MDB ตอนที่ 369 คุณหนูนิทรา
ตู้เหลียนเหิงอาจเป็นชายผู้ที่ร่ำรวย แต่ผู้ประเมินนั้นเป็นอาชีพที่น่านับหน้าถือตาในสังคม ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงความสุภาพ
ขณะที่หลินจินและโอหยางถงได้รับเชิญเข้าไปข้างใน หลินจินลอบถามโอหยางถงว่า ก่อนหน้านี้ผู้ประเมินหยางที่ตู้เหลียนเหิงกล่าวก่อนหน้านี้ คือผู้ประเมินหยางฉิงซื่อซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประเมินระดับสามที่สำนักงานใหญ่หรือไม่?
โอวหยางตงพยักหน้า
พอได้คำตอบหลินจินเข้าใจ ตามที่โอหยางกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ผู้ประเมินสองคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้คือตันซุนกับหยางฉิงซื่อ
ลานกว้างภายในคฤหาสน์ตระกูลตู้ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหรา และห้องโถงต้อนรับแขกก็กว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนั้นยังเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนที่คัดสรรมาอย่างมีรสนิยม ชาที่พวกเขาเสิร์ฟก็มีคุณภาพระดับพรีเมียมเช่นกัน ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าตระกูลตู้เป็นร่ำรวยเพียงใด
สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นลักษณะของพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จซึ่งชอบผูกมิตรมากกว่าสร้างศัตรู
โดยเฉพาะกับผู้ประเมิน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกับการมาเยี่ยมของหลินจินกับโอหยางถง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงมันบนใบหน้าของพวกเขาได้
นี่เป็นตัวอย่างของจิ้งจอกเฒ่าแสนฉลาด
เมื่อรู้ว่าหลินจินมาที่นี่เพื่อพบลูกสาวของเขา ตู้เหลียนเหิงจึงกล่าวว่า
“ผู้ประเมินหลิน ผู้ประเมินโอหยาง พวกท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่น่าสงสารของข้าได้ นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เธอก็ไม่ลืมตาขึ้นมาเลย เฮ้อ! เธอต้องทนทุกข์ทรมานอีกนานเท่าไรกัน?”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของเขา ตู้เหลียนเหิงก็ได้แต่ถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่สามารถทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ตู้เหลียนเหิงพาพวกเขาไปหาเธอเป็นการส่วนตัว ห้องของลูกสาวของเขาตั้งอยู่ภายในบริเวณที่เงียบสงบของคฤหาสน์ สาวใช้คนหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้น เธอจึงโค้งคำนับเมื่อเห็นตู้เหลียนเหิง
“นับตั้งแต่เหลียนซื่อไม่ได้สติ เธอต้องพึ่งพาสาวใช้มาทำความสะอาดร่างกายเธอทุกวัน ข้าได้แต่สวดภาวนาทุกวันขอให้ถึงวันที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมามาถึง...” ตู้เหลียนเหิงกล่าว พร้อมกับโบกสั่งให้สาวใช้เปิดประตูก่อนเข้าไป
หลินจินเดินตามเขาไป
ทันทีที่เขาก้าวผ่านธรณีประตู หลินจินได้กลิ่นอายอ่อน ๆ มันเป็นของสัตว์ร้าย แต่มันจางเกินกว่าที่คนทั่วไปจะตรวจพบได้ ดังนั้น โอหยางถงจึงไม่รู้สึกอะไรเลย
หลินจินได้กลิ่นมันเพียงเพราะการบ่มเพาะของเขาดีกว่า เมื่อรวมเข้ากับกายาแห่งธรรมของเสี่ยวฮั่ว มันทำให้ประสาทสัมผัสของเขาคมขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่คนอื่นไม่รู้สึก
เนื่องจากกลิ่นนี้ไม่รุนแรง หลินจินจึงไม่แสดงอาการกระโตกกระตาก
จากนั้นก็เดินต่อเข้ามาในส่วนของห้องนอน ภายในห้องของหญิงสาวดูสะอาดและเป็นระเบียบอยู่เสมอ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยโชยออกมา แต่ถึงกระนั้น ใบหน้าของหลินจินก็ขมวดคิ้วทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนอน เขาถึงกับหยุดเดินกลางทางด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากเกินไป เนื่องจากเขาได้กลิ่นเหม็นลอยโชยมาหาเขาอย่างกะทันหัน เขาเผลอสูดเข้าจมูกเต็ม ๆ ทำให้เขาเผลอแสดงสีหน้าออกมาโดยไม่ทันระวัง
สิ่งที่แปลกที่สุดคือการที่ตู้เหลียนเหิง, โอหยางตง หรือแม้แต่สาวใช้ พวกเขากลับไม่รู้สึกถึงกลิ่นอะไรเลย มีแค่เขาคนเดียวที่ได้กลิ่น
แม้จะมันจะแปลกประหลาด แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น หลินจินจึงเลือกปิดปากเงียบ และคลี่คลายข้อสงสัยในภายหลัง
บนเตียงในห้องนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีอายุวัยยี่สิบปลาย ๆ เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มผ้าไหม โดยแทบไม่ขยับกล้ามเนื้อแม้แต่มัดเดียว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะต้องเป็นลูกสาวของตู้เหลียนเหิง
หลินจินเข้าใจว่าหญิงสาวอยู่ในอาการโคม่ามาหนึ่งปี เขาคาดว่าเธอจะต้องผ่ายผอมและทรุดโทรม แต่หญิงสาวบนเตียงกลับดูราวกับว่าเธอกำลังหลับลึก นอกจากใบหน้าดูซีดเพียงเล็กน้อยแล้ว ไม่มีอะไรผิดแปลกเกี่ยวกับเธอเลย
‘แปลกมาก’
หลินจินยืนยันได้ว่าแหล่งที่มาของกลิ่นเหม็นก็คือลูกสาวของตู้เหลียนเหิง
หลินจินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงกระซิบกับโอวหยางตงว่า
“ผู้ประเมินโอหยาง เจ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่?”
ด้วยเหตุนี้ โอหยางถงจึงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะส่งยิ้มอย่างจริงใจให้เขา และกระซิบตอบว่า
“ผู้ประเมินหลิน มันเป็นเรื่องปกติที่ห้องของหญิงสาวจะมีกลิ่นหอมขอรับ”
'กลิ่นนี้มันหอมนักหรือไง?'
หลินจินเลิกคิ้ว ดูเหมือนว่าโอหยางถงไม่ได้โกหก ดังนั้นนั่นคงหมายความว่าเขาไม่มีกลิ่นอะไรเลย ไม่สิ โอหยางถงสัมผัสได้เพียงกลิ่นหอมที่ทางตระกูลตู้ใช้เท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของตู้เหลียนเหิงและสาวใช้ พวกเขาคงไม่ต่างจากโอหยางถง แล้วเหตุใด หลินจินจึงเป็นคนเดียวที่รับรู้ถึงกลิ่นเหม็น?
หลินจินรู้ดีว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการสอบสวน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังต้องทำอย่างรอบคอบ แม้เขาจะเหม็นจนอยากจะบีบจมูกก็ตาม แต่เขาก็ไม่ทำ เขาต้องการรักษาหน้าของอีกฝ่าย และไม่ทำให้บรรยากาศอึดอัดมากไปกว่านี้
ตามการแนะนำสั้น ๆ ของตู้เหลียนเหิง ลูกสาวของเขาชื่อตู้เหลียนซื่อ เธอเป็นหญิงสาวฉลาด และสัตว์เลี้ยงของเธอก็คือ นกจาบเหล็กกล้า
หลินจินพยักหน้า เขาสังเกตเห็นกรงนกขนาดใหญ่อยู่ในห้องแต่กลับว่างเปล่า มันคงถูกใช้เป็นที่อยู่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงของตู้เหลียนซื่อ
“นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น สัตว์เลี้ยงของลูกสาวของข้าก็หายตัวไป มันคงจะตายด้วยน้ำมือของคนร้ายพวกนั้น ข้าไม่เคยทำอะไรเลวร้ายเลย ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้นกับข้าและลูกสาวของข้าด้วย...”
ตู้เหลียนเหิงจ้องมองไปที่ลูกสาวของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความกังวล
การติดอยู่ในอาการโคม่านานนับปีน่าจะเป็นข้อบ่งชี้ว่าลูกสาวของเขาอยู่นอกเหนือการช่วยเหลือแล้ว
“บอกตามตรง ข้าได้เตรียมงานศพของลูกสาวไว้แล้ว แต่ข้าก็ยังหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ สักวันหนึ่งเธอจะลืมตาและเรียกฉันว่า ‘พ่อ’ อีกครั้ง”
ด้วยอารมณ์เศร้า ตู้เหลียนเหิงเช็ดน้ำตาที่หลงไหลออกจากหางตาของเขา
หลินจินปลอบใจเขาชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาสนใจตู้เหลียนซื่อ
สีหน้าของเธอไม่สามารถบอกเขาได้มากนัก ดังนั้นเมื่อไม่มีใครมองอยู่ หลินจินก็สะบัดเข็มไปใต้ผ้าห่มของตู้เหลียนซื่อเพื่อเจาะผิวหนังของเธอผ่านเสื้อผ้า ทันทีที่เข็มของเขาเจาะจุดฝังเข็มของเธอ รูม่านตาของหลินจินก็ขยายออก
โอหยางถงเฝ้าดูหลินจินมาโดยตลอด เมื่อเห็นสีหน้าของหลินจินเปลี่ยนไป เขาก็ตกใจเช่นกัน
จากนั้น เขาเห็นหลินจินจ้องมองตู้เหลียนซื่อ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าหลินจินต้องค้นพบอะไรบางอย่าง
หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว โอหยางถงก็พูดกับสาวใช้ว่า
“ข้ารู้สึกกระหายน้ำ เจ้าช่วยรินน้ำให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
สาวใช้ตกตะลึงกับคำสั่งสอนซึ่งจู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นมา แน่นอนว่า ตู้เหลียนเหิงส่งเธอออกไปทันทีเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของแขก จากนั้น โอหยางถงจงใจดึงตู้เหลียนเหิงออกไปเพื่อพูดคุยโดยหันหลังให้หลินจิน
การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้หลินจินเห็นว่าสัญชาตญาณของโอหยางถงนั้นเฉียบคมเพียงใด แม้เขาจะไม่รู้ว่าหลินจินกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีก แค่ใช้เข็มเล่มเดียวก็พอแล้ว
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมตู้เหลียนซื่อถึงตื่นไม่ได้ และทำไมถึงได้กลิ่นเน่าเหม็นมาจากเธอ คำถามที่ทำให้เขาหนักใจก็ได้รับคำตอบเช่นกัน
หลินจินกล่าวขอบคุณตู้เหลียนเหิงโดยไม่ได้นำเข็มกลับไป และแจ้งว่าจะขอตัวกลับ
บางทีความคาดหวังอาจถูกสร้างขึ้นในใจตู้เหลียนเหิง เขาคิดว่าผู้ประเมินระดับสามคนนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาของเขาได้ แต่หลังจากที่รู้ว่าหลินจินกำลังจะจากไปเร็ว ๆ นี้ เขาก็ดูค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของเขาในฐานะพ่อค้าทำให้เขาไม่เปิดเผยสิ่งที่คิดผ่านใบหน้ามากจนเกินไป
หลินจินสามารถบอกได้ว่าตู้เหลียนเหิงรักและเป็นห่วงลูกสาวของเขามากแค่ไหน หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พูดว่า
"ท่านตู้ ท่านอยู่เคียงข้างลูกสาวของคุณให้มากกว่านี้ในอีกสองวันข้างหน้า อาการของเธอดูเหมือนจะดีขึ้น ดังนั้นเธอควรจะตื่นในไม่ช้า”
เมื่อกล่าวจบ หลินจินก็บอกลาเขา
ตู้เหลียนเหิงถูกทิ้งให้ตกตะลึง ณ จุดที่เขายืนอยู่
หลินจินจากไปอย่างรวดเร็วโดยมีโอหยางถงตามมาติด ๆ ข้างหลังเขา ฝ่ายหลังรู้สึกสับสนอย่างเห็นได้ชัดกับคำพูดของเขาเช่นกัน
“ผู้ประเมินโอหยาง ข้าอยากพบกับผู้ประเมินมารคนนั้นในกรงมืด เจ้าพอจะรู้ไหมว่าเราจะติดต่อเขาได้อย่างไร”
จู่ ๆ หลินจินก็ถามขึ้น
บางทีเขาอาจสังเกตเห็นสีหน้าที่จริงจังของหลินจิน โอหยางถงจึงยืดตัวขึ้นและกล่าวว่า
"ข้าจัดการให้ท่านเองขอรับ"
โอหยางถงก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว
“ช่วยเตรียมการที่จำเป็นเพื่อพบเขาคืนนี้”
โอหยางถงสับสนเล็กน้อยกับคำขอของหลินจิน
“ข้าคิดว่าท่านอยากจะไปพบเขาตอนนี้ ถ้าเป็นเวลากลางคืนก็จะยิ่งดีมาก ข้าพอจะคุ้นเคยกับยามบางคนในกรงมืด เขาน่าจะพอยอมรับคำขอจากข้า
เนื่องจากกรงมืดเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยลางร้าย เป็นเพราะมีนักโทษประหารในนั้น ผู้คนจึงไม่ค่อยไปที่นั่นแม้แต่ในตอนกลางวัน ดังนั้นเวลากลางคืนจะยิ่งน้อยมากขอรับ”
“เจ้าแค่เตรียมการที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“ขอรับ ข้าจะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้เลย”