ตอนที่ 20 กาคาบข่าว
ณ ชั้นบนสุดของหมู่หอคอยอันยิ่งใหญ่ สัญลักษณ์ของวอร์ล็อคทั้งมวล สภาแห่งซิน
มอร์เทรียสมองลูกแก้วสีดำในมือของเขา ด้านในปรากฎภาพของหญิงชราท่าทางใจดีคนหนึ่ง
"ได้เรื่องแล้วสินะ กรีมัวร์"
มอร์เทรียสเอ่ยทักก่อน
"เส้นทางใต้ดินกำลังจะพังแล้ว ท่านควรเรียกประชุมสภาโดยเร็วที่สุด เราต้องเปลี่ยนแผน"
หญิงชราในลูกแก้วตอบกลับมา หล่อนคือท่านผู้หญิงกรีมัวร์ หนึ่งในสามสิบเก้ามุขมนตรีและโอษฐ์แห่งวอร์ล็อค
"ข้ารู้แล้ว ออร์คหนึ่งหมื่นนายที่อิกซอร์เพียงพอที่จะบุกขึ้นเหนือไปยังเกลิออนได้หรือไม่"
ประธานสภาแห่งซินหยิบเอาแผนข้างกายออกมากางเขากำลังคำนวนวิถีการเดินทัพที่ดีที่สุด
"พวกเขามีระเบียบ และแข็งแกร่ง ผู้บัญชาการคืออาร์มการ์ด ออร์คชั้นสูง สติปัญญาเขาไม่เลวเลย"
เสียงของกรีมัวร์ดังออกมาจากลูกแก้ว ณ ตอนนี้ไกลออกไปถึงภูมิภาคตะวันออก หล่อนกำลังจ้องมองลูกแก้วสีเดียวกันกับมอร์เทรียส
"หาอยากที่เจ้าจะชมใคร และเรื่องของหนอนยักษ์ล่ะ เคอราชอฟฟ์ใกล้จะแหกอกข้าอยู่แล้ว"
เมื่อพูดถึงเคอราชอฟฟ์สีหน้าของมอร์เทรียสก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที เขาเป็นมุขมนตรีที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง
"คนคนนี้ควรเป็นพ่อมดที่ร่ายคาถาธาตุแสงได้ และอยู่ในระดับกลางเป็นอย่างน้อย"
"เป็นไปไม่ได้!"
มอร์เทรียสอุทานอย่างลืมตัว พ่อมด! นั่นคือผู้สืบเชื้อสายจากข้ารับใช้แห่งทวยเทพ ทายาทของพวกเขาอ่อนแอลงทุกรุ่น ไม่มีทางเป็นพ่อมดไปได้เด็ดขาด
"นั่นเป็นข่าวที่ได้จากพวกออร์ค พ่อมดระดับกลางน่าตกใจเกินไปจริงๆนั่นหละ ฉันคิดว่าจะลงไปดูด้วยตนเองสักรอบ อย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจพวกออร์ค"
ประโยคสุดท้ายหญิงชราเบาเสียงลงกว่าปกติ
มอร์เทรียสได้แต่ยกยิ้มในใจ หึ ระดับกลางน่าตกใจรึ? อาจารย์ของเขาที่เผชิญกับพลังของพ่อมดคนนี้มาแล้วกลับบอกได้อย่างชัดเจนว่าบุคคลคนนี้คือผู้ทรงพลังระดับสูง
พ่อมดระดับสูงในมหาทวีปถ้ากรีมัวร์รู้เรื่องนี้หล่อนเองจะไม่หงายหลังไปเลยรึไง เขาไม่คิดจะบอกกรีมัวร์ในเรื่องนี้แต่เอ่ยอนุญาตนางไป
"ตกลง เจ้าไปสืบด้วยตนเองสักรอบ แต่อย่าได้ลงมือเองเป็นอันขาด หลังจากประชุมสภาแล้วข้าจะส่งเบอส์มัวส์ไปจัดการเอง"
"เบอส์มัวส์?? เจ้าคงอยากสังหารพ่อมดคนนี้ให้สิ้นซากสินะ"
หญิงชราแปลกใจนิดหน่อย เบอส์มัวส์คือวอร์ล็อคระดับสูงขั้นบนสุดเป็นขุมกำลังสำคัญของสภา เขาไม่ควรออกมานอกอาณาจักรง่ายๆ
"เป็นคำแนะนำของอาจารย์"
มอร์เทรียสไม่อยากอธิบายมากเกินไป เขาจึงต้องเอาชื่ออาจารย์มาอ้างไปก่อน แต่มันก็คือเรื่องจริงเบอส์มัวส์คือคนที่อาจารย์ของเขาแนะนำให้ไปสืบเรื่องนี้โดยตรง ไม่ใช่กรีมัวร์ หล่อนเพียงแต่อยู่ที่อาณาจักรออร์คในตอนนี้เลยต้องมาตรวจดูสถานการณ์เบื้องต้นไปก่อน
หากเบอส์มัวส์ไปถึงอิกซอร์เมื่อไหร่ หล่อนก็จะกลับไปประจำการที่อาณาจักรออร์คแดนเหนือตามเดิม
"ได้ ถ้าแน่ใจเรื่องสถานะของคนผู้นั้นเมือ่ไหร่ ข้าจะติดต่อกลับไป แต่อย่าพึ่งให้เบอส์มัวส์มาที่นี่ เขาควบคุมอยากเกินไปและเอาแต่ใจตนเอง ข้าเกรงว่าเขาจะสร้างปัญหา จนกระตุ้นความสนใจของเอลฟ์แห่งธีรันเดีย"
กรีมัวร์ให้คำแนะนำไปเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจแท้จริงแล้วหล่อนคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่ข้ออ้างของหล่อนก็ฟังขึ้น เพราะอีกฝากของป่าต้องห้ามคือหุบเขาธีรันเดีย ดินแดนในอาณัติของเอลฟ์ซึ่งมีผู้ทรงพลังระดับสูงนั่งบัญชาการอยู่ถึงสามคน
"ตามแต่เจ้า พักนี้จักรวรรดิเฮอราบอสเองก็ยั่วยุพวกเราอยู่ตลอด มีเบอส์มัวส์อยู่ที่นี่ข้าก็ยังเบาใจได้ พอแค่นี้เถอะ"
มอร์เทรียสโบกมือขวาไปเหนือหินสีดำเบาๆ ภาพของกรีมัวร์ก็ตัดไป ทุกสิ่งกลับสู่สถานะปกติอีกครั้ง
อ่าวพินกวิกเป็นอ่าวที่อยู่ใต้เทือกเขาอิกซอร์ อ่าวแห่งนี้มีผู้คนพักอยู่อย่างหนาแน่นเพราะมันเป็นอ่าวที่เชื่อมต่อดินแดนหลายส่วนเข้าด้วยกัน
ตะวันออกคือเหมืองอิกซอร์ของคนแคระ ตะวันตกคือราชอาณาจักรไฮเฟลของกษัตริย์มนุษย์ ส่วนทางเหนือก็สามารถเดินทางในเส้นทางหลักไปยังมหานครแห่งออซ เมืองเกลิออน หรือดินแดนอื่นในภาคตะวันออกได้
ท่านผู้หญิงกรีมัวร์พักอยู่ในคฤหาสน์ริมอ่าวพินกวิกแห่งนี้ หล่อนไม่มีทางนอนในถ้ำใต้เหมืองเหมือนคนแคระหรือออร์คเด็ดขาด และก็ไม่จำเป็นต้องนอนด้วย
เมื่อมอร์เทียสตัดการส่องภาพผ่านศิลาไป หญิงชราก็เก็บลูกแก้วหินสีดำลงกล่องกำมะหยี่ล้ำค่า ก่อนจะเดินออกมาริมหน้าต่างและมองไปยังท้องทะเลอันสวยงามเบื้องหน้า
เมื่อหลายสิบปีก่อน หล่อนก็เคยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ริมทะเลแบบนี้เหมือนกัน แต่อดีตก็คืออดีตไม่อาจหวนกลับมาได้อีก
"กา กา กา"
เสียงอีกาดังมาจากในทะเล มันกำลังบินมาทางหน้าต่างที่ท่านผู้หญิงกรีมัวร์ยืนอยู่ เมื่อหญิงชราสังเกตเห็นมัน หล่อนก็ยิ้มออกมา
"กลับมาแล้วหรือเมเซียส"
เมเซียสคือชื่อของอีกาที่หล่อนเลี้ยงไว้
อีกาเมเซียสบินมาเกาะที่ไหล่ของหญิงชราเบาๆ หล่อนแบมือที่มีเนื้อสดออกไปตรงหน้ามัน ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนเอามาจากไหนและเป็นเนื้อของอะไร
"เด็กดีกินเยอะๆ ข้าหวังว่าข่าวของเจ้าจะคุ้มค่ากับการเดินทางของเรา"
กรีมัวร์ลูบขนบนตัวมันเบาๆ อีกาตัวนี้มีขนที่สวยงามมากเกินกว่านกตัวใดจะมีได้ ขนของมันดำขลับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น เหมือนเป็นอัญมณีสีนิล
อีกาเมเซียสกินเนื้อในมือหญิงชราจนหมด ก่อนจะขยับหัวของมันมาใกล้หูของหล่อน
"อ้อ มีเพื่อนนกมากมายในป่าต้องห้ามเลยสินะ ข้าดีใจที่เจ้าหาเพื่อนได้ไว"
หญิงชราพูดขึ้นคนเดียวเหมือนกำลังคุยกับอีกาเมเซียส เป็นความรู้สึกคุ้นชินเช่นเดียวกับที่ออสบอร์นคุยกับพวกสัตว์ที่ปลุกสติปัญญาแล้ว หล่อนเว้นช่วงจังหวะหนึ่งและฟังเสียงร้อง กา กา กา ของมันที่ข้างหู
"อืม ดี ดี ข้าอนุญาต เจ้าต้องการอะไรไปแจกพวกเขาก็เอาไปเถอะข้าไม่หวง"
เสียงร้องของอีกาเมเซียสยังคงดังสลับกับเสียงพูดของหล่อนอยู่เป็นระยะ จนข่าวที่หล่อนต้องการมาถึง สีหน้าหล่อนก็เริ่มแตกต่างออกไป
"ใช่! น่าจะเป็นคนที่ข้าตามหา ชายแก่สวมเสื้อคลุมสีเงินสินะ เขาพาพวกเขาพาคนแคระร้อยกว่าคนหนีไปทางทิศเหนือ เมื่อไปทิศเหนือพวกเขาก็ไม่ควรเป็นคนของพวกเอลฟ์แล้วละ
แล้วไงต่อ หืม ฮ่าๆๆ ใช่ๆ ที่พักของพวกเขา กระท่อมหลังน้อยนั่น ใช้เวลาบินห้าถึงหกวัน ถ้าเป็นคนเดินก็ควรหกถึงเจ็ดวันหรือมากกว่านั้นถ้านับจากเหมืองอิกซอร์"
เพื่อนนกของเจ้านี่น่ารักที่สุด มาเถอะเมเซียสเราไม่ควรปล่อยให้พวกเขารอนาน ท่านผู้หญิงกรีมัวร์ควรไปเยี่ยมคารวะพ่อมดคนนั้นเสียหน่อย"
หญิงชราเดินออกไปทางระเบียงคฤหาสน์ที่ยืนออกไปริมหน้าผา หล่อนโบกมือไปในอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า จู่ๆรถม้าสีดำก็ปรากฎขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เหล่าอีกาดำมากมายบินออกมาจากเงาดำด้านหลังของหล่อน ก่อนจะกรูกันไปลากรถม้าที่ใหญ่กว่าพวกมันไม่รู้กี่เท่า
ท่านผู้หญิงวอร์ล็อคก้าวเดินขึ้นไปบนรถม้า สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่มิอาจปิดเอาไว้ได้
"ไปขับรถเถอะเมเซียส"
พร้อมกับที่วอร์ล็อคหญิงชราพูดจบ แสงสีดำก็กระทบกับร่างอีกาดำเมเซียส แสงสีดำห่อหุ้มร่างของมันเอาไว้ ยิ่งนานก็ยิ่งขยายใหญ่ จนหลายอึดใจมันก็กลายเป็นคน
อีกาดำแปลงขึ้นไปนั่งบนที่นั่งของสารถี มันกระตุกสายบังเหียนที่ล่ามเอาอีกาขนาดใหญ่เอาไว้หลายสิบตัว บังคับเอารถม้าคันนี้ทะยานขึ้นไปบนอากาศ
รถม้าวิเศษลอยละเลียดผิวน้ำทะเลจนเป็นฟอง ก่อนจะโผขึ้นไปหลายสิบเมตรทะลุหมู่ก้อนเมฆมหึมาและลับหายไปในที่สุด
เมื่อออกมาพ้นป่าต้องห้ามเหนือบริเวณป้อมร้างทางทิศตะวันตก คือทุ่งกว้างขนาดหลายตารางกิโลเมตรและทะเลสาบสีฟ้าที่กว้างใหญ่ไม่แพ้กัน
กองคารวานคนแคระมาถึงที่นี่แล้ว แต่พวกเขามีผู้เดินทางเพิ่มมาอีกสองคนคือ ออสบอร์นและโรอา
เด็กชายยังคงโกรธพ่อมดเฒ่าอยู่ เพราะเขาแอบออกไปโดยทิ้งเด็กชายไว้ โรอาอ้างว่าเขาอยากต่อสู้เพื่อพวกคนแคระเช่นกัน แต่ออสบอร์นคิดว่านอกจากเหตุผลนี้แล้วเด็กชายน่าจะกลัวการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวด้วย
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเด็กชายมีความกลัวเช่นนี้หรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงทำให้เด็กชายเกิดปมปัญหาในใจขึ้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ออสบอร์นก็คิดในใจว่าจะไม่ทิ้งเด็กคนนี้อีกในอนาคต
พ่อมดเฒ่าเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาเป็นระยะนี่เป็นครั้งแรกที่ระบบมอบภารกิจซ้อนกัน ตอนแรกเขาเข้าใจว่าตราบใดที่ยังทำภารกิจที่ค้างอยู่ไม่สำเร็จ ภารกิจอื่นๆอาจไม่ปรากฎขึ้น
แต่เขาคิดผิด เช่นนี้หมายความว่าเขาอาจเลือกทำภารกิจที่อยากทำหรือสามารถทำได้ทันทีก่อนก็ได้ และค่อยทำภารกิจอื่นทีหลัง
พ่อมดเลยเลือกทำภารกิจส่งกองคาราวานของพวกคนแคระก่อน บางทีรางวัลจากภารกิจนี้อาจช่วยให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการบุกป้อมปราการร้างของเงาดำปริศนา
นั่นเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก
"ท่านพ่อมดเรามาถึงแล้ว"
กอแท็บชี้ให้ออสบอร์นดูเมืองขนาดใหญ่ที่เจาะทะลุเข้าไปในเทือกเขาตรงหน้า จากตรงนี้ถึงเมืองนั้นมีระยะทางห่างกันเกือบห้ากิโลเมตร แต่เขาก็ยังสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของมันได้
และจากที่เขารู้มานี่เป็นเพียงเมืองภายนอกเท่านั้น ยังมีเมืองที่สร้างลึกเข้าไปในภูเขาเจาะทะลุทะลวงจนกลายเป็นเมืองขนาดย่อมอีกเมืองหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ออสบอร์นเห็นมัน "อารามอส"