ตอนที่ 6 เหมืองอิกซอร์
ออสบอร์นเข้ามาคุยกับพวกสัตว์ที่ด้านหลังกระท่อม เพื่อให้พวกมันคอยดูแลสวนและปกป้องบริเวณกระท่อมในตอนที่เขาไม่อยู่ พวกสัตว์เหล่านี้สามารถไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง และเขาเชื่อว่าออกัสคงจะคอยดูให้อีกที หากเด็กชายไม่รบกวนเขาจนเกินไปละนะ
เมื่อมั่นใจว่าตนไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลอีกแล้ว พ่อมดเฒ่าจึงได้มาหาจ่าฝูงออทัมน์เพื่อวางแผนเดินทางในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
ออสบอร์น จะพาหมีสีน้ำตาลนิค และหมาป่าที่รู้ความไปอีกสองตัวเพื่อนำทางเขาไปยังเหมืองอิกซอร์
อันที่จริงออสบอร์นก็รู้เส้นทางไปยังเหมืองอิกซอร์เช่นกัน แต่การให้เจ้าถิ่นเป็นผู้นำก็คงจะเป็นความคิดที่ดีมากกว่า
นอกจากนี้เส้นทางที่เขาเคยใช้ก็ผ่านมานานถึงสิบปีแล้ว อะไรๆก็อาจเปลี่ยนไป
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยออสบอร์นก็กลับมายังกระท่อมของเขา เมื่อเข้ามาข้างในแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าเขามีเตียงแค่เตียงเดียวและตอนนี้มันก็ถูกเด็กชายยึดไป
"อ่านหนังสืออยู่รึ"
พ่อมดเฒ่าเอ่ยทักเด็กชายบนเตียง ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ชื่อของคนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้
"คุณเป็นใครกันแน่?"
เด็กชายปิดหนังสือและหันไปคุยกับออสบอร์น เขาสังเกตกระท่อมหลังนี้มาทั้งวันแล้ว มันเต็มไปด้วยหนังสือและอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุบางส่วน ในความคิดของเขาชายชราคนนี้คงไม่ธรรมดา
สุดท้ายแล้วไม่มีคนธรรมดาที่ไหนจะสามารถอยู่รอดในป่าต้องห้ามได้เกินสามวัน ไม่ต้องพูดถึงการอาศัยที่แห่งนี้เป็นบ้านเหมือนที่ชายชราทำ
"เธอควรแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ก่อนกระมัง"
ออสบอร์นหยิบไปป์ออกมาสูบ ใช้สายตาที่ลุ่มลึกมองไปยังเด็กชาย เขาเองก็สงสัยในตัวตนของเด็กคนนี้เช่นกัน เพราะกลุ่มคนที่ตามหาตัวเด็กคนนี้อยู่ไม่ใช่กองกำลังธรรมดา
นักรบเหนือมนุษย์แม้ไม่ได้หายากเช่นพ่อมดอย่างเขา แต่ก็ไม่อาจมองว่าเป็นหัวผักกาดตามตลาดนัด
ในอาณาจักรใดก็ตามนักรบเหนือมนุษย์ถือว่าเป็นทรัพยากรล้ำค่า และเป็นกำลังหลักของอาณาจักร
เด็กชายไม่คิดจะปิดบังอะไรกับชายชราตรงหน้าเขาตอบไปตามความจริง
"ผมชื่อ โรอา ก็อน"
เมื่อพูดจบ เด็กชายก็คอยสังเกตสีหน้าของชายชรา นามสกุลก็อน เป็นของตระกูลก็อนอันยิ่งใหญ่ในอาณาจักรรัสเซล ประชาชนทุกคนในอาณาจักรล้วนทราบถึงอำนาจของนามสกุลนี้ดี ดังนั้นชายชราตรงหน้าควรมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่บ้าง
แต่เขาคิดผิด ออสบอร์นไม่รู้จักตระกูลก็อนแห่งรัสเซลเลย เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้ออกจากป่าแห่งนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว
ตอนที่เจ้าของร่างคนเก่าหมดอายุขัย เขามีอายุสองร้อยสิบสี่ปีเต็ม และเป็นลูกศิษย์ของพ่อมดแห่งมหาทวีปรุ่นสุดท้าย
"เธอเรียกฉันว่าออสบอร์นก็ได้"
ชายชราตอบส่งๆ และสูบไปป์ของเขาต่อไป
"คุณเป็นใครกันแน่?"
เด็กชายถามคำถามเดิม
"ก็ ออสบอร์นไง"
"ไม่ใช่ เอ่อ คุณคือคนธรรมดาหรือเปล่า? ประมาณนั้นมั้ง"
ออสบอร์นไม่ตอบทันทีแต่สูบไปป์เข้าไปฟอดใหญ่ และจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กชาย ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ไฟในเตาผิงเริ่มหม่นแสงลงเหมือนใกล้จะดับ ความมืดเริ่มเคลื่อนย้ายเข้ามาภายในกระท่อม
ตอนนั้นเองที่เขายื่นฝ่ามือไปเบื้องหน้าของเด็กชายและกางออกช้าๆมันมีแสงไฟสีขาวอยู่บนนั้น แสงไฟพุ่งเข้าปะทะหน้าของเด็กชายจนผงะไป
ตลอดชีวิตของโรอาไม่เคยเจออะไรแแบนี้เลย เขารู้สึกกลัว
"คนธรรมดาไล่ดยุกเหนือมนุษย์คนนั้นไปไม่ได้หรอก"
ออสบอร์นยิ้ม เขาแค่อยากลดความโอหังของเด็กชายลง
"คุณใช้เวทมนตร์ได้ คุณเป็นวอร์ล็อค!"
โรอาตกใจมาก เขานึกไปถึงพวกคนชั่วร้ายที่ชอบจับมนุษย์มาทดลองทางเวทมนตร์ ในหนังสือที่เขาอ่านเจอบางเล่มระบุแม้กระทั่งว่าพวกวอร์ล็อคชอบทรมานเด็กผู้ชายมากเป็นพิเศษ พวกเขาจะใช้วิธีการทารุณทุกประเภทที่คิดได้กระทำกับทาสมนุษย์
นอกจากจุดประสงค์ในการทดลองแล้ว ก็เพื่อสร้างความสนุกสนานก่อนจะฆ่าทิ้งและนำศพของพวกเขามาทำอันเดด
แต่คนตรงหน้าไม่มีส่วนไหนที่เหมือนกับวอร์ล็อคในหนังสือเลย และที่สำคัญคือพวกวอร์ล็อคทั้งหมดอาศัยอยู่ในอาณาจักรสุดขอบตะวันตกของมหาทวีป โดยมีจักรวรรดิเฮอราบอสคอยเฝ้าระวังอยู่ มันไม่ควรมาปรากฎตัวในแดนตะวันออกของทวีปเช่นป่าต้องห้าม
"เหลวไหล! ฉันมีเกียรติมากกว่าพวกมันมากนัก ฉันคือศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเชี่ยวนะ"
ออสบอร์นเชิดจมูกขึ้นเล็กน้อยตอนพูดถึงตัวเขาเอง
"ศาสตราจารย์?"
โรอามีสีหน้างุนงงทันที ตอนนั้นเองออสบอร์นก็นึกขึ้นได้ว่าในโลกนี้ไม่มีคำว่าศาสตราจารย์ เด็กชายจะไม่เข้าใจก็ไม่แปลก
"ศาสตราจารย์ หากเทียบกับภาษาของเธอ ก็คงเป็นพวกนักปราชญ์"
โรอาพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ แต่นักปราชญ์ที่ไหนเขาใช้เวทมนตร์ได้กัน? นี่คิดจะหรอกเด็กกันใช่ไหมตาแก่นี่
"เลิกสงสัยได้แล้ว กินยาแล้วก็นอนพักสะ พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางไปทางตะวันตกคงใช้เวลาสักสองอาทิตย์เป็นอย่างน้อย เธอคงต้องอยู่ที่นี่คนเดียวไปก่อน ฉันยังคงแนะนำเหมือนเดิม ถ้าต้องการอะไรให้บอกออกัสได้ ฉันจะทิ้งเขาไว้กับนาย"
โรอาตอบรับชายชราเบาๆและกลับไปสนใจหนังสือในมือของเขาต่อ
ออสบอร์นหาผ้าห่มออกมาหน้ากระท่อม นอนลงบนเก้าอี้โยกและหลับไป
ในวันถัดมาเขาออกเดินทางทันทีที่แสงอาทิตย์โผล่มาถึงขอบฟ้า
พ่อมดเฒ่า หมีหนึ่งตัวและหมาอีกสองตัวดูเหมือนว่าจะเป็นคณะที่เทียบไม่ได้กับทีมผู้พิทักษ์ในเดอะลอร์ดอ็อฟเดอะริงส์
แต่ก็นั่นละเขาไม่รู้จักใครในโลกนี้เลย พูดอีกอย่างคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักนั้นได้ตายกันไปหมดแล้ว
พ่อมดระดับต่ำทั่วไปมีอายุไม่เกินสามร้อยปี แต่อายุข้างต้นเป็นขีดจำกัดระดับสูงเท่านั้น พ่อมดส่วนใหญ่จะตายก่อนอายุสองร้อยห้าสิบปี ก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาในโลกที่แล้ว พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงร้อยปีหรือมากกว่านั้น แต่น้อยคนนักที่จะอยู่ถึง
"เรามาถึงหุบเขาผีเสื้อแล้ว"
ออสบอร์นมองไปยังหุบเขาขนาดเล็กตรงหน้า มันเป็นที่อาศัยของพวกผีเสื้อพิษที่ออสบอร์นใช้ผงจากร่างกายของมันต่อกรกับกองทหารม้า
ทุกสิบปีพวกมันจะผสมพันธุ์หนึ่งครั้ง หลังจากผสมพันธุ์เสร็จแล้วจะสามารถวางไข่ได้ทันที หลังจากนั้นก็จะตายภายในหนึ่งวัน ซากผีเสื้อหลายร้อยตัวจะหล่นร่วงลงไปในหุบเขา ออสบอร์นจะใช้โอกาสนี้มาเก็บพวกมันไปเพื่อทำเป็นผงผีเสื้อพิษ
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงผสมพันธุ์เขาเลยไม่ได้เข้าไป
หุบเขาแห่งนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างกระท่อมของเขาและเหมืองอิกซอร์ ตอนนี้ผ่านมาสี่วันแล้ว เหลือเส้นทางอีกครึ่งหนึ่งให้พวกเขาเดินทางต่อ
ออสบอร์นพักที่หน้าหุบเขาแห่งนี้หนึ่งคืนและเดินทางจากไปในตอนเช้า
เมื่อถึงวันที่แปดพวกเขาก็มาถึงใต้เทือกเขาอิกซอร์ ออสบอร์นสังเกตได้ว่าต้นไม้บริเวณนี้ถูกตัดโค่นไปจนหมด ไม่มีสัตว์ตัวใดอาศัยอยู่เลย
ทุกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตายและความสิ้นหวัง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเผ่าพันธุ์ออร์ค ที่นำความเลวร้ายไปสู่ทุกที่ที่มันไป
เหมืองอิกซอร์อยู่อีกด้านของเทือกเขาลูกนี้ มันทอดยาวไปตลอดแนวของอ่าวพินกวิก เป็นอาณานิคมด่านหน้าของพวกคนแคระ
เทือกเขาอิกซอร์เป็นภูเขาสีแดงที่เต็มไปด้วยแร่เหล็กล้ำค่า เป็นแหล่งโลหะสำคัญในแถบตะวันออก
เมื่อขุดลึกลงไป พวกคนแคระก็พบกับขุมทรัพย์พิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหนในมหาทวีป "โอริคัลคอส" หรือ "โอริคัลคุม" แร่หายากที่มีความแข็งเท่ากับเพชรและทนทานกว่าเหล็กกล้าถึงสิบเท่า
พวกคนแคระใช้มันเคลือบกำแพงเมืองชั้นนอกของมิวอล์สต็อก นครสูงสุดของเหล่าคนแคระ ตลอดจนใช้มันประดับประดาพระราชวัง และสร้างอาวุธชั้นเลิศให้กับกองทัพ
เมืองทั้งเมืองของมิวอล์สต็อกจึงแววาวไปด้วยแสงสีแดงของโลหะชนิดนี้
เพราะความหายากของมันทำให้ปริมาณที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โอริคัลคุมจึงถูกจำกัดการใช้ไว้เฉพาะกับพวกคนแคระเท่านั้น การผูกขาดแร่ชนิดนี้ของพวกเขาทำให้เกิดความขุ่นเคืองกับกองกำลังอื่นๆในมหาทวีปมาจนถึงปัจจุบัน
"ฉันจะขึ้นไปคนเดียว นิคนายรอฉันอยู่ในถ้ำที่เราผ่านกันมาเมื่อครู่นี้ ส่วนพวกนายสองตัวก็กลับไปหาฝูงได้เลย"
ออสบอร์นวางแผนกับลูกน้องสี่ขาและสองขาของเขา เมื่อมองหมาป่าสองตัววิ่งหายเข้าไปในป่าต้องห้ามแล้ว เขาก็หันมาคุยกับหมีสีน้ำตาลนิคต่อ
"นิค ถ้าฉันยังไม่กลับมาภายในสามวัน ให้นายกลับไปกระท่อมก่อนได้เลย"
หมีสีน้ำตาลพูดงึมงำในลำคอออกมา มันฟังคำสั่งของออสบอร์นเสมอ
พ่อมดเฒ่ามองไปยังทางเข้าเหมืองด้านหลัง มันมีประตูที่ถูกขุดทะลุไปยังเหมืองด้านหน้า ประตูบานนี้สร้างอย่างง่ายๆไม่มีบานประตูปิดไว้ มีเพียงท่อนไม้สามท่อนวางพาดเป็นคานและกรอบประตู
ประตูทั้งสองด้านมีออร์คเฝ้าเอาไว้
"พวกมันมาอยู่ที่นี่จริงๆ คนแคระด้านในคงเจอเรื่องร้ายมากกว่าดี"
เหตุผลเดียวที่ทำให้ออร์คครอบครองเหมืองแห่งนี้เอาไว้ได้ คือพวกคนแคระในเหมืองต้องตายหมดแล้วเท่านั้ัน
ภารกิจของเขาคือการเข้าไปสืบความลับในการเคลื่อนทัพของพวกมัน ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้าโดยตรง ดังนั้นเขาแค่ต้องแฝงตัวเข้าไปในเหมืองแห่งนี้และรีบออกมาโดยเร็วที่สุด บังเอิญว่าแผนการที่เขาคิดเอาไว้จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งของบางอย่างในตัวของออร์คเฝ้าประตู
"เฮ้ แกเหลือเนื้อบ้างไหม ฉันไม่ได้กินเนื้อมาสองวันแล้ว"
ออร์คตัวแรกพูดกับออร์คตัวที่สอง
"หึ แกคิดว่าฉันจะแบ่งให้แกหรอ ฝันไปเถอะ"
"ทำไมนายท่านไม่ยอมให้เราเข้าไปในป่าให้ลึกกว่านี้ พวกสัตว์แถบนี้หนีไปหมดแล้ว"
"รอกองทัพที่สองมาถึงเมื่อไหร่เราก็จะมีเสบียงเพียงพอไปอีกหลายเดือน ข้าเบื่อพวกเนื้อคนแคระเต็มที"
ออสบอร์นเฝ้ามองออร์คทั้งสองตัวพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าลมเริ่มพัดแรงขึ้นเขาก็อาศัยจังหวะนี้ใช้คาถาปลุกจิตรวิญญาณผีเสื้อใส่พวกมัน
ออร์คที่ไม่รู้อะไรเลยก็ได้แต่ร้องโวยวายและถอดชุดเกราะกับเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
ออสบอร์นที่ร่ายคาถาลวงตาใส่ตนเองไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจึงย่องเข้าไปขโมยเสื้อผ้าที่ขาดวินเหมือนผ้าขี้ริ้วของพวกมันออกมา พ่อมดเฒ่าใช้เสื้อผ้าเหม็นสาบเหล่านี้มาคลุมตัวเองเอาไว้จนดูเหมือนขอทาน
แม้คาถาลวงตาจะช่วยให้พวกออร์คไม่ทันสังเกตเขา แต่จมูกของพวกออร์คกลับไว้ต่อกลิ่นมากพอๆกับสุนัข ออสบอร์นจำเป็นต้องใช้กลิ่นสาบจากเสื้อผ้าเพื่ออำพรางกลิ่นเฉพาะตัวของตนเองไว้
ออร์คเฝ้าประตูที่กำลังทุรนทุรายไม่ทันได้สังเกตกลิ่นที่ผิดปกติไป เมื่อออสบอร์นเข้ามาขโมยเสื้อผ้าของพวกมัน ออสบอร์นที่ทำทุกอย่างราบรื่นตามที่วางแผนไว้จึงรีบเดินเข้าไปในเหมืองทันที
บรรยากาศมืดและแห้งทำให้ออสบอร์นมองเห็นได้น้อยลง แต่ยังดีที่พวกออร์คติดคบเพลิงเอาไว้ทุกๆยี่สิบเมตร เขาต้องคอยระวังไม่ให้เงาของตนเองตกทอดไปบนผนังถ้ำ
คาถาลวงตาช่วยปกปิดร่างกายของเขาเท่านั้น ไม่ได้ทำให้มันหายไปโดยสมบูรณ์เมื่อเจอกับคบเพลิงย่อมตกกระทบจนเกิดเป็นเงาคนรางๆ
ออสบอร์นใช้ประสามสัมผัสของพ่อมดเดินไปตามทิศทางที่กลิ่นของพวกออร์ครุนแรงที่สุด เขาคาดคะเนว่าพวกมันคงรวมตัวกันที่นั่น
เหมืองอิกซอร์ถูกขุดลึกลงไปเท่าที่คนแคระจะสามารถทำได้เพื่อเอาแร่โอริคัลคุมออกมา หลายครั้งที่เส้นทางคดเคี้ยวและคับแคบเกือบทำให้พ่อมดเฒ่าตกลงไปตาย
เมื่อออสบอร์นเดินมาจนสุดทางเขาก็พบกับหน้าผาภายในถ้ำที่เกิดจากการขุดหาแร่ของคนแคระ หน้าผานี้ควรลึกกว่าสามกิโลเมตรเมื่อสังเกตจากเงาของคบเพลิงที่เสียบเอาไว้ริมหน้าผา
พ่อมดเฒ่ามองหาสะพานเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง เขาเจอมันห่างออกไปร้อยเมตรด้านขวามือ ฝีเท้าของเขาเบามาก แม้ระหว่างทางจะเจอกับกองลาดตระเวนของพวกออร์คก็สามารถหลบออกมาได้
ตราบใดที่พวกออร์คไม่มีนักรบระดับเหนือมนุษย์ที่มีพลังจิตรแข็งแกร่ง พวกมันก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านคาถาลวงตาของพ่อมด