บทที่ 65 : ผู้กล้าก็ต้องออกมาเป็นคนสุดท้าย
บทที่ 65 : ผู้กล้าก็ต้องออกมาเป็นคนสุดท้าย
ซากุระอดทนกับความเจ็บปวดในท้อง กอดขาคิซาเมะไว้แน่นหลับตาแล้วตะโกนเสียงดัง “นารูโตะ ซาสึเกะคุง วิ่ง!”
"ไปให้พ้นนะ ยัยเด็กเหลือขอ" คิซาเมะทุบซากุระอย่างแรงด้วยซาเมะฮาดะ
ด้วยการฟาดอย่างรุนแรง รอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนพื้นและซากุระก็กระอักเลือดออกมาจากปาก แต่เธอยังคงกอดขาของคิซาเมะไว้แน่น
“ซากุระจัง!” นารูโตะเบิกตากว้าง จิตสังหารอันมหาศาลพุ่งเข้ามาในใจ ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงเข้ม และจักระสีแดงก็โผล่ออกมาจากร่างกายของเขา
“ไอ้สารเลว กล้าดียังไงมาทำร้ายซากุระจัง!!” นารูโตะยืนขึ้นและมีหางจักระสีแดงสองหางปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
“เด็กคนนี้สามารถใช้จักระของเก้าหางได้จริงๆ สินะ” คิซาเมะเหวี่ยงดาบซาเมฮาดะเขาไปที่หน้านารูโตะ
จักระสีแดงจากผิวของนารูโตะถูกซาเมฮาดะกลืนกินไปจนหมด
*ชุ้บ*
ซาเมฮาดะตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น มันพอใจกับจักระของเก้าหางมาก
"อา?" นารูโตะตัวแข็งทื่อ
ทันทีที่เขาเรียกจักระของเก้าหางออกมา ก็ถูกศัตรูดูดซับไปหมดแล้ว
“วิ่งนารูโตะ วิ่งไปหาอาจารย์ซาโตรุ!” ซากุระมีเลือดออกทั่วร่างกาย เธอดูอ่อนแรงมาก แต่เธอยังคงกอดขาของคิซาเมะไว้
'นายเคยปกป้องฉันมาก่อน'
'ครั้งนี้ฉันจะปกป้องนายด้วย!'
“เธออยากตายเพื่อช่วยเพื่อนของเธอมากเลยเหรอ? ถ้างั้นเราก็มาเริ่มกันเลย” คิซาเมะจับซาเมฮาดะแล้วเหวี่ยงมันลงไปที่หัวของซากุระอย่างแรง
“ซากุระจัง ซาสึเกะ” นารูโตะมองไปที่ซาสึเกะที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว จากนั้นมองไปที่ซากุระที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
'จะทำยังไงดี?'
'ตอนนี้ฉันจะทำยังไงดี?'
'อา...อาจารย์ซาโตรุ'
เมื่อนารูโตะรู้สึกสับสน ประโยคที่ซาโตรุพูดไว้ก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นในใจของเขา
“ถ้ากลัวก็หลับตาแล้วร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงที่ดังที่สุด”
“ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร ยังไงฉันก็ไร้เทียมทานอยู่ดี”
นารูโตะหลับตาลงแล้วตะโกนด้วยเสียงที่ดังที่สุด “อาจารย์ซาโตรุ!”
จู่ๆ ซาโตรุก็โผล่ออกมาและเตะเข้าไปหน้าท้องของคิซาเมะพร้อมเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อ
คิซาเมะใช้ซาเมะฮาดะเป็นเกราะคุ้มกัน
*ปัง*
คิซาเมะถูกแรงเตะดันให้ไปข้างหลังกลับและเท้าของรอยไถลอยู่บนพื้น
“พลังหนักหน่วงอะไรเช่นนี้” แขนของคิซาเมะชาหนึบ ทีแรกเขาค่อนข้างจะตกใจ แต่แล้วและเขาก็ยิ้มออกมา
“อาจารย์ซาโตรุ!”
ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างพากันดีใจ ความกลัวได้หายไปเพราะการปรากฏตัวออกมาของซาโตรุ
เมื่ออิทาจิเห็นซาโตรุปรากฏตัว เขาก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ระหว่างสองนิ้วของซาโตรุ มันปรากฏจักระสีฟ้าอ่อน เขาสัมผัสไปที่คอของคุเรไนเบาๆ
คุเรไนได้ฟื้นขึ้นมาทันที
ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมาพร้อมกับแกะมันออก แล้วโยนมันเข้าไปในปากของเขาและพูดออกมา “เราอุตส่าห์ตกลงที่จะดูการแสดงนี้ด้วยกัน แต่เธอดันถูกศัตรูส่งให้ไปตายเสียอย่างนั้น”
แท้จริงแล้วทั้งสองกำลังแอบดูอยู่อย่างเงียบๆ
เขาต้องการใช้ประโยชน์จากอิทาจิกับคิซาเมะ เพื่อให้เจ้าเด็กเหล่านี้รู้ว่าพวกเขายังอ่อนแอเกินไป
เธอได้ตกลงอย่างชัดเจนว่าจะไปแอบดูการต่อสู้นี้ด้วยกัน แต่เมื่อคุเรไนเห็นว่าเด็กๆ ในทีมที่เจ็ดถูกทุบตีอย่างรุนแรง เธอจึงพุ่งออกไปช่วย
จากนั้นมันก็จบลงภายในไม่กี่วินาที
“ขอโทษด้วยนะซาโตรุ” คุเรไนกัดริมฝีปากและก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับเด็กที่ทำอะไรผิดไป
เธอคิดว่าเธอสามารถหยุดอิทาจิได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าช่องว่างของความแข็งแกร่งจะมากเกินไปขนาดนี้
“เธอนี้มันอ่อนแอจริงๆ ก่อนที่จะช่วยชีวิตคนอื่น ต้องดูช่องว่างระหว่างเธอกับศัตรูก่อนสิ” ซาโตรุกล่าว
"ถูกของนาย" คุเรไนตอบด้วยเสียงแผ่วเบา มือของเธอค่อยๆ กำหมัดแน่น เธอต้องการพิสูจน์ให้ซาโตรุเห็นว่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าซึนาเดะเลย
แต่ถึงแม้ความตั้งใจจะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็ยังน้อยเกินไป
“อย่าร้องไห้สิ กินอมยิ้มของฉันซะ” ซาโตรุยัดอมยิ้มเข้าไปในปากของคุเรไน
"อื้อ" ก่อนที่คุเรไนจะทันได้ตอบ ก็มีอมยิ้มก็ยัดเข้ามาในปากของเธอ
'กินอมยิ้มของฉันเหรอ?'
'คำพูดแบบนี้มันอะไรกัน!'
'แล้วไหนจะน้ำเสียงอ่อนโยนใจของซาโตรุอีกล่ะ'
“ใครจะอยากกินของนายล่ะ…” คำพูดของคุเรไนเงียบลงไป หลังจากดูดอมยิ้มแล้ว ใบหน้าของเธอหน้าแดงขึ้นราวกับว่ามีไอน้ำลอยขึ้นมาจากด้านบนศีรษะของเธอ ทันใดนั้นเธอก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์
เธอสับสนจริงๆ
เพราะอมยิ้มในปากของเธอคืออมยิ้มที่ซาโตรุเพิ่งกินเข้าไป
'พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า!'
'จูบทางอ้อม!'
'ซาโตรุให้โอกาสฉันเหรอ?'
'นั่นหมายความว่าฉันยังมีหวังสินะ!'
นารูโตะชี้ไปที่ซาโตรุด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและตะโกนว่า “เฮ้ อาจารย์ซาโตรุ อาจารย์มั่วทำอะไรอยู่กัน เราเกือบถูกศัตรูฆ่าตายแล้วนะ!”
“อาจารย์ซาโตรุ คุณเฝ้าดูพวกเราตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เลยเหรอ?” ซาสึเกะจับแขนที่ปวดร้าวแล้วมองซาโตรุอย่างเย็นชา
เขาอยู่กับซาโตรุมาเป็นเวลานาน เขาเริ่มพอจะเข้าใจท่าทีและนิสัยของซาโตรุแล้ว
เมื่อครู่นี้ ซาโตรุก็คงแอบดูทีมที่เจ็ดกำลังถูกทำร้ายใช่ไหม?
“ใช่แล้ว เพราะว่าผู้กล้าน่ะมักจะมาทีหลังเสมอ” ซาโตรุยกแว่นกันแดดแล้วหัวเราะเบาๆ “ฉันจะมาตอนวิกฤติ เพราะมันจะทำให้ฉันดูหล่อมากขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ?”
ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างพูดไม่ออก
พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าซาโตรุชอบเก๊กมากกว่าซาสึเกะเสียอีก
“คิซาเมะ นายต้องยื้อซาโตรุไว้ ด้วยเนตรวงแหวนของฉัน ฉันจะจับเก้าหางมาเอง” อิทาจิค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของเขาออก เขามองนารูโตะอย่างเฉยเมยพร้อมกับเนตรวงแหวนของเขา
“ยื้อเหรอ? คุณอิทาจิก็พูดเกินไป ให้ฉันจัดการเขาให้จบในครั้งเดียวเลยดีกว่า” คิซาเมะถือซาเมฮาดะไว้ในมือแล้วกระโดดไปหาซาโตรุ
"เอาจริงงั้นเหรอ?" ซาโตรุยกนิ้วขึ้น และซาเมฮาดะก็หยุดอยู่ตรงปลายนิ้วของซาโตรุ
*บูม*
รอยแตกขนาดใหญ่สองรอยปรากฏขึ้นทั้งสองข้างด้านหลังซาโตรุ แต่จุดที่เขายืนอยู่นั้นไม่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่ ถ้าฉันถูกของเล่นของนายชนเข้า จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันเหรอ? ” ซาโตรุชำเลืองมองดูซาเมฮาดะที่คล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
“ในขณะที่ปกป้องจิ้งจอกเก้าหางและต่อสู้กับศัตรูไปพร้อมๆ กัน ดูเหมือนแกจะยังคงนิ่งและสงบสติอารมณ์ได้อยู่สินะ” คิซาเมะเลียริมฝีปากของเขาด้วยรอยยิ้มอันโหดร้ายบนใบหน้า
เป็นครั้งแรกเลยที่ซาเมฮาดะตื่นเต้นมาก
กล่าวอีกอย่างคือ จักระของซาโตรุดูน่าอร่อยกว่าเด็กเก้าหางเสียอีก
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเอาอยู่น่า" ซาโตรุเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มขี้เล่นและพูดเหน็บแนมว่า "เพราะท้ายที่สุดแล้ว นายมันก็เป็นแค่คนอ่อนแอ"
ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างตกตะลึงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะพวกเขาเคยเผชิญหน้ากับคิซาเมะที่เปล่งรัศมีจิตสังหารที่อันตรายไปทั่วแล้ว
ทีมที่เจ็ดของพวกเขาถูกจัดการอย่างราบคาบ แม้จะมีความแข็งแกร่งของเก้าหางก็ไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าคิซาเมะ
อาจารย์คุเรไนเองก็พ่ายแพ้ในไม่กี่วินาทีเช่นกัน
ซาโครุยังบอกว่าเขา…อ่อนแอเหรอ?
มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ไม่ว่าจะมองมุมไหน อิทาจิและคิซาเมะก็มีความแข็งแกร่งเทียบกับระดับคาเงะได้แน่นอน!
อาจารย์ซาโตรุบอกว่าทั้งสองคนนี้อ่อนแอเนี่ยนะ?
คิซาเมะมองซาโตรุด้วยความแปลกใจกับสีหน้าขี้เล่นและท่าทีที่ดูไม่จริงจังนั้น
เขาอยู่ในโลกนินจามาหลายปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับคนที่อวดดีเช่นนี้
เขาและอิทาจิเป็นผู้แข็งแกร่งระดับคาเงะ
แต่ซาโตรุบอกว่าสมาชิกแสงอุษาอย่างพวกเขาสองคนนั้นอ่อนแอเหรอ?
นี่มันอะไร?
ความเย่อหยิ่ง?
ความโง่เขลา?
กระทั่งผู้นำขององค์กรแสงอุษาก็ไม่เคยบอกว่าพวกเขาอ่อนแอ
แต่ซาโตรุคนนี้กลับกล้าพูดออกมา!
"ไอ้คนอวดดี" คิซาเมะกระโดดกลับไป ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อคลุมแสงอุษาของเขาออกอย่างเชื่องช้าและทิ้งเสื้อคลุมไว้บนพื้น
[ขอเปลี่ยนคิซาเมะให้พูดสุภาพกับอิทาจินะคะ]
“คุณอิทาจิ อย่าห้ามผมเลย จะได้ให้ไอ้บ้าคนนี้รู้ว่ากบในบ่อคืออะไรกันแน่”
"[คาถาน้ำ ∙ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม]" คิซาเมะประสานอินแล้วพ่นคลื่นทะเลที่สูงและกว้างใหญ่ออกจากปากของเขา