Chapter 26: สอนบทเรียน
วัลได้มุ่งหน้าไปยังระเบียงแห่งความเสื่อมทราม
มันตั้งอยู่หลังคฤหาสน์ห่างออกไปหลายไมล์และถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงหินออบซิเดียน ห่างไกลจากความอึกทึกวุ่นวายของชีวิตประจำวัน
มันคือสถานที่ที่โหดร้ายตามชื่อของมัน
ทางเข้าระเบียงนั้นถูกปกป้องด้วยผู้คุ้มกันที่มีสีหน้าเคร่งขรึมคอยยืนสอดส่องอยู่
ในตอนที่วัลเดินเข้าไป ผู้คุ้มกันคนหนึ่งได้ก้าวออกมาข้างหน้า สายตาของเขากำลังพิจารณาวัลด้วยท่าทีแบ่งแยก “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพวกปกติ” ผู้คุ้มกันเย้ยหยันโดยไม่รู้เลยว่าวัลไม่ใช่คนไร้พลังอีกต่อไปแล้วแต่เป็นผู้ใช้สายเลือด
ภายในใจนั้น วัลรู้สึกพึงพอใจ ดูเหมือนโจชัวจะรักษาคำพูดและเก็บความลับของเขาเอาไว้อย่างดี จากนั้นเขาก็ทำการตบหน้าผู้คุ้มกันที่กล้ามาขวางทางเขา
จากนั้นวัลก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขาแล้วเอาตราสัญลักษณ์หนึ่งออกมา—มันคือตราเงินประจำตระกูลไวท์มอร์ ตราประจำตระกูลนี้คือสัญลักษณ์แห่งอำนาจในฐานที่มั่นไอรอนสไปร์ ที่อนุญาตให้ผู้ถือครองสามารถผ่านเข้าที่ไหนก็ได้
“ถ้าเจ้ากล้ามาขวางทางข้าอีก จะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ทรยศ” วัลเตือน น้ำเสียงของเขาเย็นดุจน้ำแข็ง “และเจ้าก็จะถูกลงโทษตามกฎของตระกูล”
ในตระกูลไวท์มอร์ บทลงโทษสำหรับการทรยศนั้นมีตั้งแต่เล็กน้อยอย่างการโดนเฆี่ยนตีจนพิการไปจนถึงอย่างเลวร้ายที่สุดคือถูกประหาร ณ ตรงนั้นเลย ซึ่งมันขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความผิดที่ได้กระทำไป!
การข่มขู่นี่ทำให้บรรยากาศหนักหน่วง
ผู้คุ้มกันที่มีอายุมากกว่า ชายที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยสามสิบปีมีสีหน้าซีดเผือดกับเรื่องนี้ และขยับออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้คุ้มกันที่หนุ่มกว่าที่มีอายุในช่วงวัยยี่สิบปีพุ่งเข้ามาคว้าตราประจำตระกูลในมือของวัล
“เจ้าเด็กหัวขโมย!” เขากล่าวหา “เจ้าต้องขโมยมันมาแน่ๆ!”
วัลเขม่นตาด้วยความดูถูก มีประกายสว่างวาบในดวงตาสีน้ำหมึกของเขา
พวกปกติจะขโมยของจากผู้ปกครองฐานที่มั่นไอรอนสไปร์ได้ยังไงกัน?
แม้แต่ผู้ใช้สายเลือดเลเวล 3 ก็ยังทำไม่ได้เลย
ถึงยังไงความแข็งแกร่งของโจชัวก็ไม่ใช่เล่นๆ เขาสามารถจัดการผู้ใช้สายเลือดเลเวล 3 ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าเขาจะเป็นคนของเขตชั้นนอก แต่ฝีมือของเขาก็เทียบได้กับผู้ใช้สายเลือดที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีของเขตชั้นใน!
แต่ผู้คุ้มกันคนนี้กำลังกล่าวหาวัลว่าขโมยของมาจากคนอย่างโจชัว
มันช่างเป็นคำกล่าวหาที่น่าขันเสียจริง!
เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าผู้คุ้มกันบ้าคนนี้จงใจหาเรื่องเขา
เขาต้องคิดว่าเขาสามารถรังแกวัลได้เพราะเห็นเป็นแค่พวกปกติ
เห้อ เขาทำพลาดเข้าซะแล้ว!
“เจ้าตัดสินผิดนะ” วัลพูด และขัดขวางมือของผู้คุ้มกันหนุ่มที่ยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว “และการตัดสินที่ตื้นเขินของคนโง่ก็จะต้องถูกคิดบัญชี”
โดยไร้ซึ่งความลังเล วัลได้บิดข้อมือของผู้คุ้มกันคนนั้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
แกร๊ก~
เสียงบิดที่น่าสยดสยองดังก้องไปทั่วกำแพงในขณะที่ข้อมือของผู้คุ้มกันหักเหมือนกับกิ่งไม้ที่เปราะบาง กระดูกแตกจนทะลุออกมาจากเนื้อของเขา เกิดเป็นภาพที่ชวนให้ผู้ที่ได้เห็นรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
อ๊ากกกกก!
ผู้คุ้มกันครวญครางเหมือนกับหมูถูกเชือด เสียงของเขาสะท้อนอยู่รอบพื้นที่สันโดษนี้ เข่าของเขาทรุดลง มือของเขาหักลงมาจากแขนของเขาเหมือนกับดอกไม้ที่ร่วงโรย
บรรยากาศหนักอึ้งพร้อมกับกลิ่นแห่งความกลัวที่ชัดเจน ว่าแต่....มันคือกลิ่นอะไรกัน? ใช่แล้ว มันคือกลิ่นของฉี่ยังไงล่ะ
ดูเหมือนว่าเพื่อนผู้น่าสงสารคนนี้จะค่อนข้างกลัวไม่ใช่น้อย เพราะมีแอ่งน้ำสีเข้มเริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแถวเข่าที่สั่นไหวของเขา!
แต้มความบ้าคลั่ง +20!
ผู้คุ้มกันอายุมาก ที่วัลรู้จักในชื่อผู้คุ้มกันริชาร์ด กลืนน้ำลายจนได้ยินเสียงด้วยความกลัวตายในตอนที่เขาเห็นวิธีที่วัลใช้ป้องกันตัวเองอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความกลัวและความตกใจจนขนาดแทบจะเท่ากับจานรอง
แต้มความบ้าคลั่ง +10!
ริชาร์ดพูดเสียงสั่น “นายท่านวัล พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวไม่เคารพท่านนะครับ พวกเราก็แค่...ทำตามหน้าที่ของพวกเรา ข้าหวังว่าท่านจะยอมยกโทษให้”
สายตาของริชาร์ดสั่นไหวด้วยความกังวลระหว่างหน้าตาที่บิดเบี้ยวของเพื่อนร่วมงานที่ล้มลงไปและสีหน้าที่เย็นชาของวัล ชายหนุ่มที่ทรุดลงไปกับพื้นนั้นเป็นทาสที่พึ่งจะถูกตระกูลไวท์มอร์ซื้อมา เขาเป็นทหารเกณฑ์หน้าใหม่ที่มีชื่อว่าเทอร์รี่ เขาถูกมอบหมายงานที่ไม่มีใครอยากทำในการคุ้มกันระเบียงแห่งความเสื่อมทรามที่เต็มไปด้วยลางร้ายในทันทีที่เขาได้รับการสั่งสอนมารยาทเบื้องต้นเพียงเล็กน้อย
ระเบียงแห่งนี้มีผลกระทบที่จะกัดกร่อนจิตใจของเหล่าผู้คุ้มกันที่มายืนเฝ้า มีหลายคดีที่ผู้คุ้มกันเกิดเป็นบ้าขึ้นมาด้วยพลังเสื่อมทรามที่แผ่ออกมาจากระเบียง จิตใจของพวกเขานั้นแตกสลายด้วยพลังอันชั่วร้าย
เพื่อรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้คุ้มกันที่จะมายืนประจำการที่นี่จึงถูกผลัดเปลี่ยนกันทุกเดือน และจะมีแค่พวกผู้คุ้มกันหน้าใหม่หรือผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 เท่านั้นที่จะถูกมอบหมายมาที่นี่ ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าถ้าเกิดพวกเขาตกอยู่ในความเสื่อมหรือเป็นบ้าขึ้นมา ความสูญเสียของตระกูลก็จะอยู่ในระดับที่รับได้
ความเงียบที่อึมครึมเกิดขึ้นตามมาหลังจากคำวิงวอนของผู้คุ้มกัน
สายตาที่เย็นยะเยือกของวัลจับจ้องไปยังริชาร์ดที่มักจะทำสีหน้าเคร่งขรึมแต่ตอนนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยความกลัวแล้ว
“เจ้าบอกทำตามหน้าที่หรอ?” วัลพูดหลังจากผ่านไปสักพัก คำพูดของเขาคมกริบเหมือนใบมีด “งั้นบอกมาสิ หน้าที่ของเจ้ามันเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาคนอื่นอย่างไม่มีมูลและทำการโจมตีใส่โดยไม่มีหลักฐานรึเปล่า?”
คิ้วของวัลเลิกขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ไม่พอใจ
ริชาร์ดตอบกลับ “ข้ายอมรับว่าการกระทำของเทอร์รี่นั้นเป็นสิ่งที่...ยอมรับไม่ได้ แต่ว่าท่านได้สอนบทเรียนที่เขาจะไม่มีวันลืมไปแล้ว เพราะฉะนั้นข้าหวังว่าท่านจะยอมมองข้ามเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปสักครั้ง มันคงจะถือเป็นการแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านครับ” เขาหยุดพูดไปกลางคัน จากนั้นด้วยการโน้มตัวลงเล็กน้อย เขาก็พูดเสริม “แน่นอนว่า การตัดสินใจสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับท่าน บัญชาของท่านคือกฎของเราครับ นายท่านวัล ถ้าท่านมองว่ายังจำเป็นต้องมีการทำโทษเพิ่มเติม พวกเราก็จะดำเนินการโดยทันที”
ในขณะที่เขาพูด สายตาของริชาร์ดก็จับจ้องไปที่วัล การอ้อนวอนอย่างเงียบๆ สะท้อนอยู่ในสายตาของเขา มันเป็นคำขออย่างเงียบๆ เพื่อผ่อนผันสถานการณ์ที่บานปลายจนเกินจะควบคุมของพวกเขา
“ข้าไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมาจบชีวิตคนๆ หนึ่งด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ทำให้เขาพิการก็น่าจะเป็นบทลงโทษที่เพียงพอแล้ว ถือซะว่าเจ้าโชคดีก็แล้วกัน เรื่องในครั้งนี้จะจบลงที่นี่ แต่ว่าเจ้าไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปบอกกับคนอื่นจะดีที่สุดนะ”
สายตาของเขาจ้องริชาร์ดเขม็งในตอนที่เขายื่นเงื่อนไข มันคือคำเตือนอย่างเงียบๆ ที่สะท้อนอยู่ในท่าทีที่เคร่งขรึมของเขา ผู้คุ้มกันแก่ทำได้แค่พยักหน้ายอมรับ และความโล่งอกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
จากนั้นวัลก็ย้ายความสนใจไปหาเทอร์รี่ สายตาเย็นยะเยือกของเขาได้พบกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ
“จดจำเรื่องในวันนี้ให้ดีล่ะ เทอร์รี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยิ่งกว่าลมที่พัดอยู่ด้านนอก มันคือเดือนพฤษภาคมแล้ว แต่ในพื้นที่ฐานที่มั่นของเขตชั้นนอกก็ยังเย็นอยู่พร้อมกับมีฝนตกในบางครั้งแถมยังมีหิมะตกลงมาด้วยซ้ำ “เจ้าก็เป็นแค่ทาสคนหนึ่งสำหรับตระกูลของข้า และข้าก็เป็นเจ้านายของเจ้า การแสดงความเคารพในตอนที่เจอข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตที่ดี ถ้าเจ้าไม่ได้พยายามจะดูถูกข้า เจ้าก็คงจะไม่ต้องมาจบในสภาพนี้ จงจำเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ในใจถือซะว่าเป็นบทเรียนชีวิตล่ะ”
“ขะ—ข้าเข้าใจแล้วครับ นายท่านวัล” เทอร์รี่กัดฟันพูด และฉี่ของเขาก็ไหลลงมากองข้างใต้เขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ วัลก็พูดออกมาได้แค่อย่างเดียว
ไอ้ตัวโสโครกนี่!