ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ภารกิจแรกสำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เหมืองอิกซอร์

ตอนที่ 5 เตรียมตัวออกเดินทาง


[ชื่อ : เฟรเดอริก ออสบอร์น

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

ค่าประสบการณ์ : 1500 / 10000 (พ่อมดระดับต่ำขั้นแรก)

พลังชีวิต : 150 / 150 (อายุขัย 80 ปี)

พลังเวทย์ : 17 / 17 (***+10 ชั่วคราวจากผลของอุปกรณ์)

พลังจิตร : 6 (ระดับปกติ)

สติปัญญา : 120 (ระดับนักปราชญ์)

สมาธิ : 100 (ระดับนักบวช)

ความสัมพันธ์ธาตุ : แสง 64 %,ไม้ 50 %,ดิน 42 %,น้ำ 31 %,ลม 25 %,ไฟ 12 %,มืด 2 %

คาถา : ลวงตา(ระดับต่ำ),เขาวงกต(ระดับต่ำ),รักษาบาดแผล(ระดับต่ำ),ชำระล้าง(ระดับต่ำ),ปลุกจิตรวิญญาณผีเสื้อ(ระดับต่ำ),เร่งการเติบโตของพืช(ระดับต่ำ),เรียกแสง(ระดับต่ำ),ผู้ใช้พฤกษา(ระดับต่ำ),ม่านพลังป้องกัน(ระดับต่ำ),สื่อจิตรสรรพสัตว์(ระดับพิเศษ),อัญเชิญโกเลมดิน(ระดับพื้นฐาน)

อุปกรณ์ : ไม้เท้าแห่งเทลเพริออน(ระดับกลาง) ]

ออสบอร์นดูหน้าต่างสถานะตรงหน้าอย่างจนใจ คุณสมบัติสูงๆเน้นหนักไปทางสมาธิและสติปัญญา สมกับที่ชาติก่อนเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจริงๆ

ตอนนี้เขาคาดคะเนระดับพลังของตัวเองได้คร่าวๆแล้ว พลังเวทย์หนึ่งหน่วยของเขาควรใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการฟื้นฟู

ตอนนี้เขามีพลังเวทย์อยู่เจ็ดหน่วยถูกจัดเป็นพ่อมดระดับต่ำขั้นล่างสุด น่าเวทนาเกินไปแล้ว

แต่โชคดีที่เขายังมีไม้เท้าระดับกลางที่ช่วยบวกค่าพลังเวทย์ไปถึงสิบหน่วย ทำให้เขาร่ายเวทย์มนต์ได้มากขึ้นอีกเท่าตัว

เขาชักจะชอบการทำภารกิจสะแล้วสิ

ในอนาคตต้องดูกันต่อไปว่าค่าสมาธิ ค่าสติปัญญาที่สูงๆนั้นสามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้างเพราะตอนร่ายเวทย์เขาก็ใช้แค่ค่าพลังเวทย์เท่านั้น

หรือการใช้เวทมนตร์ในระดับที่สูงขึ้นอาจมีค่าสมาธิและสติปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้

ออสบอร์นเดินออกไปไกลจากระท่อมประมาณหนึ่งร้อยเมตรและเตรียมจะทดลองใช้คาถาอัญเชิญโกเลม

พ่อมดเฒ่าจับไม้เท้าไว้ด้านหน้า เคลื่อนพลังจิตรกับพลังเวทย์เข้าไปภายใน ก่อนจะท่องคาถาอัญเชิญขึ้นเบาๆ

พื้นดินเบื้องหน้าของเขาสั่นอย่างรุนแรง มันไม่ได้สั่นเป็นวงกว้างเช่นแผ่นดินไหว แต่เป็นเฉพาะส่วนที่ออสบอร์นตั้งเป้าหมายไว้เท่านั้น คุณสมบัติของดินที่เรียกโกเลมออกมาก็มีส่วนในคุณภาพของโกเลมเช่นกัน

เพราะโกเลมที่ถูกอัญเชิญด้วยวิธีนี้ เป็นการยืมพลังจากจิตรวิญญาณธาตุดินขึ้นมาใช้ พวกมันจึงไม่มีแกนกลาง แต่ร่างกายที่เป็นดินทุกส่วนถูกโอบอุ้มด้วยพลังเวทย์และจิตรวิญญาณธาตุ

ดินในสถานที่ที่เรียกโกเลมออกมาจึงเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของคาถาประเภทนี้

ออสบอร์นมองดินสีน้ำตาลตรงหน้าที่ค่อยเคลื่อนที่ขึ้นมารวมกันเป็นหุ่นโกเลมขนาดห้าเมตร มันมีขาแขนเหมือนมนุษย์แต่กลับไม่มีใบหน้า มันเหมือนตุ๊กตาเด็กเล่นที่ถูกขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นมากกว่า

"ก็น่าประทับใจดีละนะ แต่มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่"

ออสบอร์นรู้สึกได้ว่าพลังเวทย์ถูกใช้ออกไปหลายหน่วยในครั้งเดียว เขากดหน้าต่างสถานะขึ้นมาดูก็พบว่าพลังเวทย์ลดลงไปห้าหน่วย สมกับเป็นคาถาระดับพื้นฐานจริงๆ

เขาสั่งให้โกเลมไปช่วยกระต่ายเฒ่าออกัสจัดการสวนสมุนไพรหลังกระท่อม แม้โกเลมจะมีสติปัญญาไม่สูงมาก เคลื่อนไหวก็เชื่องช้า แต่ก็มีพละเหลือเฟือ และยังคงอยู่ต่อไปอีกห้าชั่วโมงจนกว่าจะถูกทำลายหรือยกเลิกการอัญเชิญ

เขาที่เสียดายค่าพลังเวทย์ที่ใช้ไปจึงต้องให้มันทำงานชดเชยเสียหน่อย

ออสอบอร์นจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงเดินไปหาจ่าฝูงหมาป่า

ในความทรงจำของเขา จ่าฝูงตัวนี้ชื่อว่า"ออทัมน์" เจ้าของร่างคนเก่าเป็นคนตั้งให้มันเอง และเขายังตั้งชื่อให้กับสัตว์ป่าที่สามารถปลุกสติปัญญาได้อีกหลายตัว

"สวัสดีตอนเช้า ออทัมน์"

ออสบอร์นหยิบไปป์ไม้ทำมือสีดำออกมาจากกระเป๋าผ้าสีตุ่น เขาหยิบยาเส้นใส่เข้าไปและจุดไฟ

ชาติก่อนออสบอร์นแม้จะไม่ดื่มเหล่าแต่ชอบสูบบุหรี่มาก โชคดีที่เจ้าของร่างนี้ชอบสูบไปป์เช่นกัน เขาจึงใช้มันแทนบุหรี่เสียเลย แม้จะมีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่ก็พอทดแทนกันได้

จ่าฝูงออทัมน์ครางเสียงในลำคอเบาๆ บางครั้งก็เห่าเสียงดัง มันทำอย่างนี้อยู่หลายนาที ออสบอร์นที่นั่งฟังอยู่ก็พยักหน้าและโต้ตอบกับมันเป็นบางครั้ง

"เช่นนั้นก็เป็นพวกออร์คสินะ พวกมันควรอยู่ทางเหนือไม่ใช่หรือ หากจะเดินทางลงใต้เพื่อมาก่อความวุ่นวายที่นี้ ก็ยังมีป้อมวอร์บัส และเกลิออนขวางอยู่"

ออสบอร์นเว้นจังหวะให้จ่าฝูงออทัมน์ตอบคำถามของเขา และพูดต่อ

"นายเห็นพวกมันออกมาจากเหมืองอิกซอร์? พวกคนแคระไปไหนกันนะ?"

จากที่ออทัมน์เล่ามาพวกออร์คฝูงใหญ่ได้ลงมาจากเหมืองอิกซอร์ของพวกคนแคระ พวกมันตัดต้นไม้และขับไล่สัตว์ป่าในบริเวณตอนใต้ออกไป ออทัมน์ไม่มีทางเลือกมันจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากออสบอร์น

ในความทรงจำของเขา พวกคนแคระเป็นเผ่าพันธ์ที่หยิ่งทะนง กล้าหาญและขยัน พวกเขาไม่ควรปล่อยให้พวกออร์คอาละวาดอยู่ในพื้นที่ของตนเองแน่

ที่สำคัญคือพวกออร์คใช้วิธีใดในการเคลื่อนทัพลงมายังเหมืองอิกซอร์ที่ตั้งอยู่เกือบใต้สุดของมหาทวีปได้

เรื่องนี่มีเงื่อนงำแน่นอน!

[ติ้ง! ตรวจพบว่าป่าต้องห้ามด้านทิศใต้และภูเขาอิกซอร์ถูกบุกรุกโดยเผ่าพันธุ์ออร์ค ท่านที่รู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้จำต้องตรวจสอบการกระทำของพวกมัน ค้นหาปริศนาในการเคลื่อนทัพของออร์ค

-เงื่อนไขภารกิจ ก่อนพวกออร์คเคลื่อนทัพครั้งที่สองสำเร็จ

-รางวัลภารกิจ 1.ค่าประสบการณ์ + 5000 2.ชุดเซ็ทพ่อมดสีเงิน(อุปกรณ์ระดับกลาง) หมวก×1 ,เสื้อคลุม×1 ,รองเท้า×1

*หมายเหตุเมื่อสวมใส่ร่วมกันจะแสดงเอฟเฟคที่เทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับสูงได้]

มีภารกิจอีกแล้ว!

ออสบอร์นอดตื่นเต้นไม่ได้ อย่างไรเขาก็ต้องไปตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยให้สัตว์ป่าด้านทิศใต้อพยพขึ้นเหนือมากันหมดก็คงต้องวุ่นวายแน่นอน

ออสบอร์นรีบกลับมายังกระท่อมของเขาเพื่อเตรียมสัมภาระให้พร้อมเดินทางไกล เหมืองอิกซอร์ห่างจากกระท่อมของเขาไปหลายร้อยกิโลเมตร เขาที่เป็นพ่อมดก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยแปดวัน รวมเวลาไปกลับแล้วต้องใช้สองอาทิตย์เป็นอย่างต่ำ ของที่ต้องเตรียมจึงต้องเอาไปให้เพียงพอ

เมื่อเขาก้าวเข้ามาในกระท่อม เด็กชายคนเมื่อคืนก็ตื่นขึ้นแล้ว

"หิวหรือยัง"

ออสบอร์นมองไปยังเหยือกน้ำบนหัวเตียง มันถูกเด็กชายดื่มจนหมด เขาคงหิวแล้ว

เด็กชายพยักหน้า ตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเลือกไว้ใจชายชราคนนี้

"ตกลง ฉันจะให้ออกัสเอาอาหารมาให้เธอ แต่เธอจะขยับแขนตอนนี้ไม่ได้ คงต้องผ่านไปสักสองอาทิตย์ถึงจะทำให้กระดูกเข้าที่

คงต้องให้ออกัสป้อนให้ก่อน และถ้าต้องการอะไรก็บอกเขาได้ เขาชอบฟังคนอื่นพูดมากเลยละ แต่ถ้าเขาไม่พูดกับเธอ ก็อย่าโกรธเขานะ เพราะเขาพูดไม่ได้น่ะ"

ชายชราพูดไม่หยุดขณะจัดของใส่ถุงผ้าสีตุ่นใบเก่า แต่เมื่อจัดไปจัดมาเขาก็ค้นพบว่ามันไม่พอใส่ ออสบอร์นที่ชอบเตรียมพร้อมไว้เสมอเลยรู้สึกหงุดหงิดใจ ก่อนจะเอาเป้หนังใบเก่าออกมา เขาเตรียมจะให้หมีสีน้ำตาลนิคสะพายมันไปกับเขาด้วย

เด็กชายเฝ้าดูคนแก่ที่รื้อนู้นรื้อนี่จนห้องที่รกอยู่แล้วกลายเป็นรังหนูโดยสมบูรณ์ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ คนแก่คนนี้คิดอะไรไวเกินไปจนการกระทำของตัวเขาเองตามไม่ทัน มันเลยทำให้เขาดูวุ่นวายโดยใช่เหตุ

ออสบอร์นเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วจึงเอาของทุกอย่างมากองไว้หน้าประตู และเดินออกไป เมื่อตัวของเขาใกล้จะพ้นขอบประตูไป เขาก็หันกลับมาคุยกับเด็กชายอีกครั้ง

"อ้อลืมบอกไป ที่ออกัสเขาพูดไม่ได้ ก็เพราะว่าเขาเป็นกระต่าย แต่อย่าเผลอเรียกเขาว่ากระต่ายเชียวไม่งั้นเขาจะโกรธน่าดู และฉันรับรองได้เลยว่าอาหารมื้อถัดไปของเธอจะน่าสยดสยองที่สุดในชีวิต"

ประโยคหลังออสบอร์นลดเสียงให้เบาลงจนเกือบกระซิบ เหมือนกำลังคุยเรื่องที่อันตรายถึงตายอย่างไรอย่างนั้น

เด็กชายจำคำพูดของเขาไว้แล้ว แต่ไม่ได้เอามาใส่ใจมากนักเพราะชายชราดูสติไม่สมประกอบเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับออกัสครั้งแรกก็ทำให้อึ้งไปเหมือนหัน

ออกัสเป็นกระต่ายตัวใหญ่ขนสีเทา มีขนสีขาวขึ้นอยู่ใต้จมูกจนเหมือนหนวดของคนแก่ เขาอาจสูงพอๆกับเด็กชายได้เลยหากนับหูยาวๆคู่นั้น

ในที่ที่เด็กชายจากมา พวกสัตว์ที่ปลุกสติปัญญาแล้วแทบไม่มีให้พบเห็น นอกจากพาหนะของชนชั้นสูงเช่นม้าที่ผสมกับสายพันธ์ุของสัตว์วิเศษจนปลุกสติปัญญาได้ตั้งแต่เกิด

สัตว์พวกนี้ถูกจับมาตั้งแต่เด็กและฝึกโดยผู้ฝึกสัตว์จากมหานครแดนเหนือ ที่รวมเอาเผ่าพันธุ์คนเถื่อนแดนเหนือไว้ทั้งหมด

อาณาจักรรัสเซลอยู่ทางใต้ของมหานครแดนเหนือ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะอาณาเขตที่ติดกันทำให้เกิดการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งสองอาณาจักรก็ยังต้องพึ่งพากันในด้านการค้า

ความสัมพันธ์นี้อาจจำกัดความได้ด้วยประโยคที่ว่า"เจ็บก็ต้องทนเพราะไม่เหลือคนให้รัก"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด