ตอนที่ 9 : ‘กูลผู้หลอกลวง’
หลังการต่อสู้ ทุกคนนอกจากบิลต่างก็แสดงความชื่นชมอย่างมากต่อผู้เล่นคลาสนักบวชที่ลึกลับและทรงพลังคนนี้
อูซอร์ซึ่งกําลังเดินอยู่ข้างหน้าหันถามว่า
“พี่ชาย เทคนิค [แพรี่] ที่พี่เพิ่งแนะนำให้นั้นมันยอดเยี่ยมมาก มีอย่างอื่นที่พี่อยากแนะนำให้ผมอีกไหม? พี่สอนผมมาได้เต็มที่เลยนะ!”
ก่อนที่แม็คเรย์จะทันได้ตอบสนอง
ไซม่อนและเมิ่งฉีผู้ซึ่งปกป้องแม็คเรย์เหมือนกําแพงมนุษย์ก็หันมาร่วมวงด้วยเช่นกัน
"ใช่ ใช่ พี่ชาย ได้โปรดสอนพวกเราด้วย"
เมื่อมองไปที่ทั้งสามคนที่ดูคาดหวัง แม็คเรย์ก็ยิ้มและพูดว่า
“อันที่จริง ไม่ว่ามันจะเป็นคลาสอะไร ในระยะแรกของเกม ทักษะที่จําเป็นต้องเชี่ยวชาญนั้นก็เหมือนๆกันหมด”
“สิ่งที่พวกนายต้องทําคือผสานการเคลื่อนไหว กะระยะเวลาของการปล่อยสกิล และทําความเข้าใจกลไกของการปล่อยทักษะ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว มันไม่ได้น่าทึ่งอะไรขนาดนั้นหรอก ที่พวกนายต้องทำ มีแค่ต้องฝึกฝนให้มากขึ้น”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงไม่สนใจบิลที่หายไปอีก
ระหว่างทาง ก็ได้มีดาร์คก็อบลินบางตัวปรากฏตัวขึ้น บางครั้งก็หนึ่ง สอง หรือสามตัว แต่ไม่เคยเกินสี่ตัว
แต่เพราะภายใต้การแนะนําของแม็คเรย์ สมาชิกที่เหลือจึงได้กลายเป็นผู้เล่นมือใหม่ที่แข็งแกร่งทั้งๆที่เพิ่งเริ่มเล่นเกม พวกเขายังคงถูกมอนสเตอร์จู่โจมอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม็คเรย์ แม้แต่ปาร์ตี้ที่รวมตัวกันในนาทีสุดท้ายก็ยังมีความสามัคคีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ระหว่างทาง ก็อบลินที่พวกเขาสังหารก็ได้ดร็อปเหรียญทองแดงไว้ค่อนข้างมาก แต่กลับไม่เคยดร็อปไอเทมออกมาอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ถุงมือนระดับเหล็กดําที่กัปตันก็อบลินดร็อปไว้ก่อนหน้านี้ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว มันทําให้ไซม่อนและอีกสองคนมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
...
ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปในป่านิรันดร์ลึกเท่าไหร่ ความมืดก็ยิ่งโรยตัวลงมามากขึ้นเท่านั้น
ในตอนแรก ต้นไม้โดยรอบยังพอมองเห็นเป็นสีเขียวอยู่บ้าง แต่ ณ จุดนี้ พวกมันกลายเป็นสีดําอย่างสมบูรณ์จากการกัดกร่อนของพลังอันเดด ซ้ำ บรรยากาศยังมีความกดข่มมากเป็นพิเศษ
พวกเขาสี่คนเคลื่อนผ่านภูมิประเทศที่ซับซ้อนของป่าด้วยความยากลําบาก ในระยะไกลมีหน้าผาที่มีกะโหลกสองสามอัน ภาพที่เห็น ทําให้ทุกคนสั่นสะท้าน นอกจากนี้ยังมีรอยดําสองสามรอย ซึ่งคงเป็นรอยเลือดที่ยังไม่แห้งสนิทดี
ในจังหวะนั้นเอง ก็ได้มีชายชราสวมหมวกผู้ลึกลับคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างต้นไม้ใหญ่
ชายชราคนนี้ไม่สนใจแม็คเรย์และคนอื่นๆที่อยู่ตรงหน้าของเขาเลย ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็หยิบขลุ่ยในมือออกมาและจดจ่ออยู่กับการเป่ามัน
เสียงขลุ่ย เริ่มต้นบรรเลงด้วยความสดใสและสวยงาม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าและความหม่นหมองในตอนท้าย
เสียงแหลมๆของขลุ่ยดังก้องไปทั่วป่าแห่งนิรันดร์เป็นเวลานาน
เมิ่งฉีและอีกสองคนที่กําลังเดินอยู่ข้างหน้าจ้องไปที่ชายชราที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวพร้อมกับขลุ่ยแปลกๆ
แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดท่วงทำนองนั้นลง
แม็คเรย์ผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ถอยหลังกลับออกมาอีกสองสามก้าว นั่นเพราะเขารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของชายชราที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ดี : มันคือบอสตัวสุดท้ายของป่าแห่งนิรันดร์—‘กูลผู้หลอกลวง’!
รูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันคือดาร์คก็อบลินที่มีใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว รูปลักษณ์ของชายชราคนนี้จะเป็นของมนุษย์ที่เขาได้ฆ่าไปภายในสามวันก่อนหน้า โดยเอฟเฟคพิเศษของ ‘พันธะแห่งผู้หลอกลวง’ ทำให้มอนสเตอร์ตัวนี้สามารถแปลงร่างเป็นรูปลักษณ์ของชายชราที่ตายไปแล้วคนนี้ได้
...
ชายชราที่พิงต้นไม้ เมื่อบรรเลงเพลงจบแล้ว เขาก็ค่อยๆลดขลุ่ยในมือลงและเปล่งเสียงที่แหบแห้งออกมา
“นักผจญภัยจากแดนไกลเอ๋ย ข้ารู้จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของพวกเจ้าดี พวกเจ้าคงมาที่นี่เพื่อที่จะกําจัดดาร์คก็อบลินสินะ จุดประสงค์ของข้าก็เช่นกัน เดิมทีข้าเคยเป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์แห่งเมืองกรีนแลนด์ แต่เพราะได้รับคําสั่งให้มายังที่แห่งนี้เพื่อกำจัดเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายเหล่านี้ แต่ว่า... เจ้าดาร์คก็อบลินเจ้าเล่ห์นั่น มันขโมยอาวุธของข้าไป ซ้ำยังเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ทําให้ข้าไม่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้ พวกเจ้ายินดีที่จะให้ข้ายืมอาวุธที่เหมาะสมสักหน่อยได้หรือไม่?”
เมื่อพูดจบ ชายชราก็ทุบต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความโกรธ
อย่างที่คิด ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา มีผู้เล่นไร้เดียงสาจำนวนไม่น้อยที่ถูกกูลเจ้าเล่ห์ตัวนี้ ขโมยอาวุธไป แล้วเมื่อใดที่พวกเขามอบอาวุธให้ ‘กูลผู้หลอกลวง’ แล้วล่ะก็...
เมื่อนั้น มันจะเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริง และเยาะเย้ยให้ผู้เล่นเหล่านั้นต้องอับอายด้วยถ้อยคำถากถาง
และเมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นเหล่านั้นทนไม่ได้จนคิดที่จะสู้กับมันแล้วล่ะก็ เมื่อนั้นผู้เล่นคนนั้นจะถูกดีบัฟถาวร : "คนโง่ที่ถูกหลอก"
แม้ว่าจะไม่มีเอฟเฟคที่ลดค่าสถานะ แต่ก็สร้างความอับอายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
กลับกัน หากผู้เล่นไม่มอบอาวุธใดๆ ให้แก่กูล มันก็จะแปลงร่างกลับไปเป็นบอสด้วยความโกรธและเริ่มโจมตีผู้เล่น
...
ในป่า ไซม่อนและอีกสองคนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่ชายชราที่เอาแต่สาปแช่งก็อบลินอยู่ไม่ไกลนั้น ก็ทำให้พวกเขาลังเลเล็กน้อยว่าควรจะมอบอาวุธให้เขาดีหรือไม่
แม็คเรย์ไม่ได้บอกใบ้ใดๆ นี่นับเป็นเรื่องที่ดี ที่เขาจะได้สอนบทเรียนให้เหล่ามือใหม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็มี NPC จํานวนมากใน [Divine Domain] ที่หลอกลวงผู้เล่นแบบนี้
บิล ผู้ซึ่งไม่รู้จะหาทางปรากฎตัวอย่างไรหลังจากที่เขาได้แอบตามมาที่นี่โดยการพรางตัวอยู่ในความมืดและมองไปที่สมาชิกในปาร์ตี้ ช่วยไม่ได้ ยังไงซะเขาก็ต้องเผยตัวออกไป บิลปิดใช้งานสกิล [ลอบโจมตี] ของเขา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าทั้งสามคนและเริ่มพูดกระตุ้น
“เร็วๆสิ เอาอาวุธสุ่มอะไรก็ได้มาให้ฉัน มันก็แค่อาวุธมือใหม่ ราคาแค่สองเหรียญทองแดงไม่ใช่หรอ”
หลังจากเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จแล้ว ฉันจะจ่ายเหรียญทองแดงสองเหรียญให้นายเอง”
แม้ว่าไซม่อนและอีกสองคนจะไม่เหลือความประทับใจที่ดีต่อบิลอีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่มีตัวเลือกมากนักในตอนนี้
เมิ่งฉีที่ซื่อสัตย์และมีอัธยาศัยดี หยิบดาบสั้นสําหรับผู้เริ่มต้นออกมาและยื่นมันให้บิลอย่างไม่เต็มใจ
“เอาไปสิ ยังไงซะ ฉันก็เพิ่งได้เหรียญทองแดงมาสองสามเหรียญพอดี”
หลังจากได้รับอุปกรณ์ บิลก็ด่าเมิ่งฉีในใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน ฉันจะคืนให้นายแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ บิลจึงถือดาบสั้นเดินเข้าไปหากูล
ฉากนี้ ทําให้แม็คเรย์ซึ่งกําลังดูจากระยะไกลตั้งตารอ
สงสัยจริงๆว่า บิลผู้หลอกลวงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หลังจากที่ถูกหลอกลวงโดยผู้ลวงหลอกตัวจริง.. มันคงจะน่าสนใจมากทีเดียว