ตอนที่ 17 ภัย ณ ป้อมร้าง
"ตาแก่ เราถึงที่ไหนกันแล้ว"
เด็กชายถามขึ้น
"ข้าชื่อออสบอร์น"
"ตาแก่"
"ข้าคือพ่อมดสีเงิน"
"ตาแก่"
โรอายังไม่ยอมแพ้ ออสบอร์นเองก็จนใจ
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ออสบอร์นก่อกองไฟขึ้นง่ายๆ รอบตัวพวกเขาล้วนเป็นป่าสูงใหญ่ แม้ยามกลางวันแสงอาทิตย์ก็ส่องไปไม่ถึง
โรอาติดตามพ่อมดเฒ่ามาสิบสองวันแล้ว ทุกครั้งพวกเขาจะคอยสอดส่องทั่วบริเวณป่าเพื่อป้องกันเหตุร้ายให้กับคาราวานคนแคระที่อยู่ด้านหน้า
ตราบใดที่ไม่เจอกับอันตรายระดับเหนือมนุษย์ ออสบอร์นก็ไม่ค่อยเป็นห่วงมากนักเพราะว่าคนแคระเหล่านั้นมีน้ำพุวิเศของเขาอยู่ ขอให้เป็นแค่สัตว์มีพิษ โรคประหลาด คำสาบ ปีศาจล่อลวงจิตร ก็กำจัดได้ทั้งนั้น
นอกจากนี้เขายังมีไพ่ตายที่แอบใส่ลงไปในเสื้อของกอแท็บอีกด้วย มันเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเขาเลยละ
ออสบอร์นไม่ใช่คนโง่ ค่าสติปัญญาระดับเกินร้อยของเขาไม่ใช่แค่เครื่องประดับ ระบบก็ดีอยู่หรอกแต่เขาไม่อยากฝากทั้งชีวิตไว้กับมัน และไม่อาจรอเพียงรางวัลจากมันอย่างเดียวเท่านั้น
การศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองจึงจะเป็นหลักประกันสูงสุดของเขา
อย่าหวังพึ่งคนอื่น จงพยายามให้สุดความสามารถเสียก่อน
"ถึงป้อมร้างแล้ว พวกเราเดินทางไวกว่าที่คิดเอาไว้"
พ่อมดเฒ่าหยิบไม้เท้าของเขาขึ้นมาและลุกเดินออกไป ทุกครั้งก่อนที่พวกเขาจะนอน ออสบอร์นไม่ลืมป้องกันความปลอดภัยของกองคาราวาน เขาจะเดินไปให้ใกล้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และร่ายคาถาอัญเชิญโกเลมดินออกมา
โกเลมดินไม่ต้องนอน ไม่ต้องกินและแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง หากเจออันตรายอันใดมันสามารถต้านทานเอาไว้ได้ จนกว่าออสบอร์นจะมาช่วยเหลือได้ทัน แต่แน่นอนว่าเป็นความลับเขาต้องสั่งให้มันซ่อนตัวในพื้นดินและคอยสังเกตการณ์
เวลาเรียกโกเลมดินมีมากถึงสิบชั่วโมงเพียงพอให้พวกเขาได้พัก
โรอาไม่รู้ว่าพ่อมดเฒ่าชอบออกไปไหนก่อนนอน แต่เขาก็ขี้เกียจเกินจะถาม
"นอนได้แล้ว และเธอก็ควรกินขากระต่ายให้หมด อย่าได้เก็บมันเอาไว้เชียว ไม่อย่างนั้นออกัสคงเกลียดเจ้าไปทั้งชีวิต"
ออสบอร์นมองไปยังขากระต่ายย่างบนกองไฟ นับแต่เขาข้ามมายังโลกใบนี้ก็เลิกกินเนื้อสัตว์ไปโดยปริยาย ใครจะรู้ว่า กระต่าย นก หมูป่า หรือสัตว์กินได้อื่นใด จะเป็นลูกหลานหรือเพื่อนหรือพี่น้องของสัตว์ที่ปลุกสติปัญญาแล้วบางตัวหรือเปล่า
เขาไม่อยากมีโมเมนต์ที่กำลังแทะขากระต่ายอยู่แล้วออกัสเดินมาบอกว่า "เฮ้ พ่อมด ท่านกำลังกินหลานคนที่เจ็ดของลูกคนที่เจ็ดของข้าอยู่" อะไรแบบนั้น ซึ่งมันออกจะโหดร้ายเกินไป
แต่โรอานั้นต่างกันเขากำลังโต ออสบอร์นทนเห็นเด็กคนนี้กินแต่มันต้มมันเผาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเย็นวันนี้ เขาเลยไปล่ากระต่ายป่ามาให้เด็กชาย
โรอาที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มานานก็อดเสียดายไม่ได้ เขากะว่าจะเก็บไว้กินวันอื่นแต่เมื่อคิดดูแล้วก็กินให้หมดเลยดีกว่า
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เด็กชายหลับไปตอนไหนไม่ทราบ แต่พ่อมดเฒ่ายังคงตื่นอยู่ เขาหลับตาก็จริงแต่จิตรใจของเขาตอนนี้กำลังตั้งมั่นในสมาธิ
ในความทรงจำของร่างเก่า การฝึกสมาธิของพ่อมดนั้นแบ่งออกเป็นหลายระดับ เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว พ่อมดแข็งแกร่งมากจนมีทักษะทำสมาธิสูงถึงระดับตำนานหรือมากกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป การสืบทอดเหล่านั้นก็ขาดหาย หรือต่อให้ไม่ขาดหายพวกเขาก็ไม่อาจฝึกได้
คุณสมบัติของคนรุ่นหลังๆต่ำเกินไป
ออสบอร์นลืมตาขึ้น คืนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจผิดปกติเหมือนว่ามีอะไรให้ห่วงกังวล เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามดึกแสงดาวที่เคยส่องเต็มท้องนภากำลังหรี่แสงซบเซา เหมือนมีพลังบางอย่างพยายามกดทับพวกมันเอาไว้
ในมุมหนึ่งที่เกือบมืดมืดมีดาวดวงน้อยกำลังดิ้นรนส่องแสง พยายามกะพริบไปมาเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่าง เป็นเช่นนั้นครู่เดียวก็ดับแสงไปอีกดวง
เมฆดำขนาดมหึมาเคลื่อนตัวมาตอนไหนไม่มีใครทราบ มันบดบังพื้นที่โดยรอบนับร้อยตารางกิโลเมตรจนมืดมิดหม่นมัว ดุจยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินสีหมึกดำ
พ่อมดเฒ่าตรวจสอบคาถาลวงตา คาถาม่านพลัง คาถาเขาวงกตรอบที่พักของพวกเขาอีกครั้งและกำลังกลับไปนอนที่เดิม
ตอนนั้นเองฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหว เหมือนผ่าลงไปกลางจิตรใจของเขา
โกเลมดินพังแล้ว!
สลายไปในพริบตาเดียว ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว
นี่มันบ้าอะไรกัน พวกคนแคระเจอกับอะไรเข้า?
พ่อมดเฒ่ารีบวิ่งออกไปยังทิศทางของกองคารวาน ในความรู้สึกของเขาไพ่ตายที่มอบให้กับกอแท็บยังไม่ได้เปิดใช้งาน หมายความว่าสิ่งนั้นยังไม่ได้ลงมือกับคนอื่นๆ เขาต้องรีบไปให้ทันเวลา
ไกลออกไปยังทุ่งกว้าง ณ ป้อมร้างที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลางของมหาทวีป
ร่างเงาสีดำชูมือของมันไปออกไปที่ทิศทางหนึ่ง ที่นั่นมีแสงกองไฟกะพริบวิบวับเหมือนดวงตาสัตว์ร้ายยามค่ำคืน เขาได้กลิ่นพวกคนแคระเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำที่ใช้ชีวิตไม่ต่างกับหนู
ในความทรงจำของมันกลิ่นสาบของคนแคระเป็นสิ่งที่ไม่นาอภิรมย์เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันพึ่งตื่นจากการหลับไหล มันต้องกินให้มากเข้าไว้
เงาดำคิดได้ดังนั้นจึงใช้พลังของมันโจมตีไปยังทิศของกองคาราวานที่อยู่ไกลกว่าสามกิโลเมตรเบื้องหน้า แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีบางสิ่งมาขัดขวางมันไว้
โกเลมดิน!
โกเลมตัวนี้อยู่ในระดับพื้นฐานเท่านั้นไม่อาจเอามาเทียบกับมันได้ทั้งในตอนนี้และในอดีต โกเลมพังทลายลงในพริบตา แตกสลายกลายเป็นก้อนดินอีกครั้ง
แต่ก็ใช่ว่าโกเลมดินตัวนี้จะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว มันที่รับการโจมตีแทนครั้งนี้ ทำให้พวกคนแคระตื่นตัวและเตรียมหลบหนี
"ฝันไปเถอะ"
เงาดำวูบไหวและเคลื่อนที่ผ่านความืดมิดมาในพริบตา อึดใจเดียวก็มาถึงหน้ากองคาราวานเสียงกรีดร้องของเด็กคนแคระดังขึ้น พร้อมกับความืดมิดที่กลืนกินเข้าไปในจิตรใจพวกเขา
กองไฟดับมอด ไม่ต้องใช้น้ำ ไม่ต้องใช้ลม มันดับลงโดยการกลืนกินของความมืดที่เงาดำพามา
ความสิ้นหวังปรากฎอยู่บนใบหน้าของเหล่าคนแคระทุกคน พวกเขาไม่รอดแน่
"จับกลุ่มกันเอาไว้ หยิบแต่เฉพาะของที่มีประโยชน์เตรียมตัวหาจังหวะหลบหนี"
กอแท็บก้าวออกมาเบื้องหน้ากองคาราวาน เขาค่อยๆผลักคนอื่นไปด้านหลัง แต่ตนเองยืนประจันหน้ากับเงาดำเพียงผู้เดียว เขาเตรียมพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ
"ใครเป็นคนเสกโกเลมนั่น"
เสียงแหบแห้งเหมือนเสียงภูตผีดังมาจากเงาดำ ไม่มีใครเห็นปากมัน ใบหน้ามัน แต่เมื่อมันพูดทุกคนรู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น
"พูดเรื่องอะไรของเจ้า ถ้าจะสู้ก็มาเถอะคนแคระไม่เคยเกรงกลัว"
กอแท็บก้าวออกไปเบื้องหน้าอีกหนึ่งก้าว คาราวานเบื้องหลังของก็ถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวเช่นกัน
"ช่างอวดดี"
เสียงดังมาจากเงาดำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมาพร้อมกับฝ่ามือดำสนิทที่เอื้อมออกไปยังวิญญาณของคนตรงหน้า
กอแท็บรวบรวมพลังระดับครึ่งก้าวเหนือมนุษย์มาไว้ที่มือทั้งสองข้าง สายลมหวีดหวิวดังรอบตัวเขาคล้ายบอกว่าพลังของเขามาถึงขีดสุดแล้ว ไม่อาจสะสมไปมากกว่านี้
เมื่อฝ่ามือสีดำสัมผัสลงใกล้เบื้องหน้าเขา กอแท็บก็ออกดาบไปที่ฝ่ามือนั้นทันที
ฉับเดียว!
ดาบทะลุผ่านเงาไป ไม่อาจสร้างบาดแผลแม้แต่รอยถลอก
ฝ่ามือดำแตะลงไปที่หัวใจของกอแท็บ เสียงแหลมดังฟี่ๆดุจกิ่งไม้เผาไฟสัมผัสกับน้ำเย็นจัด ดังขึ้นก่อนที่มือสีดำนั้นจะถอยออกไปพร้อมเสียง อุทานแปลกใจ
"เป็นไปไม่ได้"
ไม่ทันให้เงาดำได้ขบคิดม่านพลังสีเงินก็ปรากฎขึ้นซ้อนทับกันนับสิบชั้น ปกคลุมกองคาราวานทั้งหมดเอาไว้
การสัมผัสของเงาดำคล้ายกับเป็นกุญแจเปิดใช้ม่านพลังบางอย่างที่มันเองก็ไม่อาจเข้าใจ
"พ่อมด? เป็นพ่อมดไม่ผิดแน่ พวกเจ้าซ่อนพ่อมดเอาไว้!"
เงาดำตะโกนขึ้น กองคาราวานทั้งหมดแสดงสีหน้าแปลกใจ มีแค่กอแท็บคนเดียวที่ตาเป็นประกาย เขาสัมผัสลงไปในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะว่างเปล่าแต่เมื่อคลำดีๆแล้วเขาก็พบเศษแผ่นหนังแผ่นหนึ่ง
แผ่นหนังที่สลักวงแหวนเวทมนตร์เอาไว้ ท่านพ่อมดช่วยเหลือพวกเขาอีกครั้ง!
"ฮ่าๆ เจ้าคนชั่ว ท่านพ่อมดจะจัดการเจ้าแน่ เจ้ามันเป็นแค่หนูตัวน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่"
กอแท็บเอ่ยท้าทายเงาดำ
"หึ กะอีแค่คาถาระดับพื้นฐานต่อให้ผสมเแสงสีเงินที่บริสุทธิ์เอาไว้ก็ไม่นับเป็นอันใดต่อหน้าข้า"
เงาดำขยายร่างของมันให้ใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว พื้นที่นอกม่านพลังกลายเป็นดำมืดจนมองไม่เห็นแม้แต่มือตนเอง
ความมืดเหมือนมีน้ำหนักหลายสิบตัน มันกดทับจนม่านพลังเริ่มแตกร้าวไปที่ละอัน กอแท็บและกองคาราวานเริ่มใจเสีย
"หยุดนะเจ้าคนชั่ว หากเราตายที่นี่เจ้าจะถูกไม้เท้าของท่านพ่อมดเจาะทะลุจนเหี้ยวแห้งและแห้งเหี้ยวเป็นหมื่นๆครั้ง ข้าเคยเห็นมากับตา"
ขุนนางควบคุมแร่ทำใจกล้าขึ้นมาอีกครั้ง
"ฮ่าๆ วันนี้ข้าจะให้เจ้าดูว่า อะไรที่เรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ต่อให้พ่อมดของเจ้ามายืนต่อหน้าข้าตอนนี้ ข้าก็จะทำให้มันทุกข์ทรมานจนต้องร้องขอความตาย"
เสียงจากเงาดำดังสะท้อนไปทั่ว พวกคนแคระเริ่มหวีดร้องและกอดกันกลม
"เจ้าพูดจริงหรือ?"
ในตอนนั้น ร่างที่สวมชุดสีเงินส่องสว่างประดุจดวงดาวก็ก้าวเดินเข้ามา ไม้เท้าสีขาวที่คนผู้นั้นถือเปร่งพลังงานที่ศักดิ์สิทธิ์จนมิอาจเอื้อม ผมและหนวดเคราสีขาวโพลนปลิวไสวไปกับสายลม เหมือนเทพเจ้าที่เสด็จเยือนลงมายังโลกมนุษย์
เขาคือออสบอร์น พ่อมดสีเงิน!