ตอนที่แล้วตอนที่ 5 เตรียมตัวออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 โอด็อต จอมเสียบ

ตอนที่ 6 เหมืองอิกซอร์


ออสบอร์นเข้ามาคุยกับพวกสัตว์ที่ด้านหลังกระท่อม เพื่อให้พวกมันคอยดูแลสวนและปกป้องบริเวณกระท่อมในตอนที่เขาไม่อยู่ พวกสัตว์เหล่านี้สามารถไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง และเขาเชื่อว่าออกัสคงจะคอยดูให้อีกที หากเด็กชายไม่รบกวนเขาจนเกินไปละนะ

เมื่อมั่นใจว่าตนไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลอีกแล้ว พ่อมดเฒ่าจึงได้มาหาจ่าฝูงออทัมน์เพื่อวางแผนเดินทางในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้

ออสบอร์น จะพาหมีสีน้ำตาลนิค และหมาป่าที่รู้ความไปอีกสองตัวเพื่อนำทางเขาไปยังเหมืองอิกซอร์

อันที่จริงออสบอร์นก็รู้เส้นทางไปยังเหมืองอิกซอร์เช่นกัน แต่การให้เจ้าถิ่นเป็นผู้นำก็คงจะเป็นความคิดที่ดีมากกว่า

นอกจากนี้เส้นทางที่เขาเคยใช้ก็ผ่านมานานถึงสิบปีแล้ว อะไรๆก็อาจเปลี่ยนไป

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยออสบอร์นก็กลับมายังกระท่อมของเขา เมื่อเข้ามาข้างในแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าเขามีเตียงแค่เตียงเดียวและตอนนี้มันก็ถูกเด็กชายยึดไป

"อ่านหนังสืออยู่รึ"

พ่อมดเฒ่าเอ่ยทักเด็กชายบนเตียง ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ชื่อของคนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้

"คุณเป็นใครกันแน่?"

เด็กชายปิดหนังสือและหันไปคุยกับออสบอร์น เขาสังเกตกระท่อมหลังนี้มาทั้งวันแล้ว มันเต็มไปด้วยหนังสือและอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุบางส่วน ในความคิดของเขาชายชราคนนี้คงไม่ธรรมดา

สุดท้ายแล้วไม่มีคนธรรมดาที่ไหนจะสามารถอยู่รอดในป่าต้องห้ามได้เกินสามวัน ไม่ต้องพูดถึงการอาศัยที่แห่งนี้เป็นบ้านเหมือนที่ชายชราทำ

"เธอควรแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ก่อนกระมัง"

ออสบอร์นหยิบไปป์ออกมาสูบ ใช้สายตาที่ลุ่มลึกมองไปยังเด็กชาย เขาเองก็สงสัยในตัวตนของเด็กคนนี้เช่นกัน เพราะกลุ่มคนที่ตามหาตัวเด็กคนนี้อยู่ไม่ใช่กองกำลังธรรมดา

นักรบเหนือมนุษย์แม้ไม่ได้หายากเช่นพ่อมดอย่างเขา แต่ก็ไม่อาจมองว่าเป็นหัวผักกาดตามตลาดนัด

ในอาณาจักรใดก็ตามนักรบเหนือมนุษย์ถือว่าเป็นทรัพยากรล้ำค่า และเป็นกำลังหลักของอาณาจักร

เด็กชายไม่คิดจะปิดบังอะไรกับชายชราตรงหน้าเขาตอบไปตามความจริง

"ผมชื่อ โรอา ก็อน"

เมื่อพูดจบ เด็กชายก็คอยสังเกตสีหน้าของชายชรา นามสกุลก็อน เป็นของตระกูลก็อนอันยิ่งใหญ่ในอาณาจักรรัสเซล ประชาชนทุกคนในอาณาจักรล้วนทราบถึงอำนาจของนามสกุลนี้ดี ดังนั้นชายชราตรงหน้าควรมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่บ้าง

แต่เขาคิดผิด ออสบอร์นไม่รู้จักตระกูลก็อนแห่งรัสเซลเลย เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้ออกจากป่าแห่งนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว

ตอนที่เจ้าของร่างคนเก่าหมดอายุขัย เขามีอายุสองร้อยสิบสี่ปีเต็ม และเป็นลูกศิษย์ของพ่อมดแห่งมหาทวีปรุ่นสุดท้าย

"เธอเรียกฉันว่าออสบอร์นก็ได้"

ชายชราตอบส่งๆ และสูบไปป์ของเขาต่อไป

"คุณเป็นใครกันแน่?"

เด็กชายถามคำถามเดิม

"ก็ ออสบอร์นไง"

"ไม่ใช่ เอ่อ คุณคือคนธรรมดาหรือเปล่า? ประมาณนั้นมั้ง"

ออสบอร์นไม่ตอบทันทีแต่สูบไปป์เข้าไปฟอดใหญ่ และจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กชาย ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ไฟในเตาผิงเริ่มหม่นแสงลงเหมือนใกล้จะดับ ความมืดเริ่มเคลื่อนย้ายเข้ามาภายในกระท่อม

ตอนนั้นเองที่เขายื่นฝ่ามือไปเบื้องหน้าของเด็กชายและกางออกช้าๆมันมีแสงไฟสีขาวอยู่บนนั้น แสงไฟพุ่งเข้าปะทะหน้าของเด็กชายจนผงะไป

ตลอดชีวิตของโรอาไม่เคยเจออะไรแแบนี้เลย เขารู้สึกกลัว

"คนธรรมดาไล่ดยุกเหนือมนุษย์คนนั้นไปไม่ได้หรอก"

ออสบอร์นยิ้ม เขาแค่อยากลดความโอหังของเด็กชายลง

"คุณใช้เวทมนตร์ได้ คุณเป็นวอร์ล็อค!"

โรอาตกใจมาก เขานึกไปถึงพวกคนชั่วร้ายที่ชอบจับมนุษย์มาทดลองทางเวทมนตร์ ในหนังสือที่เขาอ่านเจอบางเล่มระบุแม้กระทั่งว่าพวกวอร์ล็อคชอบทรมานเด็กผู้ชายมากเป็นพิเศษ พวกเขาจะใช้วิธีการทารุณทุกประเภทที่คิดได้กระทำกับทาสมนุษย์

นอกจากจุดประสงค์ในการทดลองแล้ว ก็เพื่อสร้างความสนุกสนานก่อนจะฆ่าทิ้งและนำศพของพวกเขามาทำอันเดด

แต่คนตรงหน้าไม่มีส่วนไหนที่เหมือนกับวอร์ล็อคในหนังสือเลย และที่สำคัญคือพวกวอร์ล็อคทั้งหมดอาศัยอยู่ในอาณาจักรสุดขอบตะวันตกของมหาทวีป โดยมีจักรวรรดิเฮอราบอสคอยเฝ้าระวังอยู่ มันไม่ควรมาปรากฎตัวในแดนตะวันออกของทวีปเช่นป่าต้องห้าม

"เหลวไหล! ฉันมีเกียรติมากกว่าพวกมันมากนัก ฉันคือศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเชี่ยวนะ"

ออสบอร์นเชิดจมูกขึ้นเล็กน้อยตอนพูดถึงตัวเขาเอง

"ศาสตราจารย์?"

โรอามีสีหน้างุนงงทันที ตอนนั้นเองออสบอร์นก็นึกขึ้นได้ว่าในโลกนี้ไม่มีคำว่าศาสตราจารย์ เด็กชายจะไม่เข้าใจก็ไม่แปลก

"ศาสตราจารย์ หากเทียบกับภาษาของเธอ ก็คงเป็นพวกนักปราชญ์"

โรอาพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ แต่นักปราชญ์ที่ไหนเขาใช้เวทมนตร์ได้กัน? นี่คิดจะหรอกเด็กกันใช่ไหมตาแก่นี่

"เลิกสงสัยได้แล้ว กินยาแล้วก็นอนพักสะ พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางไปทางตะวันตกคงใช้เวลาสักสองอาทิตย์เป็นอย่างน้อย เธอคงต้องอยู่ที่นี่คนเดียวไปก่อน ฉันยังคงแนะนำเหมือนเดิม ถ้าต้องการอะไรให้บอกออกัสได้ ฉันจะทิ้งเขาไว้กับนาย"

โรอาตอบรับชายชราเบาๆและกลับไปสนใจหนังสือในมือของเขาต่อ

ออสบอร์นหาผ้าห่มออกมาหน้ากระท่อม นอนลงบนเก้าอี้โยกและหลับไป

ในวันถัดมาเขาออกเดินทางทันทีที่แสงอาทิตย์โผล่มาถึงขอบฟ้า

พ่อมดเฒ่า หมีหนึ่งตัวและหมาอีกสองตัวดูเหมือนว่าจะเป็นคณะที่เทียบไม่ได้กับทีมผู้พิทักษ์ในเดอะลอร์ดอ็อฟเดอะริงส์

แต่ก็นั่นละเขาไม่รู้จักใครในโลกนี้เลย พูดอีกอย่างคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักนั้นได้ตายกันไปหมดแล้ว

พ่อมดระดับต่ำทั่วไปมีอายุไม่เกินสามร้อยปี แต่อายุข้างต้นเป็นขีดจำกัดระดับสูงเท่านั้น พ่อมดส่วนใหญ่จะตายก่อนอายุสองร้อยห้าสิบปี ก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาในโลกที่แล้ว พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงร้อยปีหรือมากกว่านั้น แต่น้อยคนนักที่จะอยู่ถึง

"เรามาถึงหุบเขาผีเสื้อแล้ว"

ออสบอร์นมองไปยังหุบเขาขนาดเล็กตรงหน้า มันเป็นที่อาศัยของพวกผีเสื้อพิษที่ออสบอร์นใช้ผงจากร่างกายของมันต่อกรกับกองทหารม้า

ทุกสิบปีพวกมันจะผสมพันธุ์หนึ่งครั้ง หลังจากผสมพันธุ์เสร็จแล้วจะสามารถวางไข่ได้ทันที หลังจากนั้นก็จะตายภายในหนึ่งวัน ซากผีเสื้อหลายร้อยตัวจะหล่นร่วงลงไปในหุบเขา ออสบอร์นจะใช้โอกาสนี้มาเก็บพวกมันไปเพื่อทำเป็นผงผีเสื้อพิษ

ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงผสมพันธุ์เขาเลยไม่ได้เข้าไป

หุบเขาแห่งนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างกระท่อมของเขาและเหมืองอิกซอร์ ตอนนี้ผ่านมาสี่วันแล้ว เหลือเส้นทางอีกครึ่งหนึ่งให้พวกเขาเดินทางต่อ

ออสบอร์นพักที่หน้าหุบเขาแห่งนี้หนึ่งคืนและเดินทางจากไปในตอนเช้า

เมื่อถึงวันที่แปดพวกเขาก็มาถึงใต้เทือกเขาอิกซอร์ ออสบอร์นสังเกตได้ว่าต้นไม้บริเวณนี้ถูกตัดโค่นไปจนหมด ไม่มีสัตว์ตัวใดอาศัยอยู่เลย

ทุกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตายและความสิ้นหวัง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเผ่าพันธุ์ออร์ค ที่นำความเลวร้ายไปสู่ทุกที่ที่มันไป

เหมืองอิกซอร์อยู่อีกด้านของเทือกเขาลูกนี้ มันทอดยาวไปตลอดแนวของอ่าวพินกวิก เป็นอาณานิคมด่านหน้าของพวกคนแคระ

เทือกเขาอิกซอร์เป็นภูเขาสีแดงที่เต็มไปด้วยแร่เหล็กล้ำค่า เป็นแหล่งโลหะสำคัญในแถบตะวันออก

เมื่อขุดลึกลงไป พวกคนแคระก็พบกับขุมทรัพย์พิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหนในมหาทวีป "โอริคัลคอส" หรือ "โอริคัลคุม" แร่หายากที่มีความแข็งเท่ากับเพชรและทนทานกว่าเหล็กกล้าถึงสิบเท่า

พวกคนแคระใช้มันเคลือบกำแพงเมืองชั้นนอกของมิวอล์สต็อก นครสูงสุดของเหล่าคนแคระ ตลอดจนใช้มันประดับประดาพระราชวัง และสร้างอาวุธชั้นเลิศให้กับกองทัพ

เมืองทั้งเมืองของมิวอล์สต็อกจึงแววาวไปด้วยแสงสีแดงของโลหะชนิดนี้

เพราะความหายากของมันทำให้ปริมาณที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โอริคัลคุมจึงถูกจำกัดการใช้ไว้เฉพาะกับพวกคนแคระเท่านั้น การผูกขาดแร่ชนิดนี้ของพวกเขาทำให้เกิดความขุ่นเคืองกับกองกำลังอื่นๆในมหาทวีปมาจนถึงปัจจุบัน

"ฉันจะขึ้นไปคนเดียว นิคนายรอฉันอยู่ในถ้ำที่เราผ่านกันมาเมื่อครู่นี้ ส่วนพวกนายสองตัวก็กลับไปหาฝูงได้เลย"

ออสบอร์นวางแผนกับลูกน้องสี่ขาและสองขาของเขา เมื่อมองหมาป่าสองตัววิ่งหายเข้าไปในป่าต้องห้ามแล้ว เขาก็หันมาคุยกับหมีสีน้ำตาลนิคต่อ

"นิค ถ้าฉันยังไม่กลับมาภายในสามวัน ให้นายกลับไปกระท่อมก่อนได้เลย"

หมีสีน้ำตาลพูดงึมงำในลำคอออกมา มันฟังคำสั่งของออสบอร์นเสมอ

พ่อมดเฒ่ามองไปยังทางเข้าเหมืองด้านหลัง มันมีประตูที่ถูกขุดทะลุไปยังเหมืองด้านหน้า ประตูบานนี้สร้างอย่างง่ายๆไม่มีบานประตูปิดไว้ มีเพียงท่อนไม้สามท่อนวางพาดเป็นคานและกรอบประตู

ประตูทั้งสองด้านมีออร์คเฝ้าเอาไว้

"พวกมันมาอยู่ที่นี่จริงๆ คนแคระด้านในคงเจอเรื่องร้ายมากกว่าดี"

เหตุผลเดียวที่ทำให้ออร์คครอบครองเหมืองแห่งนี้เอาไว้ได้ คือพวกคนแคระในเหมืองต้องตายหมดแล้วเท่านั้ัน

ภารกิจของเขาคือการเข้าไปสืบความลับในการเคลื่อนทัพของพวกมัน ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้าโดยตรง ดังนั้นเขาแค่ต้องแฝงตัวเข้าไปในเหมืองแห่งนี้และรีบออกมาโดยเร็วที่สุด บังเอิญว่าแผนการที่เขาคิดเอาไว้จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งของบางอย่างในตัวของออร์คเฝ้าประตู

"เฮ้ แกเหลือเนื้อบ้างไหม ฉันไม่ได้กินเนื้อมาสองวันแล้ว"

ออร์คตัวแรกพูดกับออร์คตัวที่สอง

"หึ แกคิดว่าฉันจะแบ่งให้แกหรอ ฝันไปเถอะ"

"ทำไมนายท่านไม่ยอมให้เราเข้าไปในป่าให้ลึกกว่านี้ พวกสัตว์แถบนี้หนีไปหมดแล้ว"

"รอกองทัพที่สองมาถึงเมื่อไหร่เราก็จะมีเสบียงเพียงพอไปอีกหลายเดือน ข้าเบื่อพวกเนื้อคนแคระเต็มที"

ออสบอร์นเฝ้ามองออร์คทั้งสองตัวพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าลมเริ่มพัดแรงขึ้นเขาก็อาศัยจังหวะนี้ใช้คาถาปลุกจิตรวิญญาณผีเสื้อใส่พวกมัน

ออร์คที่ไม่รู้อะไรเลยก็ได้แต่ร้องโวยวายและถอดชุดเกราะกับเสื้อผ้าออกทีละชิ้น

ออสบอร์นที่ร่ายคาถาลวงตาใส่ตนเองไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจึงย่องเข้าไปขโมยเสื้อผ้าที่ขาดวินเหมือนผ้าขี้ริ้วของพวกมันออกมา พ่อมดเฒ่าใช้เสื้อผ้าเหม็นสาบเหล่านี้มาคลุมตัวเองเอาไว้จนดูเหมือนขอทาน

แม้คาถาลวงตาจะช่วยให้พวกออร์คไม่ทันสังเกตเขา แต่จมูกของพวกออร์คกลับไว้ต่อกลิ่นมากพอๆกับสุนัข ออสบอร์นจำเป็นต้องใช้กลิ่นสาบจากเสื้อผ้าเพื่ออำพรางกลิ่นเฉพาะตัวของตนเองไว้

ออร์คเฝ้าประตูที่กำลังทุรนทุรายไม่ทันได้สังเกตกลิ่นที่ผิดปกติไป เมื่อออสบอร์นเข้ามาขโมยเสื้อผ้าของพวกมัน ออสบอร์นที่ทำทุกอย่างราบรื่นตามที่วางแผนไว้จึงรีบเดินเข้าไปในเหมืองทันที

บรรยากาศมืดและแห้งทำให้ออสบอร์นมองเห็นได้น้อยลง แต่ยังดีที่พวกออร์คติดคบเพลิงเอาไว้ทุกๆยี่สิบเมตร เขาต้องคอยระวังไม่ให้เงาของตนเองตกทอดไปบนผนังถ้ำ

คาถาลวงตาช่วยปกปิดร่างกายของเขาเท่านั้น ไม่ได้ทำให้มันหายไปโดยสมบูรณ์เมื่อเจอกับคบเพลิงย่อมตกกระทบจนเกิดเป็นเงาคนรางๆ

ออสบอร์นใช้ประสามสัมผัสของพ่อมดเดินไปตามทิศทางที่กลิ่นของพวกออร์ครุนแรงที่สุด เขาคาดคะเนว่าพวกมันคงรวมตัวกันที่นั่น

เหมืองอิกซอร์ถูกขุดลึกลงไปเท่าที่คนแคระจะสามารถทำได้เพื่อเอาแร่โอริคัลคุมออกมา หลายครั้งที่เส้นทางคดเคี้ยวและคับแคบเกือบทำให้พ่อมดเฒ่าตกลงไปตาย

เมื่อออสบอร์นเดินมาจนสุดทางเขาก็พบกับหน้าผาภายในถ้ำที่เกิดจากการขุดหาแร่ของคนแคระ หน้าผานี้ควรลึกกว่าสามกิโลเมตรเมื่อสังเกตจากเงาของคบเพลิงที่เสียบเอาไว้ริมหน้าผา

พ่อมดเฒ่ามองหาสะพานเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง เขาเจอมันห่างออกไปร้อยเมตรด้านขวามือ ฝีเท้าของเขาเบามาก แม้ระหว่างทางจะเจอกับกองลาดตระเวนของพวกออร์คก็สามารถหลบออกมาได้

ตราบใดที่พวกออร์คไม่มีนักรบระดับเหนือมนุษย์ที่มีพลังจิตรแข็งแกร่ง พวกมันก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านคาถาลวงตาของพ่อมด

4 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด