ตอนที่ 20 : ลู่หมิงคือคนดี (2)
ตอนที่ 20 : ลู่หมิงคือคนดี (2)
หลังจากชั่งน้ำหนักว่าจะช่วยหรือไม่ ลู่หมิงก็ตัดสินใจเปิดหน้าต่างออกครึ่งหนึ่ง
ซอมบี้นับร้อยตัวได้ล้อมเมืองเอาไว้แล้ว ปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไข
แน่นอนว่าเขายังได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายอาจจงใจใช้งานเขา แต่เขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ความจริงที่ว่าหวังซ่งสามารถดึงดูดซอมบี้มากมายขนาดนี้เข้ามาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้บ่งบอกแล้วว่ามันมีซอมบี้อยู่แถวๆ นี้ และสำหรับลู่หมิง ซอมบี้ที่อยู่ใกล้ๆ ทุกตัวก็อาจเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้ ดังนั้นมันจึงสะดวกกว่าที่จะล่อพวกมันออกมาจัดการในทีเดียว!
นอกจากนี้หวังซ่งยังมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ และลู่หมิงก็ไม่อาจควบคุมเขาได้ เขาจะสร้างเซฟเฮาส์ใกล้บ้านของลู่หมิง ลู่หมิงก็ไม่อาจว่าอะไรได้ เมื่อเขาออกไปทำอะไรข้างนอก ลู่หมิงก็ไม่อาจแทรกแซงได้เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะลากซอมบี้กลับมาที่เซฟเฮาส์ของเขา มันก็ไม่ผิดอะไร และลู่หมิงก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
สิ่งที่ลู่หมิงสามารถทำได้และต้องทำก็คือการกำจัดซอมบี้ทั้งหมดที่อยู่ใกล้บ้านของเขา ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลความปลอดภัยของเขาเองด้วย
“ซอมบี้ทุกตัวที่ฉันฆ่าหมายถึงซอมบี้ยักษ์ที่จะลดลงหนึ่งตัว!”
มันไม่มีอะไรผิดปกติกับสิ่งนี้เลย!
“ปัง!”
เสียงของหนังสติ๊กดังขึ้นเป็นจังหวะ และหวังซ่งก็ร่วมมือกับลู่หมิงที่กำลังล่อซอมบี้ไปยังป้อมปราการชั่วคราวที่ทำจากกำแพงและถังขยะตั้งแต่เช้า
หวังซ่งตะโกนออกมาเป็นครั้งคราว เพื่อดึงดูดความสนใจจากซอมบี้เข้ามา ซึ่งช่วยปกป้องความปลอดภัยของลู่หมิงได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นว่าหวังซ่งก็ใช้ได้เหมือนกัน ลู่หมิงก็อดพยักหน้าไม่ได้
เด็กคนนี้ดูจะไม่มีเจตนาร้ายใดๆ เลย
งั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานโหมดป้องกันตัวเอง
…
หวังซ่งคือผู้ตื่น สมรรถภาพทางร่างกายของเขามีมากกว่าซอมบี้ทั่วไปประมาณสองเท่า และเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้ประมาณหนึ่งเลย
ส่วนลู่หมิง สิ่งที่น่ากลัวของเขาไม่ใช่ค่าสถานะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นทักษะการยิงหนังสติ๊กระดับเจ็ดที่ทำให้ลู่หมิงมีความสามารถในการสังหารระยะไกลที่อันตรายมากๆ
เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน ด้วยการมีหวังซ่งเป็นโล่และลู่หมิงเป็นตัวสร้างความเสียหาย ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ซอมบี้ฝูงใหญ่ก็ถูกกวาดล้างไปจนหมด
หวังซ่งหอบหายใจหนัก และเหมือนจะหมดแรง ส่วนลู่หมิงก็รู้สึกปวดข้อมือขึ้นมาเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือทักษะการยิงหนังสติ๊กของเขาก็ได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับแปด (98/800) แล้ว ไม่เพียงแต่การควบคุมของเขาจะดีขึ้นมาก แต่ค่าสถานะความว่องไวของเขายังเพิ่มขึ้นเป็น 0.8 หน่วยด้วย!
“สุดยอดเลยพี่ชาย!”
เมื่อหวังซ่งเดินมาทางบ้านของลู่หมิง เขาก็ชูนิ้วโป้งให้ลู่หมิงที่อยู่บนชั้นสอง อย่างไรก็ตาม ลู่หมิงก็ปิดหน้าต่างและดึงแผ่นเหล็กลงมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจหวังซ่งเลย
หวังซ่งหน้าชาไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าเขาก็ปลอบตัวเองด้วยการกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนรักสันโดษนะ”
หลังจากพึมพำออกมาแล้ว เขาก็พูดต่อออกมาอีก “แต่เขาก็เป็นคนดี เป็นคนดีจริงๆ”
เขาหันไปและกลับไปยังเซฟเฮาส์ของตัวเอง
…
“สถานการณ์ตอนนี้คือพวกซอมบี้ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสนามรบได้กระจายตัวออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด”
“มันมีซอมบี้จำนวนมากเหลืออยู่ตรงนั้น แต่ผมก็ระบุจำนวนที่แน่นอนไม่ได้เหมือนกัน”
เมื่อจำนวนเกินพัน มันก็เป็นเรื่องยากแล้วที่จะประเมินจำนวน อย่างไรก็ตาม เมิ่งเจียและจางหลี่ซินก็เข้าใจความหมายของหวังซ่ง
มันหมายความว่าพวกเขายังอยู่ห่างไกลจากรถหุ้มเกราะและอาวุธ และยังมีอุปสรรคที่ขวางกั้นอยู่ด้วย
ซอมบี้ที่พวกเขาสังหารไปในวันนี้เทียบได้แค่กับน้ำเพียงหยดเดียวในถังน้ำถ้าประเมินจากฝูงซอมบี้ที่อยู่ด้านนอก พวกเขาคิดว่าเมื่อจัดการกับซอมบี้ยักษ์แล้ว มันก็คงจะไม่มีอุปสรรคอะไรอีก แต่ใครจะรู้ว่าซอมบี้ยักษ์เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น…
ในขณะที่กำลังกินข้าว หวังซ่งก็กล่าวว่า “นี่คือสถานการณ์ในตอนนี้ แม้ว่าจะมีความช่วยเหลือของพี่หนังสติ๊ก แต่มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการซอมบี้จำนวนมากมายขนาดนั้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ และถ้าผมออกไปล่อซอมบี้อีก มันก็คงจะอันตรายแน่ๆ พวกเราต้องคำนึงถึงเรื่องอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมิ่งเจียก็ไม่อาจคิดแผนดีๆ ได้เหมือนกัน และจางหลี่ซิน เจ้าหน้าที่ของกองทัพก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หลังจากหอคอยปรากฏขึ้น การสื่อสารทั้งหมดก็ถูกตัดขาด และระบบระบุตำแหน่งก็ไม่ทำงานอีกต่อไป แม้แต่เครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุและวิทยุของกองทัพก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว… ที่พักพิงคงจะรู้ว่าทีมของพวกเรามีปัญหาแล้ว แต่มันก็ไม่มีช่องทางติดต่อกันได้ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาจะส่งกำลังเสริมมาช่วยพวกเราไหม”
แม้ว่าพวกเขาจะอยากส่งกำลังเสริมมาช่วย แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะส่งมาตรงไหน…
หวังซ่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าไปคำโต เช็ดปาก และกล่าวว่า “นั่นเป็นเหตุผลให้ผมมีไอเดียหนึ่ง ตอนนี้เรามาปักหลักกันอยู่ที่นี่และค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปกันเถอะ หลังจากพวกเราจัดการกับฝูงซอมบี้และได้รับรถหุ้มเกราะและอาวุธมาแล้ว พวกเราก็ค่อยวางแผนกันต่อ”
“เพราะยังไงมันก็มีผู้ตื่นถึงสองคนอยู่แุถวนี้ ซึ่งก็คือพี่หนังสติ๊กและผม แม้ว่าพี่หนังสติ๊กจะไม่ชอบคุยกับใคร แต่เขาก็เป็นคนดีและน่าเชื่อถือมาก ดังนั้นแถวนี้คงปลอดภัยแน่ๆ”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘คนดี’ และ ‘น่าเชื่อถือมาก’ ทั้งจางหลี่ซินและเมิ่งเจียก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งสองจึงเห็นด้วยกับความเห็นของหวังซ่ง
การเอาชีวิตรอดควรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แม้ว่าพวกเขาอยากจะทำภารกิจให้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ต้องเอาชีวิตรอดไปให้ได้ก่อน
…
บ่ายสามโมงกว่าๆ ของวันนั้นเอง
ในขณะที่ลู่หมิงเพิ่งฝึกการใช้อาวุธเย็นเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงออดประตูอีกครั้ง
เขาเดินไปที่ประตู เปิดหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ และเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม
“มีอะไร?”
เมื่อได้ยินเสียงของลู่หมิงจากอินเตอร์คอม หวังซ่งก็ยิ้มและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากมาทักทายเฉยๆ พวกเราตัดสินใจที่จะอยู่แถวนี้ไปสักพัก จากนี้เป็นต้นไป พวกเราถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว พวกเรามาดูแลกันและกันดีกว่า”
ลู่หมิงกล่าว “ตามใจเลย”
จะเป็นเพื่อนบ้านหรือไม่ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับลู่หมิง
แต่การที่คนเหล่านี้มาที่บ้านของเขาวันละ 2-3 ครั้งก็เริ่มทำให้เขารู้สึกรำคาญอยู่เหมือนกัน
“ว่าแต่พี่ชายชื่ออะไรเหรอ?”
“ลู่หมิง”
“ผมชื่อหวังซ่งนะครับ และเพื่อนอีกสองคนของผม คนที่เป็นทหารชื่อจางหลี่ซิน และนักวิจัยที่เป็นผู้หญิงก็ชื่อเมิ่งเจีย”
“โอ้~~”
หลังจากลู่หมิงพูดจบ มันก็มีเสียง ‘ตี๊ด’ ดังขึ้น
มันเป็นลู่หมิงที่วางสายไปนั่นเอง
คราวนี้หวังซ่งก็มั่นใจเต็มที่แล้ว
“พี่ลู่หมิงคงจะเป็นคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวของเขาจริงๆ…”
เขากดออดประตูอีกครั้ง
“อะไรอีก?” คราวนี้ เสียงของลู่หมิงเต็มไปด้วยความโมโห
เขาไม่สนใจว่าหวังซ่งและเพื่อนของเขาจะอาศัยอยู่ที่ไหน ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้พักอยู่ในบ้านของเขาก็พอแล้ว แต่การที่พวกเขามารบกวนลู่หมิงวันละหลายๆ ครั้งมันหมายความว่ายังไงกัน?!
หวังซ่งยิ้มและกล่าวว่า “เปล่าครับ”
หลังจากนั้นเขาก็ชูมือขวาขึ้นมา และลู่หมิงก็เห็นว่าหวังซ่งกำลังถือกระเป๋าใบเล็กๆ เอาไว้ในมือขวา
“กระสุนหนังสติ๊กน่ะครับ ตอนที่พวกเราเก็บกวาดถนนก่อนหน้านี้ พวกเราจึงได้เก็บลูกบอลเหล็กบางส่วนกลับมาด้วย ผมจะทิ้งไว้หน้าประตูนะครับ พี่ค่อยมาเก็บไปละกัน”
“และผมเพิ่งเจอเครื่องกลึงเหล็กอยู่ใกล้ๆ นี้ พี่จางบอกว่าเขาสามารถใช้มันผลิตกระสุนให้พี่ได้ เดี๋ยวผมจะเอามาให้นะครับถ้าพี่จางทำเสร็จแล้ว”
ลู่หมิงเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ ว่า “ขอบคุณมากนะ”
กระสุนสำคัญจริงๆ เพราะของสิ่งนี้เป็นของใช้งานที่จะหมดไปในที่สุด
แม้ว่าความสามารถในการผลิตกระสุนของหวังซ่งจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความต้องการเร่งด่วนของลู่หมิงได้อย่างหมดจด แต่มันก็ทำให้เขาสะดวกขึ้นมากเลย
“งั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ”
หลังจากนั้นหวังซ่งก็เดินจากไป
ลู่หมิงเปิดประตูออกมาอย่างเงียบๆ และคว้าถุงกระสุนเข้ามาเมื่อเขามั่นใจแล้วว่าหวังซ่งได้เดินห่างออกไปแล้ว
จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนชั้นสองและเปิดช่องสังเกตการณ์เพื่อมองออกไปยังถนน
เขาเห็นหวังซ่งและจางหลี่ซินกำลังขนศพของซอมบี้ออกไปทีละตัว
สิ่งนี้ทำให้ลู่หมิงพยักหน้าเล็กน้อย
เขาเคารพพนักงานสุขาภิบาลมาโดยตลอด เพราะใครล่ะจะไม่อยากให้ถนนหน้าบ้านของตัวเองสะอาด?