บทที่ 111 การโจมตีอัศวินแพนด้า
ในป่าสนธยา งูหลามขนาดใหญ่ยาวเกือบเจ็ดเมตรที่มีลวดลายสีดำชัดเจนนั้นวนอยู่รอบหญ้าแสงทมิฬ มันจ้องมองรอบตัวอย่างระแวดละวัง สีหน้าของมันดุร้ายถึงขีดสุด ทว่าหัวใจของมันก็ตื่นตระหนก
มันสัมผัสได้ถึงออร่าของศัตรู กล่าวให้ชัดเจน มันสัมผัสได้ถึงการปราบปรามที่ผิดปกติของศัตรู มันไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม
ไม่ไกลจากหญ้าแสงทมิฬ ซืออวี๋ อีเลฟเว่น และบักกี้ยืนอยู่หลังต้นไม้ขนาดใหญ่ ในอีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าร่วมคนหนึ่งยืนอยู่หลังต้นไม้ขนาดใหญ่อีกต้นหนึ่งซึ่งมีตะขาบสีน้ำเงินที่มีหลายเท้าพันอยู่รอบตัวเขา
ตะขาบไหลคลั่งเป็นสัตว์อสูรประเภทน้ำของเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติขั้นสูง งูหลามพิษแหวนทมิฬก็เป็นสัตว์อสูรดุร้ายเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติขั้นสูงเช่นเดียวกัน และมันก็เป็นสัตว์อสูรประเภทพิษและความมืดที่หายาก นักฝึกสัตว์อสูรผู้นี้หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากงูหลามพิษแหวนทมิฬไม่อ่อนแอเลย
หากเขาจัดการมันได้ไม่ถูกต้อง เขาก็จะไม่รอด พ่อแม่ของเขาคงไม่ยินดีกับเรื่องนี้…
“เจ้ากำลังจะทำอะไร?”
ในขณะนี้ เสียงที่กะหันทันทำให้งูหลามพิษแหวนทมิฬและผู้เข้าร่วมคนนี้ตกตะลึง
มีคนอื่นเหรอ?
ผู้เข้าร่วมคนนี้ไม่ได้สังเกตเห็นซืออวี๋เลย
นี่เป็นพลังของสุดยอดการมองเห็นขั้นสมบูรณ์ คุณสมบัติการมองเห็นพลังงานของสุดยอดการมองเห็นขั้นสมบูรณ์ทำให้อีเลฟเว่นจับความผันผวนของพลังงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น อีเลฟเว่นแทบจะตัดสินปริมาณพลังงานที่แน่นอนในร่างกายของตะขาบไหลคลั่งและงูหลามพิษแหวนทมิฬได้โดยตรง
การตัดสินของมันก็คือคู่ต่อสู้ของมันไม่แข็งแกร่งมากนักซึ่งคือหนึ่งในห้าความแข็งแกร่งของมัน
“เจ้ามีงูหลามพิษแหวนทมิฬหรือหญ้าแสงทมิฬในภารกิจของเจ้าไหม? หากเจ้ามี เจ้าจัดการเลย หลังจากที่เจ้าจากไป เพียงแค่เพิ่มข้าเป็นเพื่อนและให้อั่งเป่าแก่ข้า” ซืออวี๋กล่าวพร้อมกับหาวออกมา
“ข้าไม่มี ข้าแค่ผ่านทางมา!”
ผู้เข้าร่วมฝั่งตรงข้ามไร้คำกล่าว เขาควรจะกล่าวว่าซืออวี๋เป็นคนดีหรือคนเห็นแก่เงินดีล่ะ?!
อย่างไรก็ตาม เขายอมแพ้ในทรัพยากรนี้และสัตว์อสูรดุร้ายตัวนี้ ชายผู้นี้สามารถต่อสู้กับใครก็ได้ที่ต้องการ
หากเขามีเวลา การค้นหาสัตว์อสูรประเภทแมลงระดับเหนือธรรมชาติขั้นต่ำเหล่านั้นคงจะดีไม่น้อยไม่ใช่เหรอ?
ซืออวี๋และผู้เข้าร่วมคนนี้เริ่มสื่อสารกันทางอากาศ
งูหลามพิษแหวนทมิฬ :???
คนเหล่านี้ไม่สุภาพมากไปหน่อยเหรอ?
แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจ แต่ทำไมมันถึงรู้สึกราวกับว่ามันถูกเย้ยหยัน!
ดวงตาของงูหลามพิษแหวนทมิฬเปลี่ยนเป็นสีแดง บัดซ* มันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มันยืดตัวและอ้าปากขนาดใหญ่ของมันอย่างกะทันหัน ต้องการที่จะกลืนกินหญ้าแสงทมิฬที่ยังไม่โตเต็มที่และหลบหนีไป มันไม่รอให้หญ้าแสงทมิฬโตเต็มทีเลย ตอนนี้มีคนมองมันด้วยความโลภแล้ว หากมันได้กินหญ้าแสงทมิฬนั้นจะดีมาก
“บัดซ*”
การกระทำของงูหลามพิษแหวนทมิฬทำให้ผู้เข้าร่วมที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งและตะขาบไหลคลั่งของเขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
มันกินหญ้าแสงทมิฬไปเช่นนั้นเลยเหรอ? ไม่รอให้หญ้าแสงทมิฬโตหน่อยเหรอ?
ซืออวี๋ก็ค่อนข้างเงียบเช่นเดียวกัน บัดซ* เกิดบ้าอะไรกับงูตัวนี้กัน?
เจ้าเป็นสัตว์อสูรดุร้ายที่สังหารคนนับพันในทุกปี อารมณ์ของเจ้าอ่อนไหวเช่นนั้นเลยเหรอ? เจ้าไม่ควรจะสังหารเราและคุ้มกันอาหารของเจ้าจนกระทั่งมันโตเต็มที่หรอกเหรอ? งูชนิดไหนกันที่กินมันไปเช่นนี้?
อย่างไรก็ตาม ซืออวี๋ อีเลฟเว่น และบักกี้จะไม่ให้โอกาสนี้แก่งูอย่างแน่นอน
บูม!!!
ในขณะที่งูหลามพิษแหวนทมิฬกำลังจะกินหญ้าแสงทมิฬที่กำลังโต คลื่นที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกมาจากระยะไกลทันที!
นี่เป็นออร่าที่น่าสะพรึงซึ่งูหลามพิษแหวนทมิฬสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ซึ่งแผ่วเบามาก ทว่าในขณะนี้ มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าออร่านี้น่าสะพรึงและแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ!
บูซซซ!
ในเวลานี้ การเคลื่อนไหวของงูหลามพิษแหวนทมิฬหยุดลงทันที จิตใจของมันมึนงงและสับสนเล็กน้ย เพื่อที่จะรักษาพละกำลังของมัน อีเลฟเว่นจึงไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของมัน ในวินาทีต่อมา บักกี้ก็เคลื่อนไหว ไหมโปร่งใส่พุ่งออกไปและพันรอบร่างกายของงูหลามพิษแหวนทมิฬ ในช่วงเวลาต่อมา ไหมหนอนก็รัดแน่นและเลือดสีแดงเข้มก็กระเซ็นออกมา ร่างกายของงูหลามพิษแหวนทมิฬถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยตรง!
“อู๋!”
“จิ๋!”
อีเลฟเว่นและบักกี้ดูจริงจังมาก พวกมันรู้สึสกว่าการร่วมมือกันของพวกมันไม่ราบรื่นนัก
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เรื่องนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมคนอื่นที่สังเกตการณ์อยู่ในความมืดเบิกตากว้างอย่างฉับพลันและก้าวถอยหลังด้วยเสียงอันแหบแห้ง ตะขาบไหลคลั่งของเขาก็รู้สึกเยือกเยือกในใจของมันและสั่นไปทั้งตัว เนื่องจากในสายตาของพวกเขา ฉากนี้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น งูหลามพิษแหวนทมิฬตายโดยตรงซึ่งน่าสะพรึงอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลอันฉับพลันทำให้พวกเขาตกตะลึงมากจนหัวใจของพวกเขาแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ พวกเขาเพิกเฉยต่อทุกอย่างและหันหลังจากไป ราวกับว่าซืออวี๋และสัตว์อสูรของเขาที่ยังไม่แสดงตัวออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่างูหลามพิษแหวนทมิฬตัวนี้เสียอีก
“หญ้าแสงทมิฬที่ยังไม่โตเต็มที่ มูลค่าของมันไม่สูงมากนัก หากไม่มีภารกิจ การที่คนธรรมดาเก็บเกี่ยวมันก็ไร้ประโยชน์ พลังงานจะหมดไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากมันถูกย้ายไปยังซากปรักหักพังก็ยังมีความหวังที่จะรักษาพลังงานไว้… หลังจากที่มันโตเต็มที่แล้ว มันยังสามารถขายได้นับหมื่นหยวน”
“เอ่อ ทำไมเขาถึงจากไปโดยตรงเลยล่ะ?” ซืออวี๋เงยหน้าขึ้นมองและส่ายหัวของเขา เขาค่อยๆ เดินไปใกล้กับสินสงครามและเริ่มทำความสะอาดสนามรบเพื่อรวบรวมทรัพยากรอันมีค่า
…
เมื่อซืออวี๋ได้รับบางสิ่ง การสอบก็เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่ถึงชั่วโมง ทว่าสัตว์อสูรหลายตัวได้ตายและผู้เข้าร่วมบางส่วนได้ออกจากการสอบแล้ว ในท้องฟ้าเหนือเกาะทดสอบ บนเครื่องบินลำใหญ่ ผู้คุมสอบหลายคนไร้ความรู้สึกเมื่อพวกเขาเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของข้อมูล
พวกเขายังคงเด็กเกินไป ดูเหมือนว่าผู้เข้าร่วมบางคนยังคงเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพโดยที่เตรียมตัวมาไม่มากพอ
ด้วยความแข็งแกร่งและคุณภาพเช่นนี้ พวกเขาอาจหางานธรรมดาเพื่อเก็บเงินไว้ยามแก่ชราได้ ทำไมพวกเขาถึงต้องฝึกฝนอย่างหนักและก้าวเข้าสู่ประตู่แห่งมืออาชีพล่ะ? พวกเขาคิดว่ามันเป็นเกมที่ต้องต่อสู้ตามกฎเหรอ?
“เนตรสวรรค์จะเชื่อมต่อข้อมูลตอนไหน?” ผู้รับผิดชอบการประเมินมืออาชีพ ปรมจารย์ฉู่เจียเอ่ยถามออกมา
“มันกำลังโหลด” ช่างเทคนิคตอบกลับ
“เจ้ากำลังกล่าวไร้สาระอะไร”
ผู้คุมสอบคนอื่นยิ้มและมองไปที่หน้าจอซึ่งเชื่อมต่อกับเนตรสวรรค์อย่างเงียบสงบ บนนั้น ข้อมูลการสอบของผู้เข้าร่วมทุกคนได้ถูกอัปเดตตามเวลาจริง
เวลานี้ ในสถิติสูงสุด มีผู้เข้าร่วมที่ล่าสัตว์อสูรดุร้ายระดับเหนือธรรมชาติไปห้าตัวแล้วซึ่งคือเด็กสาวที่มีพรสวรรค์การประสานธาตุ
พรสวรรค์นี้ทรงพลังมากอย่างแท้จริง ในด้านของการแสดงความสามารถ นางอาจจะเป็นผู้เข้าร่วมที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้
…
ในตอนนี้ ซืออวี๋ยังคงพยายามที่จะเดินออกจากป่าสนธยา
เขามีอสูรกินเหล็กบนไหล่ข้างหนึ่งและหนอนไหมเขียวบนไหลอีกข้างหนึ่ง เขาเดินไปทีละก้าว
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน ซืออวี๋ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
ทำไม?
เขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูร ทำไมเขาต้องเดินเองด้วยล่ะ?
“อีเลฟเว่น”
“อู๋?”
อีเลฟเว่นผู้ที่อยู่บนไหล่ของซืออวี๋เผยให้เห็นสีหน้าอันสูญเสีย
ยิ่งกว่านั้น มันยังรู้สึกถึงลางร้าย
“ลงมาและขยายร่าง จากนั้นก็เดินสี่ขา”
อีเลฟเว่น :???
เพื่ออะไรกัน?
อีเลฟเว่นรู้สึกไม่สบายใจและไม่กล้าลงไป
“ข้าแบกเจ้ามานานแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าต้องแบกข้าแล้วใช่ไหม? หากเรายังเป็นเช่นนี้ต่อไป คนแรกที่หมดแรงก็จะเป็นข้าซึ่งเป็นนักฝึกสัตว์อสูร” ซืออวี๋หัวเราะอย่างบางเบาและกล่าวว่า “รีบเร็วเข้า นอกจากนี้ ข้าคิดว่าข้าค้นพบวิธีที่ถูกต้องในการใช้การเคลือบแข็งระดับเหนือธรรมชาติแล้ว!”
แพนด้าในโลกนี้รู้จักกันในชื่อว่าอสูรกินเหล็กนั้นแตกต่างจากบนโลกมาก พวกมันเคยชินกับการเดินสองขา ทว่าไม่ใช่ว่าพวกมันจะเดินสี่ขาไม่ได้ ในเวลานี้ ความตั้งใจของซืออวี๋นั้นชัดเจนมาก เขาต้องการให้อีเลฟเว่นเป็นพาหนะของเขา เขาต้องการที่จะขี่อสูรกินเหล็กเช่นเดียวกับที่เขาขี่ม้า
อสูรกินเหล็กก็เป็นสัตว์ขี่ได้เช่นเดียวกัน! เขาควรรู้ว่าเขาเป็นนักขี่อสูรกินเหล็กมานานแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาขี่อสูรกินเหล็ก เขามักจะสัมผัสกันเสมอ เงื่อนไขสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรที่จะเคลือบแข็งตลอดเวลานั้นไม่ได้ถูกเติมเต็มหรอกเหรอ?
ซืออวี๋อุ้มอีเลฟเว่นขนาดพกพาลงมาและมองดูมันอย่างจริงจัง
“อู๋!” อีเลฟเว่นมีสีหน้าขัดแย้ง การต่อสู้ล่ะ? ทำไมเราไม่ให้บักกี้แปลงร่างเป็นมังกรและแบกเราล่ะ?
บักกี้ : ???
เกี่ยวอะไรกับมันล่ะ? นักฝึกสัตว์อสูรต้องเป็นอัศวินแพนด้าไม่ใช่อัศวินมังกร!
ซืออวี๋กล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังคงต้องแบกเรา ทักษะของบักกี้ใช้พละกำลังมากเกินไป หากเจ้าแบกเรา การใช้พละกำลังก็เเปรียเสมือนกับหยดน้ำในมหาสมุทรซึ่งไม่ถึง 1% ของปริมาณการฝึกตามปกติของเจ้า นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้า”
“เพียงแค่แบกข้าในขณะที่ทำการลาดตระเวนและใช้การปราบปราม”
“ระดับเฉลี่ยของสัตว์อสูรดุร้ายบนเกาะทดสอบนี้ไม่สูงมากนัก นั่นไม่น่าสนใจเลย ทิ้งศัตรูไว้ให้บักกี้เพื่อฝึกฝนมัน”
“จิ๋!” บักกี้บอกว่ามันทำได้ เกาะนี้เป็นก้าวแรกในการผงาดของมัน ในฐานะหนอนไหมเขียวที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหารในโลกสัตว์อสูรแห่งนี้ มันมุ่งมั่นที่จะเอาชนะนักล่าชั้นยอดเหล่านั้นและหล่อเลี่ยงการปราบปรามของมัน
อีเลฟเว่น : อู๋ (艹皿艹)
เมื่อเห็นว่าซืออวี๋และบักกี้อยู่ข้างเดียวกัน อีเลฟเว่นก็ร้องไห้ออกมา ในขณะที่มันร้องไห้ มันก็ขยายร่างจนสามารถแบกซืออวี๋ได้
มันช่างน่าสังเวชมาก ราชาแพนด้ากลายเป็นสัตว์ขี่ อีเลฟเว่นไม่สามารถกล่าวออกมาได้ ทว่าลืมไปเถอะ ใครจะรู้ว่านักฝึกสัตว์อสูรของมันจะคิดเช่นนี้กัน?
“อันที่จริง ขยายร่างให้ใหญ่ขึ้น ข้าคิดว่าข้าสามารถนั่งบนไหล่ของเจ้าได้… ลืมไปเถอะ นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป” ซืออวี๋ตบอสูรกินเหล็กที่อยู่ใต้ตัวเขาซึ่งเขารู้สึกพึงพอใจมาก
สำหรับบักกี้ มันขึ้นไปบนหัวของอีเลฟเว่น
“อู๋!!!” อีเลฟเว่นหันกลับมาและถามว่าพวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวเลยไหม
“เรายังต้องรอต่อไป” ซืออวี๋มองไปที่ต้นไม้โดยรอบและสั่งบักกี้ “ตัดต้นไม้และสร้างกระบี่ที่เหมาะสมกับข้า”
บักกี้สับสน
เขากำลังจะเริ่มต้นอีกแล้วเหรอ?
นั่นน่าสงสัยมาก ทว่ามันก็ยังคงทำตามคำสั่ง
ในไม่ช้า กระบี่ไม้ก็ปรากฎขึ้นบนมือของซืออวี๋ เมื่อเห็นเช่นนี้ ซืออวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างบางเบาและกล่าวว่า “อีเลฟเว่น การเคลือบแข็ง!”
บูซซ!
ในขณะนั้น ซืออวี๋ดูเหมือนจะสวมชุดเกราะที่มองไม่เห็น ในเวลาเดียวกัน กระบี่ไม้ในมือของเขาก็หนักขึ้นอย่างมหาศาล
ซืออวี๋ตั้งท่าในขณะที่สั่งให้อีเลฟเว่นก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เขาเหวี่ยงกระบี่ไปที่ต้นไม้ข้างเขาโดยตรง ในชั่วพริบตาต่อมา ต้นไม้ขนาดใหญ่ก็หักออกเป็นสองส่วนและล้มลง
“ข้าอยู่ยงคงกระพัน การสอบนี้ไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน”
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน