1194 ลางร้ายร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ
บทที่ 1194 ลางร้ายร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ
หม้อปราณปัฐพีต้นกำเนิดกำลังคำราม มันแช่ตัวเองอยู่ในแสงศักดิ์สิทธิ์อันร้อนแรงและถูกกระแทกไปรอบๆ แต่มันยังคงความแข็งแกร่งไม่ปรากฏรอยขีดข่วนทั้งยังดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง
“หม้อใบนี้... น่าทึ่งมาก!” หลายคนที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจและตั้งตารอด้วยกัน
มีอักขระเก้าตัวถูกสลักอยู่บนผนังหม้อ พวกมันดูดซับกฎศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในขณะนี้สภาพของมันราวกับเป็นทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดูดกลืนสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเอง
อักขระเต๋าทั้งเก้าซึ่งเปลี่ยนตัวเองเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เปล่งประกายแววเบาและมีชีวิตชีวาอย่างมาก
เย่ฟ่านก็ตกตะลึงเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่านี่คือรัศมีแห่งความโกลาหลทั้งเก้าที่ประทับอยู่ในหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดในขณะที่เขาเผชิญกับคำสาปร่างศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นพลังแห่งความโกลาหลมาก่อน แต่เวลานั้นมันพิเศษอย่างยิ่ง หลังจากที่สายฟ้าลึกลับทั้งเก้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งเขาได้ใช้หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดปิดกั้นสายฟ้าเหล่านั้นและตรึงพวกมันไว้ที่ผนังหม้อ
“นี่คือการกำเนิดของทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นก้าวแรกที่เจ้าต้องทำ เทพถือกำเนิดในหม้อ โดยมีพลังแห่งความโกลาหลเป็นเหมือนครรภ์มารดา!” จักรพรรดิดำกล่าว
“หากเจ้าต้องการอาวุธเต๋าสุดขั้วที่เป็นอาวุธแห่งชีวิตของตัวเองพลังแห่งความโกลาหลทั้งเก้านั้นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะพวกมันเป็นตัวแทนของความเป็นอมตะ มีเพียงใช้สิ่งนี้เท่านั้นอาวุธของเจ้าจึงจะไม่ถูกทำลายไปตลอดกาล” ต้วนเต๋อก็ดูเคร่งขรึมเช่นกัน
“ข้าสามารถสร้างหม้อระดับราชาที่นี่เลยได้หรือไม่?” เย่ฟ่านกล่าว
“นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด อาวุธแห่งชีวิตควรจะสอดคล้องกับตัวเอง เดินไปด้วยกันทุกย่างก้าว เหมือนแขนและขา ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงเซียนเทียมขั้นสองเจ้าไม่ควรปล่อยให้อาวุธแห่งชีวิตนำหน้าของเจ้าไป” จักรพรรดิดำแนะนำ
“ใช่ มีเพียงต้องก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันกับอาวุธเท่านั้นมันจึงจะเกิดการหลอมรวมของเต๋าแล้วทำให้เจ้ากลายเป็นหนึ่งเดียว” ต้วนเต๋อก็พยักหน้าอีกครั้ง
“พื้นที่ในระยะสิบวากลายเป็นสุญญากาศ และกฎทั้งหมดก็ถูกละลายหายไปด้วยลวดลายในหม้อ!”
“ม่านพลังแห่งนี้รัศมีห้าร้อยลี้ และเต็มไปด้วยกฎของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ หากหม้อของเจ้าถูกทิ้งไว้ที่นี่สองสามปีมันคงดูดกลืนกฎอันยิ่งใหญ่เข้าไปทั้งหมด และเมื่อเป็นเช่นนั้นความแข็งแกร่งของอาวุธเจ้าจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใดเป็นที่ทราบได้!” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนต่างประหลาดใจ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ทำให้จิตใจของทุกคนสั่นสะท้าน
หม้อไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับทารกในครรภ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด อย่างไรก็ตามลวดลายที่เกิดจากพลังแห่งความโกลาหลนั้นมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
“หากจะบอกว่าอาวุธชิ้นใดจะกลายเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นต่อไป ข้ามั่นใจอย่างเต็มที่ว่ามันจะต้องเป็นหม้อใบนี้อย่างแน่นอน ในอนาคตมันจะกลายเป็นสมบัติแห่งสวรรค์พิภพที่จะสืบทอดไปอีกนานหลายแสนปี” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“เจ้าหนู ข้าขอเสนอความคิดบางอย่าง ดูจากรูปลักษณ์ของหม้อนี้มันอาจจะพัฒนาไปไกลยิ่งกว่าอาวุธเต๋าสุดขั้วด้วยซ้ำ!” จักรพรรดิดำกล่าวทันที
“เจ้ามีความคิดอย่างไร?”
“หากวันหนึ่งในอนาคตเจ้าจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียน เจ้าควรหนีมาที่นี่เพื่ออย่างน้อยหากเจ้าไม่สามารถรอดชีวิตจากทัณฑ์สวรรค์สมบัติของเจ้ายังคงจะพัฒนาต่อไปได้…”
จักรพรรดิดำกล่าวได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกทุกคนมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของมัน นี่คือโลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับไม่มีใครรู้ว่าทัณฑ์แห่งสวรรค์จะมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่ หากเป็นไปไม่ได้เจ้าจะสูญเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่เพียงครั้งเดียว!”
“โอกาสในการบรรลุเซียนจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าไม่สามารถเอาอนาคตของตัวเองมาล้อเล่น” แม้แต่วานรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังกล่าวเช่นนี้
“แต่นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่อาวุธของเจ้าจะกลายเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วโดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเจ้าจะพิสูจน์เต๋าสำเร็จหรือไม่” จักรพรรดิดำถอนหายใจ
ตามที่กล่าวไว้ สวรรค์พิภพถูกใช้เป็นเตาหลอม และแก่นแท้เซียนหลายร้อยหลายพันคนในโลกใบนี้คือเปลวไฟที่ใช้หลอมอาวุธได้ดีที่สุด
ถ้าปล่อยหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดไว้ที่นี่เพื่อให้ดูดกลืนแก่นแท้ของเซียนเข้าไปจนหมด พลังของมันจะมากมายมหาศาลกว่าอาวุธเต๋าสุดขั้วอย่างแน่นอน
นี่เป็นความคิดที่บ้าระห่ำอย่างแท้จริง นั่นก็เพราะโอกาสที่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะประสบความสำเร็จกลายเป็นเซียนนั้นแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย
แม้แต่จักรพรรดิดำที่คบหากับเย่ฟ่านมาอย่างยาวนานก็ยังไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในเรื่องนี้
“เป็นความคิดที่ดี แต่ข้าคิดว่าการปล่อยให้มันพัฒนาไปพร้อมกับข้าคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ไปกันเถอะข้าสัมผัสได้ว่าเขามาถึงแล้ว”
เย่ฟ่านกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก สายตาของเขากวาดมองไปในทิศทางหนึ่งด้วยความหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด
ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ยืนอยู่ในทิศทางนั้น และรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวก็อบอวลไปในอากาศ สนามรบโบราณเริ่มสั่นสะเทือนราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่กำลังเกิดขึ้นจากการหลับไหล!
“ต้าเฮยทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว มีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับจักรพรรดิเท่านั้นจึงจะพาเราออกจากที่นี่ได้” เย่ฟ่านกระซิบ
“เย่จื่อน้อย เจ้า…” หลี่เหอสุ่ยกรีดร้อง
“อาพี่เย่ เจ้าเป็นอะไร...” เอี๋ยนอี้ซีก็อุทานด้วยความตกใจ
ในเวลาเดียวกัน ต้วนเต๋อตอบสนองเร็วที่สุด เขาดึงเชือกที่ใช้มัดภูตผีออกมาและมัดมือเย่ฟ่านอย่างแน่นหนาและรวดเร็ว
เย่ฟ่านก้าวถอยหลัง ยื่นมือขวาออกไปข้างหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “ข้า…”
เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในขณะนี้หลังมือขวาของเขามีเส้นขนสีแดงงอกออกมาแล้ว เย่ฟ่านพยายามถอนเส้นขนเหล่านั้นออกมาแต่พวกมันได้ตรอกตรึงลงไปในผิวหนังของเขาราวกับจะคงอยู่ตลอดกาล
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?” คนอื่นๆ ตกใจและไม่สามารถทำอะไรได้
“ข้ามีความรู้ความเข้าใจในทักษะด้านต้นกำเนิดสวรรค์อย่างยิ่ง แต่มันควรจะห่างจากขอบเขตปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์อีกพอสมควร…”
เย่ฟ่านตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเจ็บปวดไปทุกส่วนของร่างกาย จากนั้นเส้นขนสีแดงเริ่มงอกออกมาทั่วผิวหนังของเขาแม้แต่ใบหน้าก็ไม่ละเว้น
สภาพของเย่ฟ่านในตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรจากสัตว์ประหลาดเส้นผมสีแดงที่เขามองเห็นเมื่อครู่
“ลางร้าย...เกิดในตัวข้าหรือ!” เย่ฟ่านตะโกน จากนั้นเขาก็กระตุ้นเลือดสีทองในร่างกายให้เผาผลาญความชั่วร้ายทั้งหมดออกไป
“บูม”
เปลวไฟสีทองลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า เส้นขนสีแดงทั้งหมดในร่างกายของเย่ฟ่านถูกเผาผลาญ อย่างไรก็ตามพวกมันได้งอกตัวเองกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
“ใช้กลิ่นอายของอู่ซือปิดผนึกความชั่วร้ายไว้!” จักรพรรดิดำตะโกนก่อนจะเรียกแผนผังค่ายกลให้ปรากฏออกมาคุมขังเย่ฟ่านไว้
“หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปราบปราม!” ต้วนเต๋อตะโกนเสียงดังก่อนจะใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ครอบลงไปที่ศีรษะของเย่ฟ่าน
เลือดสีทองของเย่ฟ่านลุกโชน และในที่สุดผมสีแดงทั้งหมดก็ร่วงหล่นลงไปบนพื้นและไม่งอกกลับขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตามเขายังคงหอบหายใจอย่างหนักและมีความรู้สึกว่าลางร้ายเหล่านั้นยังคงแขวนอยู่ด้านบนและพร้อมจะลงมือโจมตีทันทีที่มีโอกาส
แน่นอนว่าเมื่อค่ายกลจักรพรรดิอู่ซือหายไปและหม้ออสูรกลืนสวรรค์ถูกต้วนเต๋อดึงกลับคืนมา ใบหน้าของเย่ฟ่านก็เต็มไปด้วยความอึดอัด จากนั้นเส้นขนสีแดงได้งอกขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“เย่จื่อ เจ้า…”
“หายนะของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ได้มาถึงแล้ว!”
ทุกคนทำอะไรไม่ถูกและไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เว้นแต่พวกเขาจะปราบปรามเย่ฟ่านด้วยอาวุธเต๋าสุดขั้วและค่ายกลจักรพรรดิอู่ซือตลอดกาล
เย่ฟ่านนั่งสมาธิในความว่างเปล่าก่อนจะเริ่มเดินพลังศักดิ์สิทธิ์ไปในแนวทางของคัมภีร์หลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์เต๋า คัมภีร์จักรพรรดินีตะวันตก คัมภีร์อมตะนิรันดร์กาลของตระกูลเจียง หรือแม้กระทั่งคัมภีร์สุริยันและจันทรา
ทุกครั้งที่เขาเริ่มฝึกฝนคัมภีร์เหล่านี้เช่นขนสีแดงก็จะหายไป แต่ทันทีที่หยุดพวกมันก็จะปรากฏขึ้นมากลายเป็นวงจรที่ดำเนินไปอย่างไม่จบไม่สิ้น สีหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปตลอดเวลา ความสงบสุข และความวิตกกังวลรวมอยู่ด้วยกัน
“เคี๊ยกๆๆๆ”
มีเสียงหัวเราะเย็นชาเหมือนแผ่นโลหะเสียดสีกันทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวดังมาจากความมืด จากนั้นดวงตาสีแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมก็จ้องมองเย่ฟ่านจากระยะไกล
“มาเถอะ...ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์น้อย...ในปีต่อๆ ไป...ข้าจะมารับเจ้า…อีกครั้ง” เสียงที่เศร้าหมองและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“บูม”
ร่างของเย่ฟ่านสั่นเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาได้กระตุ้นเลือดสีทองให้ขับไล่ความชั่วร้ายในร่างกายออกไปทั้งหมด และเส้นขนสีแดงไม่ได้ปรากฏขึ้นอีก
“บางที... เจ้าไม่จำเป็นต้องรอจนแก่เฒ่า… ในอนาคตอันใกล้นี้… ข้าจะกลับมาอีกครั้ง…”
เสียงที่ดังก้องมาจากระยะไกลทำให้แผ่นหลังของทุกคนหนาวเหน็บราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
นี่คือชะตากรรมของพวกเขาหรือเปล่า?
เช่นเดียวกับปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์คนอื่นๆ?
……….