ตอนที่ 13 บลังโกไซราแกรนด์
พร้อมกับเสียงคำรามอันดังก้องของสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจระบุได้ ออสบอร์นที่ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งก็เห็นหมอกสีขาวที่ไม่ใช่ของโลกนี้ก็พวยพุ่งออกมาจากวงแหวนเวทมนตร์สีน้ำเงิน
เมื่อวงแหวนเวทมนตร์เริ่มจางหายไป กรงเล็บสีขาวขนาดมหึมาก็โผล่มาจากสายหมอก ดวงตาสีเหลืองอำพันเก้าคู่มองลงมาจากเบื้องสูงเพ่งเล็งไปยังพ่อมดเฒ่าที่สวมเสื้อคลุมสีเงินรุงรังระไปกับพื้น
ออสบอร์นถือไม้เท้าสีขาวไว้แน่นทางมือขวา เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ในขณะที่มือซ้ายถือกระดาษพันธสัญญาที่ได้มาจากระบบ แต่ตอนนี้ตราวงแหวนเวทมนตร์ได้เลือนหายไปจากหน้ากระดาษแล้ว เหลือเพียงอักษรรูนครึ่งหน้าเท่านั้น
พ่อมดเฒ่าได้แปลข้อความครึ่งแผ่นนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว มันกล่าวถึงรูปแบบพันธสัญญาโบราณของผู้อัญเชิญในโลกนี้กับสิ่งมีชีวิตในอีกมิติหนึ่ง เขาจำเป็นต้องใช้กระดาษพันธสัญญานี้ทำข้อตกลงกับสิ่งมีชีวิตที่อัญเชิญออกมา
เมื่อสัญญาถูกทำขึ้นฝ่ายที่ถูกอัญเชิญออกมาจะไม่สามารถละเมิดได้
"ข้าคือบลังโกไซราแกรนด์ เจ้าแห่งบึงใต้พิภพ จงแจ้งนามของเจ้า พ่อมด"
ภาษามนุษย์ดังมาจากในหมอก มันก้องกังวานแหบแห้งแต่ทรงอำนาจกรีดลึกเข้าไปในจิตรใจของผู้ฟัง
ออสบอร์นได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวนี้แล้ว มันไม่ใช่ผลจากคาถาสื่อจิตรสรรพสัตว์ของเขา แต่สัตว์ตรงหน้ากำลังพูดภาษามนุษย์ มันไม่ควรเป็นสัตว์ที่ปลุกสติปัญญาแล้วทั่วไป
พ่อมดเฒ่าไม่ลังเลอีก เขาต้องบอกชื่อออกไปเพื่อทำให้พันธสัญญาสมบูรณ์
"ข้าคือเฟรเดอริก ออสบอร์น พ่อมดสีเงิน"
ออสบอร์นคิดฉายาต่อท้ายของเขามานานแล้ว อย่างไรซะในโลกนี้ก็ใช้ฉายาขอแต่ละคนมาแยกแยะตัวตนที่แตกต่างกัน เพราะชื่ออาจจะซ้ำกันได้ แต่ออสบอร์นไม่มีข้อเด่นอะไรนอกจากเวทย์แห่งแสงของเขาที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุด(อันนี้พ่อมดเฒ่าคิดเอง)
สรุปแล้วเขาจึงเลือกฉายาพ่อมดสีเงินให้กับตัวเอง
"ข้าทราบแล้ว พ่อมดสีเงิน พันธสัญญาโบราณได้ถูกใช้แล้ว"
เมื่อสิ้นเสียงของสัตว์ประหลาดตัวนั้น กระดาษในมือของออสบอร์นก็ลอยไปอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับเผาไหม้ด้วยไฟสีน้ำเงินอ่อนจนหมดสิ้นภายในอึดใจเดียว
เมื่อหมอกเริ่มเลือนหายไปออสบอร์นก็เห็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้ชัดเจน มันมีเกล็ดสีขาวเหมือนไข่มุกสะอาดปราศจากรอยด่างดำใดๆ ร่างกายเป็นสุนัขตัวใหญ่ยาวสามสิบเมตร หางเรียวแบนเป็นใบพัดดุจหางมังกร
หัวทั้งเก้าหัวมองมาที่พ่อมดเฒ่าเป็นสายตาเดียว ออสบอร์นสบตากับมัน ลึกเข้าไปในดวงตาสีอำพันทั้งเก้าคู่เขาเห็นถึงความหยิ่งผยองที่สัตว์ทรงพลังทั้งหลายควรมี แต่ในเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งเขาสัมผัสได้ถึงความเคารพ
ปากสีแดงสดคล้ายเลือดอ้ากว้างขึ้น จนเห็นฟันเรียงเป็นแถวแน่นขนัด มันแลบลิ้นยาวสีชมพูออกมาเหมือนกำลังขู่ขวัญ
มันคือไฮดรามังกรเก้าหัว!
[ติ้ง! ท่านเปิดใช้งานคาถาผู้พิทักษ์แผ่นดินสำเร็จ หน้าต่างสถานะผู้พิทักษ์พร้อมแล้ว โปรดตรวจสอบ! ]
[ชื่อ : บลังโกไซราแกรนด์ เจ้าแห่งบึงใต้พิภพ
เผ่าพันธุ์ : ไฮดรา (สายเลือดแท้)
ค่าประสบการณ์ : 1506000 / 100000000 (ไฮดราระดับตำนานขั้นแรก)
พลังชีวิต : 1000000 / 1000000 (อายุขัย 4000 ปี)
พลังเวทย์ : 31000
พลังจิตร : 250 (ระดับเจ้าพลังจิตร)
สติปัญญา : 70 (ระดับนักวิชาการ)
สมาธิ : 70 (ระดับนักฝึกญาณ)
ความสัมพันธ์ธาตุ : มืด 89 %,น้ำ 85 %,ดิน 65 %,ไม้ 50 %,ลม 36 %,ไฟ 34 %,แสง 29 %
พลังสายเลือด : ร่างอมตะ(ระดับตำนาน),เจ้าแห่งธาตุ(ระดับตำนาน),บัญชาสายฟ้า(ระดับตำนาน),บัญชามหาสมุทร(ระดับตำนาน),บัญชาพายุ(ระดับตำนาน),บัญชาเปลวเพลิง(ระดับตำนาน),เงากลืนวิญญาณ(ระดับตำนาน),ถ้อยคำแห่งปีศาจ(ระดับตำนาน),........
อุปกรณ์ : ไม่มี ]
"ข้าต้องกล่าวกับเจ้าให้ชัดเจน พ่อมด
ข้าผูกพันธสัญญากับเจ้าในฐานะผู้พิทักษ์ของดินแดนนี้ สัญญานี้ยังคงมีผลอยู่จนกว่าข้าจะตายหรือดินแดนนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่ข้าไม่สามารถออกไปจากพื้นที่นี้ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่"
เจ้าแห่งบึงใต้พิภพใช้ปากของหนึ่งในหัวทั้งเก้าพูดขึ้น มันเป็นหัวตรงกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
"ข้าเข้าใจแล้วท่านบลังโกไซราแกรนด์ ข้าต้องตอบแทนท่านด้วยสิ่งใด"
ออสบอร์นกลัวว่าในอนาคตผู้ทรงพลังระดับตำนานผู้นี้จะเรียกร้องสิ่งที่เขาไม่อาจมอบให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นอาจเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาทั้งสอง
"ไม่เลยพ่อมด สิ่งตอบแทนได้ถูกมอบให้แล้วเมื่อในอดีตอันไกลโพ้น ข้ามาที่นี่เพื่อปฏิบัติตามสัญญาของบรรพบุรุษ เจ้าไม่จำเป็นต้องมอบสิ่งใดให้ข้าทั้งตอนนี้และในอนาคต"
"ตกลง แล้วท่านมาจากที่ใดกัน"
ออสบอร์นถามสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ในใจ
"ข้ามาจากอีกมิติหนึ่งที่ไกลออกไปเกินจะนับได้ วงแหวนเวทมนตร์ที่เจ้าใช้เป็นทั้งสัญญาและประตูเดินทาง มันเป็นเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าเจ้าจะนึกถึง"
ออสบอร์นค่อนข้างผิดหวัง เขาได้แอบคัดลอกวงแหวนเวทมนตร์บนกระดาษแผ่นนั้นไว้แล้ว ในอนาคตเขาอาจศึกษามันเพื่อเรียนรู้เวทมนตร์อัญเชิญแบบนี้ได้ มันเป็นคาถาที่เหนือไปกว่าคาถาอัญเชิญโกเลมดินของเขามาก
เพราะคาถาอัญเชิญโกเลมดินเป็นการใช้จิตรวิญญาณธาตุดินและพลังเวทย์โอบอุ้มเอาดินในพื้นที่เป้าหมายเป็นวัสดุในการสร้างสิ่งเทียมมนุษย์ออกมา ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง
แต่คาถาที่อัญเชิญบลังโกไซราแกรนด์ เป็นคาถาที่สร้างความสัมพันธุ์แบบเท่าเทียมกันกับสิ่งมีชีวิตอีกมิติหนึ่งและเชิญพวกมันเข้ามาผ่านประตูมิติที่่พ่อมดสร้างขึ้น ซึ่งต่างกันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง
คาถาแบบนี้ไม่ต้องพูดเลยว่าพ่อมดทุกคนอยากเรียนรู้มันมากขนาดไหน ออสบอร์นก็เช่นกัน
ดังนั้นเขาเลยคิดว่าจะศึกษามันผ่านวงแหวนเวทมนตร์สำเร็จรูปที่คัดลอกไว้ เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้มีเวทมนตร์ทรงพลังเช่นนี้ไว้ใช้
แต่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เขาในตอนนี้จะไม่สามารถทำได้ คงต้องพักเอาไว้ก่อน
ออสบอร์นมองร่างที่ใหญ่โตของบลังโกไซราแกรนด์ การมีลูกน้องระดับตำนานมันก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ที่ของเขามีจำกัด จะจัดการกับที่อยู่ของไฮดราตัวนี้ยังไงดี
บลังโกไซราแกรนด์เหมือนเข้าใจความคิดของออสบอร์นเขาจึงย่อขนาดตัวลงเหลือหกเมตรและเดินหายเข้าไปหลังบ่อน้ำพุวิเศษ ออสบอร์นไม่ได้อยากให้บลังโกไซราแกรนด์รู้สึกกดดันมากเกินไปเขาจึงปล่อยไฮดราตัวนี้ไว้ ก่อนจะเดินกลับมาที่กระท่อม
พ่อมดเฒ่ารู้สึกว่าวันนี้ตนโชคดีเป็นพิเศษ คาถาของเขามีความเป็นไปได้ในการอัญเชิญสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับตำนาน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็มีโอกาสสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เขาก็อัญเชิญสิ่งมีชีวิตระดับตำนานออกมาได้
ตลอดทางกลับบ้านเขาเลยเดินยิ้มไปตลอดทางทักทายตั้งแต่กระรอกตัวเท่าฝ่ามือไปจนถึงคนแคระที่ออกมาเดินเล่นรอบกระท่อมของเขา
วันนี้กอแท็บอาสาพาคนแคระอีกหลายคนออกไปตัดไม้และมาทำกระท่อมอีกหลังให้เขา เมื่อคืนตอนที่ออสบอร์นออกมานอนตรงเก้าอี้โยก เหล่าคนแคระและกอแท็บก็เห็นเช่นกัน พวกเขาจึงตัดสินใจจะสร้างกระท่อมให้ออสบอร์นอีกหลัง
อย่างน้อยก็เป็นการตอบแทนอย่างหนึ่งที่พวกเขาจะให้ได้ พ่อมดเฒ่าเลยไม่อยากขัดใจ
ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้วกระท่อมเองก็กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ก่อนหน้านั้นตอนที่เสียงคำรามของบลังโกไซราแกรนด์ดังสะท้อนไปทั้งป่า พวกคนแคระที่ได้ยินเสียงคำรามก็ตกใจและหยุดการก่อสร้างไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงได้เริ่มก่อสร้างกันต่อ พวกเขาเตรียมพร้อมเสมอ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนกับเหมืองอิกซอร์
กอแท็บที่ดำรงตำแหน่งขุนนางควบคุมแร่ ซึ่งมีอำนาจเป็นอันดับสองรองจากผู้สำเร็จราชการ จึงกลายเป็นผู้นำของเหล่าคนแคระผู้รอดชีวิตทั้งหมด เขาควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเองเพื่อให้แน่ใจว่ากระท่อมที่สร้างออกมาจะดีเยี่ยมที่สุด
แต่เมื่อว่างจากงานเขาจะนั่งลงใต้ต้นไม้และเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพ่อมดเฒ่าออสบอร์นให้เด็กๆคนแคระฟัง
"...ตอนนั้นท่านพ่อมดก็กระโดดขึ้นไปบนตัวของหนอนยักษ์ มันดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดเหมือนกำลังโดนไฟเผา แสงสีเงินที่ท่านพ่อมดเสกขึ้นสว่างไปทั่วถ้ำทิศเหนือราวกับกลางวัน แล้วตอนนั้นเองท่านพ่อมดก็แทงไม้เท้าสีขาวลงไปบนหัวของมันเสียงดังฉึก!
ข้าเห็นกับตาเลยว่ามีพลังสีเงินที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยเห็น วิ่งพล่านไปทั่วร่างของมันเหมือนเป็นเส้นเลือดเส้นหนึ่ง และก็ ตู้ม! ควันสีดำระเบิดออกมาจากร่างหนอนยักษ์ก่อนจะสล่ายไปท่ามกลางแสงสีเงิน ร่างของมันเริ่มเหี่ยวแห้งลงเหมือนเปลือกไม้ พลังชีวิตที่มหาศาลของมันดับลงจนหมดสิ้น วาระสุดท้ายของจอมเขมือบที่บุกเหมืองของเราตายลงเช่นนั้นเอง"
เด็กคนแคระมีแววตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นเหมือนได้ฟังเรื่องเล่าที่สนุกที่สุดในชีวิต เด็กอีกสี่ห้าคนเรียกร้องให้กอแท็บเล่าเรื่องเกี่ยวกับพ่อมดเฒ่าอีกครั้ง แต่กอแท็บไม่มีเรื่องให้เล่าอีกแล้ว เขาเลยอ้างว่าต้องไปดูการก่อสร้างต่อก่อนจะลุกหนีไป
ในมุมหนึ่งของต้นไม้มีร่างของโรอานั่งฟังอยู่ด้วย เขาเริ่มเกิดความลังเลขึ้นในจิตรใจ พ่อมดเฒ่าทรงพลังขนาดนั้นจริงหรือ?