ตอนที่ 7 โอด็อต จอมเสียบ
ฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่?
ออสบอร์นคิดในใจ สถานการณ์ตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ย่องให้เบาเข้าไว้ ก้าวให้ช้าอีกหน่อย มุ่งหาสิ่งที่พอจะเป็นเบาะแสได้ นี่มันงานสายลับชัดๆ
พ่อมดเฒ่าถอนหายใจ เขาเดินอยู่ในเหมืองแห่งนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ตอนแรกเขาพบกับพวกออร์คที่กำลังเลี้ยงฉลองด้วยเนื้อคนแคระย่าง ทำให้เขาเกือบอ้วกเอามันต้มมื้อเช้าออกมา
ออร์คพวกนี้เลวร้ายกว่าออร์คในนิยายของโลกก่อนมากและน่าเกลียดกว่าหลายเท่า
พวกมันตัวสูงประมาณเมตรครึ่ง ในขณะที่ออร์คแข็งแกร่งบางตัวจะสูงเกือบสองเมตร มีฟันแหลมคมเรียงอยู่เต็มปากแม้จะไม่แปลงฟันก็ไมไ่ด้ทำให้สุขภาพช่องปากของมันไม่ดี ฟันของพวกมันแข็งแกร่งมากแม้ใช้กัดท่อนไม้ตรงๆก็ไม่มีปัญหา
ผิวหนังของมันจะมีหลากหลายสี ทั้งเขียว เหลือง ดำคล้ำปะปนกัน แต่ทุกสีจะมีผิวที่ตะปุ่มตะป่าน่าขยะแขยง และมีเล็บมือเล็บเท้าที่คมเหมือนใบมีด
ถือว่าเป็นสัตว์ร้ายที่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ก็ว่าได้
ในตำนานกล่าวไว้ว่าพวกมันถูกสร้างจากเทพผู้ชั่วร้ายโดยเอาเผ่าพันธุ์เอลฟ์มาดัดแปลงจนเป็นสภาพนี้
เทพองค์นั้นคงสติไม่ค่อยดีแน่ๆ ออสบอร์นคิด
พ่อมดเฒ่าเดินออกไปอีกหน่อยก็พบกับส่วนที่อยู่อาศัยของคนในเหมือง พวกมันเป็นบ้านอย่างง่ายๆที่ขุดเข้าไปในภูเขาเป็นช่องสี่เหลี่ยมและใช้อิฐก่อเสริมเข้าไปจนได้รูปทรงที่สวยงาม มันถูกสร้างเรียงรายกันไปหลายร้อยแห่งจนเป็นเมืองย่อมๆ
เหมืองแห่งนี้เป็นอาณานิคมของพวกคนแคระ พวกเขาไม่ได้ใช้มันหาแร่เท่านั้นแต่ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย
ออสบอร์นเคยเดินเข้าไปสำรวจบ้านบางหลัง และพบกับรอยเลือดมากมายคาดว่าน่าจะมีการต่อสู้กันเมื่อพวกออร์คบุกเข้ามา แต่กลับไม่เจอศพของคนแคระหรือออร์คแม้แต่ศพเดียว
ในพื้นที่ที่ลึกที่สุดเป็นอาคารสีขาวขนาดใหญ่ มันมีตัวหนังสือของพวกคนแคระสลักเอาไว้เหนืออาคารว่า"ที่ทำการผู้สำเร็จราชการแห่งอิกซอร์"
ออสบอร์นเห็นกองทหารออร์คประมาณสองร้อยกว่านายยืนอยู่เต็มลานหน้าอาคารดังกล่าว เขาได้กลิ่นเหม็นสาบรุนแรงโชยเข้าจมูก ช่างเหลือจะทนจริงๆ!
ตรงข้ามกับกองทหารเป็นนักรบออร์คระดับเหนือมนุษย์ห้านายยืนอยู่ ออสบอร์นถึงกับขนหัวลุกระดับเหนือมนุษย์ห้าคนถ้าพวกมันเข้ามาพร้อมกัน ก็นับหนึ่งถึงสามในใจได้เลยเพราะเขาจะตายภายในสามวินาที ใกล้ๆกับพวกมันมีร่างคนแคระถูกแขวนคอเรียงกันสิบกว่าร่าง ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่นัก
ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาคาดว่าน่าจะเป็นชนชั้นสูงที่อาศัยในที่ทำการผู้สำเร็จราชการแห่งอิกซอร์ แต่ไม่รู้ว่ามีตัวผู้สำเร็จราชการเองอยู่ในนั้นหรือไม่
พ่อมดเฒ่าหมอบลงกับกำแพงหินเตี้ยและคอยฟังพวกมัน
"แร่ที่เราพบยังน้อยเกินไป พวกมันต้องซ่อนเอาไว้อีกแน่นอนขอรับนายท่าน ขอให้ข้าพากองทหารออกไปค้นหาอีกครั้งเถอะ"
ทหารออร์คที่สวมชุดเกราะเหล็กขึ้นสนิมพูดกับออร์คระดับเหนือมนุษย์ตัวหนึ่งที่ปล่อยพลังกดขี่ออกมารุนแรงที่สุดในระดับเหนือมนุษย์ทั้งหมด
ออร์คเหนือมนุษย์ตัวนั้นมีสีหน้าครุ่นคิด มันคือโอด็อต จอมเสียบ ผู้นำในการบุกยึดครั้งนี้
ตอนที่มันพากองทหารออกมาเจ้าแห่งออร์คได้ให้คำสั่งมันสองอย่าง หนึ่งคือยึดเหมืองแห่งนี้ สองคือเอาแร่โอริคัลคุมทั้งหมดกลับไปยังอาณาจักรออร์ค
พวกมันกำลังเตรียมทำสงครามครั้งใหญ่
แต่เหมืองแห่งนี้ใหญ่เกินไป พวกมันค้นหามาเกือบอาทิตย์แล้วแต่ไม่พบแหล่งที่ซ่อนแร่โลหะชนิดนี้เลย
วิธีเดียวที่มันคิดออกคือจับตัวผู้ดูแลเหมืองแห่งนี้มาให้ได้เพื่อบังคับให้มันบอกที่ซ่อน แต่กลับไม่มีเบาะแสใดๆของผู้ดูแลคนนี้ เขาที่โมโหอย่างมาก เลยจับคนในครอบครัวและลูกน้องของมันบางส่วนที่หนีไม่พ้นมาเสียบประจานแทน
มันลืมคิดไปว่าเมื่อคนในครอบครัวของผู้ดูแลตายหมดแล้ว มันก็ไม่มีของต่อรองใดๆไปบังคับให้คนแคระผู้นี้บอกที่ซ่อนของโอริคัลคุมที่เหลือ
มันก็เลยกังวลเป็นอย่างมากในตอนนี้
"อีกหนึ่งอาทิตย์กองทัพที่สองจะมาถึง ตอนนั้นค่อยคิดเรื่องค้นหาแร่ นอกจากนี้ให้แบ่งทหารไปอีกห้าสิบนายคอยเฝ้าระวังทางเข้าเหมืองด้านหลังเอาไว้ ป้องกันพวกคนแคระที่หลบซ่อนในเหมืองหนีออกไปได้ เมื่อกองทัพที่สองมาถึงเราจะล้อมสังหารพวกมันทั้งหมด"
โอด็อตสังการทหารออร์คที่เหลือและแยกย้ายพวกมันไปประจำการตามตำแหน่ง ก่อนหน้านี้ตอนยึดเหมืองจากพวกคนแคระกองทหารของมันเสียหายไปมาก จนเมื่อเอาชนะได้แล้วมันก็เหลือทหารออร์คอยู่ไม่เกินสองร้อยห้าสิบตัวเท่านั้น
มันประมาทพวกคนแคระเกินไป หากครั้งนี้ไม่ได้พาระดับเหนือมนุษย์มาเยอะมากพอ ภารกิจครั้งนี้คงล้มเหลว
เพราะระดับเหนือมนุษย์ของคนแคระสองคนที่ปกป้องที่นี้นั้นมีระดับพอๆกับมัน ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้อย่างรวดเร็วถ้าเผชิญหน้าหนึึ่งต่อหนึ่ง แต่เมื่อพวกมันมีห้าต่อสองทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก
เมื่อกองทหารแยกย้ายไปหมดมันก็เตรียมกลับเข้าไปในอาคารสีขาวด้านหลังแต่ทหารออร์คห้านายวิ่งมาทางนี้เสียก่อน
"นายท่านขอรับ เราเจอคนแคระคนนี้ตรงทางออกด้านหลังเหมือง มันสังหารทหารของเราไปสิบห้านายก่อนที่เราจะจับตัวมันได้"
ทหารออร์คลากตัวคนแคระดังกล่าวมากองไว้ตรงหน้านายท่านของมัน
จากที่ออสบอร์นสังเกต คนแคระคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ขอแค่อีกเพียงนิดเดียวก็จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดระดับนักรบธรรมดาไปสู่ระดับเหนือมนุษย์ได้
น่าเสียดายที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้เสียก่อน
พ่อมดเฒ่าลังเลอยู่ในใจ เมื่อฟังจากคำพูดของพวกออร์คแล้ว ควรมีคนแคระบางส่วนที่ยังมีชีวิตและหลบซ่อนอยู่ในเหมืองแห่งนี้ คนแคระที่ถูกจับตัวมาต้องรู้ที่ซ่อนของพวกเขาแน่นอน
แต่เมื่อคิดให้ดีอีกทีออสบอร์นก็ตัดสินใจได้ เขาเริ่มคิดแผนการคร่าวๆในหัว
โอด็อต มองไปยังคนแคระที่นอนอยู่ตรงเท้าของมัน ก่อนจะเตะคนแคระคนนั้นออกไปไกลถึงสิบห้าเมตร
ทำให้คนแคระคนดังกล่าวเข้าใกล้ความตายไปอีกก้าวหนึ่ง
เจ้าของฉายาจอมเสียบกำลังโกรธมาก มันมีทหารเหลืออยู่ไม่มากและคนตรงหน้ามันก็สังหารไปทีเดียวถึงสิบห้านาย
มันเลยระบายความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดออกมา แน่นอนว่าพวกออร์คขึ้นชื่อเรื่องใจร้อนและโมโหร้าย
ตอนที่โอด็อตกำลังจะเข้าใกล้คนแคระผู้โชคร้ายเพื่อลงมือปลิดชีพเป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็เกิดหมอกหนาพัดพาเข้ามาในบริเวณลานกว้าง
ในจังหวะเดียวกันกองทหารที่อยู่รอบลานกว้างทุกนายก็แสดงอาการเจ็บปวดทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันเริ่มเกาตามผิวหนังจนเนื้อเลือดหลุดลุ่ยออกมา อย่าลืมว่าเล็บของพวกมันคมเหมือนใบมีด
ออร์คระดับเหนือมนุษย์ที่เหลือรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องเข้าแล้วพวกมันรีบใช้จิตรสัมผัสกวาดไปทั่วบริเวณเพื่อหาต้นตอของปัญหา
โอด็อตที่อยู่ใกล้ออสบอร์นมากกว่าใคร เป็นคนแรกที่พบตัวออสบอร์น มันรีบวิ่งตรงเข้าหาเขาทันที
พ่อมดเฒ่าเร่งอัดพลังเวทย์ลงไปในคาถาเรียกหมอกให้เร็วที่สุดในชีวิต จนหมอกเริ่มหนามากขึ้นชนิดที่แม้แต่เขาเองก็ลำบากเป็นอย่างมากในการมองเห็น
แต่ออสบอร์นเตรียมพร้อมมาแล้ว
เขาหว่านเมล็ดพืชที่หยิบออกมาจากถุงผ้าใบเดิมลงสู่พื้นเบื้องล่างและร่ายคาถาเร่งการเติบโตของพืช ในตอนนั้นเองเขาก็ค้นพบโดยบังเอิญว่าในขณะที่เขาร่ายคาถาเร่งการเติบโตอยู่เขาก็สามารถร่ายคาถาอื่นๆไปพร้อมกันได้
ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าไม่เคยมีปรากฎการแบบนี้เกิดขึ้น
ออสบอร์นหวนนึกถึงค่าสมาธิของเขาที่สูงถึงหนึ่งร้อยแต้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมไม่มี
หรือค่าสมาธิจะช่วยให้เขาแบ่งประสาทสัมผัสมาใช้ในการร่ายคาถาที่สอง คาถาสามไปพร้อมกับคาถาแรกรึเปล่า? เขาต้องทดลองดูในอนาคตแล้ว
ถึงตอนนี้ออสบอร์นเร่งการเติบโตของเมล็ดพืชจนกลายเป็นเถาถั่วขนาดใหญ่เท่ากับขามนุษย์ และยังคงเติบโตขึ้นอีกจึงรีบร่ายคาถาผู้ใช้พฤกษาพร้อมกันเพื่อบังคับเถาถั่วไปสกัดโอด็อตเอาไว้
โอด็อตที่กำลังมุ่งหน้ามาทางออสบอร์นถูกยึดไว้ด้วยเถาถั่วขนาดใหญ่ เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากมัน แต่เถาถั่วยังคงขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ
"ตามจับมัน มันอยู่ตรงนั้น"
โอด็อตตะโกนขึ้นสุดเสียงโดยหวังว่าออร์คระดับเหนือมนุษย์ที่เหลือจะช่วยเขาได้
แต่เขาคิดผิด
หมอกลงหนาขึ้นตลอดเวลาอันเป็นผลมาจากการร่ายคาถาพร้อมกันของออสบอร์น ทั้งเรียกหมอก เร่งการเติบโตของพืชและผู้ใช้พฤกษา จนออร์คที่เหลือแยกทิศทางไม่ออก
พวกมันพยายามใช้จิตรสัมผัสระดับเหนือมนุษย์ตรวจจับ แต่ก็ทำได้ยากกว่าปกติเพราะความวุ่นวายที่ทหารออร์คสร้างขึ้น
ออสอบร์นใช้จังหวะนี้ก่อนที่ โอด็อตจะหลุดจากเถาถั่วได้ เขาใช้เถาถั่วสายหนึ่งนำร่างของคนแคระคนนั้นออกมา
เวลาดูเหมือนช้าแต่จริงๆผ่านไปไวไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เมื่อออสบอร์นได้รับร่างของคนแคระมาไว้ในอ้อมแขน โอด็อตก็หลุดจากเถาถั่วมาได้ เขาไม่ได้หวังให้คาถาระดับต่ำผูกมัดออร์คระดับเหนือมนุษย์ที่ทรงพลังตัวนี้ไว้เกินหนึ่งนาที
ทุกอย่างยังคงอยู่ในการคำนวน
เมื่อโอด็อตหลุดออกมาได้ มันที่ใช้จิตรสัมผัสเพ่งไปที่ออสบอร์นตลอดเวลาก็วิ่งมาถึงหน้าของพ่อมดเฒ่า
ในทันทีนั้น ใต้เท้าของมันก็สั่นสะเทือนและปรากฎวัตถุประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์สูงห้าเมตรขึ้นมา
ออสอบร์นใช้คาถาอัญเชิญโกเลมดิน!
ตอนนั้นเองพลังเวทย์ของเขาก็เริ่มหมดลง
พ่อมดเฒ่ารีบวิ่งออกมาจากกลุ่มหมอกเพื่อหวังจะไปให้พ้นขอบเขตจิตรสัมผัสของโอด็อต คาถาลวงตาระดับต่ำไม่มีผลกับมันเลย
ในจิตรสัมผัสของโอด็อตเห็นรูปร่างของมนุษย์รางๆที่กำลังวิ่งออกไปจากระยะจิตรสัมผัสของมันไกลขึ้นเรื่อยๆ มันต้องการตามไปจับผู้บุกรุกคนนี้ แต่น่าเสียดายที่โกเลมดินระดับพื้นฐานไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
ขณะเดียวกันออร์คเหนือมนุษย์สี่ตัวด้านหลังก็ปะทุพลังออกมาพร้อมกัน พลังที่กราดเกรี้ยวเหมือนสายลมกรรโชกพัดพาออกไปทุกทิศทุกทางทำให้หมอกจางลงจนเกือบหายไป
หากออสบอร์นต้องการใช้มุกเดิมอีกก็เกรงว่าจะทำไม่ได้แล้ว
เหตุที่ก่อนหน้านี้พวกมันถูกออสบอร์นปั่นหัวก็เพราะว่าไม่คุ้นชินกับพลังที่แปลกประหลาดของเขา
โกเลมดินระดับพื้นฐานที่เจอกับพลังอันไม่มีที่สิ้นสุดของโอด็อตเข้าไปก็เริ่มตรึงกำลังเอาไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งออร์คเหนือมนุษย์อีกสี่ตัวเข้าร่วมด้วย โกเลมดินจึงพังทลายลงทันที
นับเวลาตั้งแต่ถูกอัญเชิญออกมาจนถึงตอนนี้เพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น
แต่ก็เพียงพอให้ออสบอร์นหนีไปจนลับตา
ศึกครั้งนี้พ่อมดเฒ่าชนะในที่สุด