากกว่าที่เธอรู้ ก็แสดงว่าเขามีแผนและมั่นใจว่าสามารถรับมือที่นี่ได้
หลังจากไตร่ตรองทุกอย่างแล้วนิโคลก็ทำตามคำบอกของลุค พาสมาชิกกิลด์ที่เหลือรอดกันราว ๆ 120 กว่าคนจากไปทันที แต่ก่อนไปลุคก็ไม่ลืมเพิ่มไอดีของเธอไว้ด้วย
ไอดีของโลกยุคโบราณแยกออกจากโลกมนุษย์ ถ้าไม่เพิ่มที่นี่ก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้
...
ติ้ง!
ในตอนนั้นเองก็มีข้อความส่งมาหาลุค เป็นเซล่าที่ส่งข้อมูลหน่วยต่าง ๆ มาให้เขา รวมถึงจุดที่อยู่ของกลิน ซึ่งไปประจำการด้วย
ในการต่อสู้กันทัพที่ปะทะกันจะแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือกองทัพที่มีเหนือมนุษย์ตั้งแต่ระดับ B ลงไปจนถึงระดับ F พวกนี้เป็นทัพที่ใช้จำนวนในการสู้กัน
ส่วนระดับ A นั้นเคลื่อนไหวได้อิสระมากกว่า ทำให้มักจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบอิสระลอบเข้าไปโจมตีและทำลายเป็นหลัก บางครั้งก็มีระดับ B เข้าร่วมด้วย แต่น้อยที่จะเห็น
ระดับ A จากฝ่ายมนุษย์จึงต้องเคลื่อนไหวอย่างอิสระคอยดักเส้นทางปะทะกับมนุษย์วานรระดับ A ของอีกฝ่ายเช่นกัน
ระดับ A ยากมากที่จะฆ่ากันได้ เพราะพละกำลัง พลังงานและความทนทานของพวกเขาสูงมาก ถ้าไม่ใช่การรุมฆ่าก็แทบไม่มีใครตาย ส่วนใหญ่จะมีแค่บาดเจ็บเท่านั้น
แต่ถ้าระดับ A บุกถึงฐานหรือทัพที่ปะทะกันอยู่ความเสียหายคือการตายจำนวนมากของคนฝ่ายตัวเอก
แม้สงครามแบบกองทัพจะตัดสินกันด้วยจำนวนก็จริง แต่มองลึก ๆ แล้วทุกอย่างนั้นตัดสินกันจากระดับ A ซะมากกว่า
ลุคเห็นตำแหน่งของหน่วยต่าง ๆ ซึ่งหน่วยที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ที่ทางออกของช่องแคบปีศาจแต่นั่นไม่จำเป็นแล้วลุคสามารถจัดการกองทัพพวกนี้ได้
ถ้าจะบอกว่าความสามารถด้านไหนของลุคแข็งแกร่งยิ่งกว่าการสู้แบบตัวต่อตัว ตอนนี้คงต้องบอกว่าการสู้แบบกองทัพ เพราะเขามีไอเทมอย่างรูปสลักไททัน
ลุคเอารูปสลักไททันออกมาเขาเสียรูปสลักไททันไปราว ๆ 5 ตัวในการอัพเกรดไอเทมบางชนิดเพื่อสู้ที่ประตูแห่งความหวัง แต่ว่าก็ยังเหลืออีก 40 ตัว
และตอนนี้ทั้ง 40 ตัวก็ยกระดับเป็นไอเทมระดับ B แล้ว
ในช่วงที่เสียเวลามากกว่าครึ่งเดือนอยู่ที่เกาะจันทร์เสี้ยวไม่ใช่เพียงแค่ทะลวงระดับหรือการหาเส้นทางมาที่แผ่นดินใหญ่เท่านั้น แต่ลุคยังได้ออกล่ามอนสเตอร์ในทะเล
มอนสเตอร์ในทะเลมีมากกว่าที่บนบกมากมายนักและส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นฝูงการหาพวกระดับ B ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากคือต้องระวังไม่ให้เกิดคลื่นโลหิต
คลื่นโลหิตคือสิ่งที่ลุคเรียกทะเลที่เต็มไปด้วยเลือดจากการล่าสังหาร เพราะยิ่งมีเลือดก็ยิ่งดึงดูดมอนสเตอร์มากเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นโลหิตเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ตอนที่ลุคพึ่งออกล่าในทะเล สุดท้ายก็เกิดการฆ่ากันของมอนสเตอร์และตัวเขา ที่ไม่มีการแบ่งฝ่ายโจมตีไม่หยุดอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน จากที่เห็นทะเลในระยะ 1,000 กิโลเมตรเปลี่ยนเป็นสีเลือดและมีซากศพมอนสเตอร์จำนวนมาก
แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ คือมันดึงดูดพวกมอนสเตอร์ระดับ A หรือสูงกว่า สูงกว่าแบบไหนลุคก็ไม่แน่ใจ แต่มันมีอยู่จริงในทะเลแห่งนั้น
คลื่นโลหิตไม่ได้เกิดจากเขาเท่านั้น แต่มันเกิดจากการต่อสู้ของมอนสเตอร์ในทะเลด้วย ดังนั้นทุกอย่างก้าวจึงต้องระวัง
แต่เขาก็รอดมาได้และฉกฉวยเอาผลประโยชน์มาได้มากมายอย่างไอเทมที่เป็นระดับ B และลุคเปลี่ยนพวกที่ไม่ได้ใช้หรือมีมากเกินไปมาอัพระดับให้กับไอเทมรูปสลักไททันของเขาจนพวกมันเป็นระดับ B
ระดับ B 40 ตัวแถมทุกตัวยังเป็นไอเทมในระดับ B เกรดสีส้ม
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเผชิญกับฐานทัพแนวหน้าก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย ต่ำกว่าระดับ B ต่อให้มากันเป็นหมื่น ๆ ก็ทำอะไรลุคไม่ได้แล้ว สิ่งที่เขาต้องระวังคือระดับ A ที่มีกันอยู่ไม่กี่คน
และนี่คืออีกเหตุผลที่ลุคต้องการให้เซล่าไปตรวจสอบตำแหน่งของระดับ A คนอื่น ๆ
รูปสลักไททันถูกใส่หินพลังงานเข้าไปจนครบทุกตัว ก่อนจะถูกเปิดใช้งานพร้อม ๆ กันก็เผยให้เห็นไททันมนุษย์ระดับ B จำนวน 40 ตัวที่สูงนับร้อยเมตร
พวกมันเคลื่อนทัพเข้าไปหากองทัพมนุษย์วานรที่พึ่งมาถึง
“นั้นมันตัวอะไรกัน”
กองทัพมนุษย์วานรที่เดินเท้าไล่ตามกองทัพอากาศของพวกตนมายังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องตกตะลึงกับภาพของไททันมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาจากหินทั้ง 40 ตนก้าวเท้าเข้ามาเหยียบย่ำพวกมัน
แม้แต่ระดับ B ของอีกฝ่ายที่พากันมา 10 คนก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่กองทัพมนุษย์มีของแบบนี้
ไททันมนุษย์แถวหน้าที่ยังเดินกันมาไม่ถึงก็ฉวยโอกาสเปิดใช้งานท่าไม้ตายยิงลำแสงใส่มนุษย์วานรระดับ B ของอีกฝั่งก่อนทันที
บึม!!! ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
มนุษย์วานรระดับ B ยังไม่ทันได้ตอบสนองพวกมันก็โดนลำแสงพลังงานเข้มข้นยิงเข้าใส่ระเบิดหายไปไม่มีเหลือ ฉากนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์วานรนับหมื่นคนที่พึ่งได้สติจากเสียงดังจากกองทัพของตัวเอง
พอหันไปมองก็พบกับหลุมขนาดใหญ่ที่กลืนกินพวกที่อยู่ทางด้านหลังไปจนหมด
“หนี”
“ถอย”
นี่คือความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของกองทัพมนุษย์วานร ก่อนจะแพร่กระจายไปยิ่งกว่าไฟลามทุ่งสุดท้ายไม่มีใครคิดจะสู้อีกต่างหันหลังวิ่งในทันที
“จัดการให้หมด”
ลุคสั่งการอย่างไร้ความปรานี แม้จะเป็นมนุษย์วานร แต่ว่าก็คนละพวกกับไอริน พวกนี้คือมนุษย์วานรจากอาณาจักรเทาเที่ย การจะดึงพวกเขามาเป็นพวกให้กับไอรินไม่ใช่เรื่องง่าย นอกซะจากทำลายอาณาจักรเทาเที่ยไม่ก็ทำให้ไอรินปกครองอาณาจักรเทาเที่ยแบบนั้นถึงจะสั่งการพวกนี้ได้อย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ลุคไม่มีเวลา เขาจึงเลือกจะจัดการทั้งหมดเปลี่ยนให้เป็นไอเทมก็พอแล้ว โดยเฉพาะระดับ B ที่พึ่งตายไปพวกนั้นมันให้ไอเทมระดับ B กับลุคโดยตรง
ลุคมองดูฉากการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว ก่อนที่พลังงานของไททันมนุษย์จะหมดลงก็ไม่มีใครเหลือรอดอีก เขาจึงเก็บทุกอย่างและหายไปจากช่องแคบปีศาจ