ตอนที่ 5 เตรียมตัวออกเดินทาง
[ชื่อ : เฟรเดอริก ออสบอร์น
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ค่าประสบการณ์ : 1500 / 10000 (พ่อมดระดับต่ำขั้นแรก)
พลังชีวิต : 150 / 150 (อายุขัย 80 ปี)
พลังเวทย์ : 17 / 17 (***+10 ชั่วคราวจากผลของอุปกรณ์)
พลังจิตร : 6 (ระดับปกติ)
สติปัญญา : 120 (ระดับนักปราชญ์)
สมาธิ : 100 (ระดับนักบวช)
ความสัมพันธ์ธาตุ : แสง 64 %,ไม้ 50 %,ดิน 42 %,น้ำ 31 %,ลม 25 %,ไฟ 12 %,มืด 2 %
คาถา : ลวงตา(ระดับต่ำ),เขาวงกต(ระดับต่ำ),รักษาบาดแผล(ระดับต่ำ),ชำระล้าง(ระดับต่ำ),ปลุกจิตรวิญญาณผีเสื้อ(ระดับต่ำ),เร่งการเติบโตของพืช(ระดับต่ำ),เรียกแสง(ระดับต่ำ),ผู้ใช้พฤกษา(ระดับต่ำ),ม่านพลังป้องกัน(ระดับต่ำ),สื่อจิตรสรรพสัตว์(ระดับพิเศษ),อัญเชิญโกเลมดิน(ระดับพื้นฐาน)
อุปกรณ์ : ไม้เท้าแห่งเทลเพริออน(ระดับกลาง) ]
ออสบอร์นดูหน้าต่างสถานะตรงหน้าอย่างจนใจ คุณสมบัติสูงๆเน้นหนักไปทางสมาธิและสติปัญญา สมกับที่ชาติก่อนเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจริงๆ
ตอนนี้เขาคาดคะเนระดับพลังของตัวเองได้คร่าวๆแล้ว พลังเวทย์หนึ่งหน่วยของเขาควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการฟื้นฟู
ตอนนี้เขามีพลังเวทย์อยู่เจ็ดหน่วยถูกจัดเป็นพ่อมดระดับต่ำขั้นล่างสุด น่าเวทนาเกินไปแล้ว
แต่โชคดีที่เขายังมีไม้เท้าระดับกลางที่ช่วยบวกค่าพลังเวทย์ไปถึงสิบหน่วย ทำให้เขาร่ายเวทย์มนต์ได้มากขึ้นอีกเท่าตัว
เขาชักจะชอบการทำภารกิจสะแล้วสิ
ในอนาคตต้องดูกันต่อไปว่าค่าสมาธิ ค่าสติปัญญาที่สูงๆนั้นสามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้างเพราะตอนร่ายเวทย์เขาก็ใช้แค่ค่าพลังเวทย์เท่านั้น
หรือการใช้เวทมนตร์ในระดับที่สูงขึ้นอาจมีค่าสมาธิและสติปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้
ออสบอร์นเดินออกไปไกลจากระท่อมประมาณหนึ่งร้อยเมตรและเตรียมจะทดลองใช้คาถาอัญเชิญโกเลม
พ่อมดเฒ่าจับไม้เท้าไว้ด้านหน้า เคลื่อนพลังจิตรกับพลังเวทย์เข้าไปภายใน ก่อนจะท่องคาถาอัญเชิญขึ้นเบาๆ
พื้นดินเบื้องหน้าของเขาสั่นอย่างรุนแรง มันไม่ได้สั่นเป็นวงกว้างเช่นแผ่นดินไหว แต่เป็นเฉพาะส่วนที่ออสบอร์นตั้งเป้าหมายไว้เท่านั้น คุณสมบัติของดินที่เรียกโกเลมออกมาก็มีส่วนในคุณภาพของโกเลมเช่นกัน
เพราะโกเลมที่ถูกอัญเชิญด้วยวิธีนี้ เป็นการยืมพลังจากจิตรวิญญาณธาตุดินขึ้นมาใช้ พวกมันจึงไม่มีแกนกลาง แต่ร่างกายที่เป็นดินทุกส่วนถูกโอบอุ้มด้วยพลังเวทย์และจิตรวิญญาณธาตุ
ดินในสถานที่ที่เรียกโกเลมออกมาจึงเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของคาถาประเภทนี้
ออสบอร์นมองดินสีน้ำตาลตรงหน้าที่ค่อยเคลื่อนที่ขึ้นมารวมกันเป็นหุ่นโกเลมขนาดห้าเมตร มันมีขาแขนเหมือนมนุษย์แต่กลับไม่มีใบหน้า มันเหมือนตุ๊กตาเด็กเล่นที่ถูกขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นมากกว่า
"ก็น่าประทับใจดีละนะ แต่มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่"
ออสบอร์นรู้สึกได้ว่าพลังเวทย์ถูกใช้ออกไปหลายหน่วยในครั้งเดียว เขากดหน้าต่างสถานะขึ้นมาดูก็พบว่าพลังเวทย์ลดลงไปห้าหน่วย สมกับเป็นคาถาระดับพื้นฐานจริงๆ
เขาสั่งให้โกเลมไปช่วยกระต่ายเฒ่าออกัสจัดการสวนสมุนไพรหลังกระท่อม แม้โกเลมจะมีสติปัญญาไม่สูงมาก เคลื่อนไหวก็เชื่องช้า แต่ก็มีพละเหลือเฟือ และยังคงอยู่ต่อไปอีกห้าชั่วโมงจนกว่าจะถูกทำลายหรือยกเลิกการอัญเชิญ
เขาที่เสียดายค่าพลังเวทย์ที่ใช้ไปจึงต้องให้มันทำงานชดเชยเสียหน่อย
ออสอบอร์นจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงเดินไปหาจ่าฝูงหมาป่า
ในความทรงจำของเขา จ่าฝูงตัวนี้ชื่อว่า"ออทัมน์" เจ้าของร่างคนเก่าเป็นคนตั้งให้มันเอง และเขายังตั้งชื่อให้กับสัตว์ป่าที่สามารถปลุกสติปัญญาได้อีกหลายตัว
"สวัสดีตอนเช้า ออทัมน์"
ออสบอร์นหยิบไปป์ไม้ทำมือสีดำออกมาจากกระเป๋าผ้าสีตุ่น เขาหยิบยาเส้นใส่เข้าไปและจุดไฟ
ชาติก่อนออสบอร์นแม้จะไม่ดื่มเหล่าแต่ชอบสูบบุหรี่มาก โชคดีที่เจ้าของร่างนี้ชอบสูบไปป์เช่นกัน เขาจึงใช้มันแทนบุหรี่เสียเลย แม้จะมีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่ก็พอทดแทนกันได้
จ่าฝูงออทัมน์ครางเสียงในลำคอเบาๆ บางครั้งก็เห่าเสียงดัง มันทำอย่างนี้อยู่หลายนาที ออสบอร์นที่นั่งฟังอยู่ก็พยักหน้าและโต้ตอบกับมันเป็นบางครั้ง
"เช่นนั้นก็เป็นพวกออร์คสินะ พวกมันควรอยู่ทางเหนือไม่ใช่หรือ หากจะเดินทางลงใต้เพื่อมาก่อความวุ่นวายที่นี้ ก็ยังมีป้อมวอร์บัส และเกลิออนขวางอยู่"
ออสบอร์นเว้นจังหวะให้จ่าฝูงออทัมน์ตอบคำถามของเขา และพูดต่อ
"นายเห็นพวกมันออกมาจากเหมืองอิกซอร์? พวกคนแคระไปไหนกันนะ?"
จากที่ออทัมน์เล่ามาพวกออร์คฝูงใหญ่ได้ลงมาจากเหมืองอิกซอร์ของพวกคนแคระ พวกมันตัดต้นไม้และขับไล่สัตว์ป่าในบริเวณตอนใต้ออกไป ออทัมน์ไม่มีทางเลือกมันจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากออสบอร์น
ในความทรงจำของเขา พวกคนแคระเป็นเผ่าพันธ์ที่หยิ่งทะนง กล้าหาญและขยัน พวกเขาไม่ควรปล่อยให้พวกออร์คอาละวาดอยู่ในพื้นที่ของตนเองแน่
ที่สำคัญคือพวกออร์คใช้วิธีใดในการเคลื่อนทัพลงมายังเหมืองอิกซอร์ที่ตั้งอยู่เกือบใต้สุดของมหาทวีปได้
เรื่องนี่มีเงื่อนงำแน่นอน!
[ติ้ง! ตรวจพบว่าป่าต้องห้ามด้านทิศใต้และภูเขาอิกซอร์ถูกบุกรุกโดยเผ่าพันธุ์ออร์ค ท่านที่รู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้จำต้องตรวจสอบการกระทำของพวกมัน ค้นหาปริศนาในการเคลื่อนทัพของออร์ค
-เงื่อนไขภารกิจ ก่อนพวกออร์คเคลื่อนทัพครั้งที่สองสำเร็จ
-รางวัลภารกิจ 1.ค่าประสบการณ์ + 5000 2.ชุดเซ็ทพ่อมดสีเงิน(อุปกรณ์ระดับกลาง) หมวก×1 ,เสื้อคลุม×1 ,รองเท้า×1
*หมายเหตุเมื่อสวมใส่ร่วมกันจะแสดงเอฟเฟคที่เทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับสูงได้]
มีภารกิจอีกแล้ว!
ออสบอร์นอดตื่นเต้นไม่ได้ อย่างไรเขาก็ต้องไปตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยให้สัตว์ป่าด้านทิศใต้อพยพขึ้นเหนือมากันหมดก็คงต้องวุ่นวายแน่นอน
ออสบอร์นรีบกลับมายังกระท่อมของเขาเพื่อเตรียมสัมภาระให้พร้อมเดินทางไกล เหมืองอิกซอร์ห่างจากกระท่อมของเขาไปหลายร้อยกิโลเมตร เขาที่เป็นพ่อมดก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยแปดวัน รวมเวลาไปกลับแล้วต้องใช้สองอาทิตย์เป็นอย่างต่ำ ของที่ต้องเตรียมจึงต้องเอาไปให้เพียงพอ
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในกระท่อม เด็กชายคนเมื่อคืนก็ตื่นขึ้นแล้ว
"หิวหรือยัง"
ออสบอร์นมองไปยังเหยือกน้ำบนหัวเตียง มันถูกเด็กชายดื่มจนหมด เขาคงหิวแล้ว
เด็กชายพยักหน้า ตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเลือกไว้ใจชายชราคนนี้
"ตกลง ฉันจะให้ออกัสเอาอาหารมาให้เธอ แต่เธอจะขยับแขนตอนนี้ไม่ได้ คงต้องผ่านไปสักสองอาทิตย์ถึงจะทำให้กระดูกเข้าที่
คงต้องให้ออกัสป้อนให้ก่อน และถ้าต้องการอะไรก็บอกเขาได้ เขาชอบฟังคนอื่นพูดมากเลยละ แต่ถ้าเขาไม่พูดกับเธอ ก็อย่าโกรธเขานะ เพราะเขาพูดไม่ได้น่ะ"
ชายชราพูดไม่หยุดขณะจัดของใส่ถุงผ้าสีตุ่นใบเก่า แต่เมื่อจัดไปจัดมาเขาก็ค้นพบว่ามันไม่พอใส่ ออสบอร์นที่ชอบเตรียมพร้อมไว้เสมอเลยรู้สึกหงุดหงิดใจ ก่อนจะเอาเป้หนังใบเก่าออกมา เขาเตรียมจะให้หมีสีน้ำตาลนิคสะพายมันไปกับเขาด้วย
เด็กชายเฝ้าดูคนแก่ที่รื้อนู้นรื้อนี่จนห้องที่รกอยู่แล้วกลายเป็นรังหนูโดยสมบูรณ์ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ คนแก่คนนี้คิดอะไรไวเกินไปจนการกระทำของตัวเขาเองตามไม่ทัน มันเลยทำให้เขาดูวุ่นวายโดยใช่เหตุ
ออสบอร์นเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วจึงเอาของทุกอย่างมากองไว้หน้าประตู และเดินออกไป เมื่อตัวของเขาใกล้จะพ้นขอบประตูไป เขาก็หันกลับมาคุยกับเด็กชายอีกครั้ง
"อ้อลืมบอกไป ที่ออกัสเขาพูดไม่ได้ ก็เพราะว่าเขาเป็นกระต่าย แต่อย่าเผลอเรียกเขาว่ากระต่ายเชียวไม่งั้นเขาจะโกรธน่าดู และฉันรับรองได้เลยว่าอาหารมื้อถัดไปของเธอจะน่าสยดสยองที่สุดในชีวิต"
ประโยคหลังออสบอร์นลดเสียงให้เบาลงจนเกือบกระซิบ เหมือนกำลังคุยเรื่องที่อันตรายถึงตายอย่างไรอย่างนั้น
เด็กชายจำคำพูดของเขาไว้แล้ว แต่ไม่ได้เอามาใส่ใจมากนักเพราะชายชราดูสติไม่สมประกอบเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับออกัสครั้งแรกก็ทำให้อึ้งไปเหมือนหัน
ออกัสเป็นกระต่ายตัวใหญ่ขนสีเทา มีขนสีขาวขึ้นอยู่ใต้จมูกจนเหมือนหนวดของคนแก่ เขาอาจสูงพอๆกับเด็กชายได้เลยหากนับหูยาวๆคู่นั้น
ในที่ที่เด็กชายจากมา พวกสัตว์ที่ปลุกสติปัญญาแล้วแทบไม่มีให้พบเห็น นอกจากพาหนะของชนชั้นสูงเช่นม้าที่ผสมกับสายพันธ์ุของสัตว์วิเศษจนปลุกสติปัญญาได้ตั้งแต่เกิด
สัตว์พวกนี้ถูกจับมาตั้งแต่เด็กและฝึกโดยผู้ฝึกสัตว์จากมหานครแดนเหนือ ที่รวมเอาเผ่าพันธุ์คนเถื่อนแดนเหนือไว้ทั้งหมด
อาณาจักรรัสเซลอยู่ทางใต้ของมหานครแดนเหนือ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะอาณาเขตที่ติดกันทำให้เกิดการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งสองอาณาจักรก็ยังต้องพึ่งพากันในด้านการค้า
ความสัมพันธ์นี้อาจจำกัดความได้ด้วยประโยคที่ว่า"เจ็บก็ต้องทนเพราะไม่เหลือคนให้รัก"