ตอนที่ 10 มุขมนตรีแห่งวอร์ล็อค
ไกลออกไปสุดขอบทิศตะวันตกของมหาทวีป วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ หนึ่งในสามสิบเก้ามุขมนตรีแห่งวอร์ล็อค กำลังใช้มีดสีเงินกรีดลงไปในร่างของเด็กชายผมสีทองคนหนึ่ีง
ร่างกายของเด็กชายผอมแห้งเหมืองกิ่งไม้ ดวงตาไร้แววเหมือนตรอมใจกับชีวิต
ในขณะที่มีดกรีดลงไปในเนื้อสด เด็กชายยังคงรู้สึกตัวอยู่ ความเจ็บปวดนั้นไม่มีอะไรจะเทียบได้ แต่เขาไม่อาจต่อต้าน
"ใกล้แล้วสินะ"
แววตาหลงไหลประหนึ่งมองสิ่งของที่ตนชื่นชอบปรากฎออกมาจากวอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ เขากำลังทำการทดลองปลูกถ่ายอวัยวะของออร์คใส่ลงไปในตัวมนุษย์
มันเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของวอร์ล็อคทั้งหมด นั่นคือการค้นหาวิธีกำจัดข้อด้อยร้ายแรงต่างๆของเผ่าพันธุ์ออร์ค ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาที่ไม่ได้มาตรฐาน อารมณ์รุนแรง และการกลัวแสง
หากพวกเขาทำสำเร็จ เผ่าพันธุ์ออร์คจะผงาดขึ้นอีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นเองวอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ก็รู้สึกได้ว่าภายในจิตรใจของเขามีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด เสียงกรีดร้องดังอยู่เกือบนาทีก่อนจะหายไป เขารู้ได้ทันทีว่าสัตว์เลี้ยงของเขาตายแล้ว หนอนยักษ์ดึกดำบรรพ์ตายแล้ว!
"ม่ายยยยยยยยย!"
วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ตะโกนขึ้นสุดเสียงจนหอคอยทั้งหลังสั่นสะเทือน
เขาไม่ได้สนใจการทดลองตรงหน้าอีกต่อไป แต่รีบตรงไปยังหมู่หอคอยใจกลางอาณาจักรวอร์ล็อค มันเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในอาณาจักร
สภาแห่งซิน!
วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์พุ่งออกไปทางหน้าต่างกลายเป็นควันสีดำทิ้งร่องรอยไปตลอดทาง เพียงแค่สามลมหายใจเขาก็มาถึงยังชั้นที่สูงที่สุดของสภาแห่งซิน
"ใจเย็นก่อนเคอราชอฟฟ์"
เสียงที่แก่ชราดังมาจากในห้องที่เคอราชอฟฟ์กำลังบุกเข้าไป ขณะเดียวกันพลังเวทย์อันทรงพลังก็เข้าห่อหุ้มเคอราชอฟฟ์เอาไว้ ทำให้คนที่กำลังโมโหถูกหยุดนิ่งไว้หน้าประตูเช่นนั้น
วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ดิ้นรนจนหลุดออกจากพลังที่ห่อหุ้มตนเองอยู่ ก่อนจะกลับมาเป็นสถานะรูปร่างมนุษย์อีกครั้งและผลักประตูห้องตรงหน้าเข้าไป
"ท่านต้องให้คำอธิบายแก่ข้ามอร์เทรียส สัตว์เลี้ยงของข้าตายแล้ว!"
เคอราชอฟฟ์ใช้น้ำเสียงรุนแรงพูดกับชายชราที่นั่งอยู่คนเดียวในห้อง
ชายชราคนนี้ใส่ชุดสีขาวสะอาด ผมสีดอกเลาเหยียดตรงถึงกลางหลัง หนวดและเคราถูกตัดแต่งไว้อย่างดี
เขาหมือนนักวิชาการผู้คงแก่เรียนมากกกว่าวอร์ล็อค
มอร์เทรียสเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่าน ก่อนนั้นเขาคิดในใจว่าทำไมคนผู้นี้ถึงไม่ยอมไว้หน้าเขาบ้างกลับใช้กำลังบุกเข้ามา ที่แท้สัตว์เลี้ยงของเขาก็ตายแล้วนี่เอง ก็เหมาะสมอยู่ การเพาะเลี้ยงหนอนยักษ์ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล
"นั่งลงก่อนเถอะเคอราชอฟฟ์ สภาจะชดเชยให้เจ้าอย่างแน่นอน"
มอร์เทรียสมีอำนาจที่จะพูดเช่นนี้เพราะเขาคือประธานของสามสิบเก้ามุขมนตรีแห่งวอร์ล็อค ผู้นำสูงสุดของสภาแห่งซิน
"ถ้าต่ำกว่าหนึ่งล้านเหรียญทองก็ไม่ต้องมาคุยกับข้า"
เคอราชอฟฟ์ยังคงใช้น้ำเสียงดุดัน เงินจำนวนนี้อาจชดเชยทรัพยากรที่เขาเสียไปได้ แต่ไม่อาจชดเชยเวลาที่เขาทุ่มเทไปเพื่อหนอนยักษ์ตัวนั้น
เหรียญทองเป็นสกุลเงินที่ใช้กันทั่วไปในมหาทวีป หนึ่งเหรียญทองในอาณาจักรวอร์ล็อคซื้อทาสมนุษย์ธรรมดาได้หนึ่งคน
แต่ถ้าเป็นทาสเด็กชายอาจใช้ถึงสองเหรียญทอง และจะแพงขึ้นไปตามคุณภาพของร่างกาย
"ตกลง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันยังไม่ได้รับการรายงานจากพวกออร์ค"
มอร์เทรียสใช้พลังเวทย์เรียกเก้าอี้จากมุมห้องมาไว้ใกล้ตัวและเชิญให้เคอราชอฟฟ์นั่งลง
"เมื่อสักครู่นี้เอง ฉันถึงรีบมาหานาย จิตรสัมผัสของฉันที่อยู่ในวิญาณของหนอนยักษ์รับรู้ได้ว่ามันเผชิญกับคาถาอันทรงพลังมาก ควรเป็นคาถาธาตุแสง"
"พวกเอลฟ์หรือเปล่า?"
มอร์เทรียสสงสัย
"ไม่รู้ นายต้องถามพวกออร์ค พวกมันต้องมีคำอธิบายให้กับเรา"
หนอนยักษ์ตัวนั้นเป็นสิ่งที่สภาแห่งซินให้พวกออร์คยืมไปใช้ เคอราชอฟฟ์เองก็เป็นมุขมนตรีแห่งสภานี้เช่นกันเขาเลยต้องยอมให้ยืมสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างจำใจ
"งั้นเรามาทำนายกันเถอะ เคอราชอฟฟ์นายมีความเชื่อมโยงทางโชคชะตากับคนที่สังหารหนอนยักษ์ของนาย นายต้องตั้งคำถามเอง"
มอร์เทรียสพูดจบก็เอาลูกแก้วทำนายออกมาจากชั้นเก็บของ เขาวางมันลงบนโต๊ะและเริ่มถ่ายเทพลังเวทย์ลงไป มอร์เทรียสเก่งกาจเรื่องคาถาทำนายมาก
"เอาละถามคำถามมัน"
เคอราชอฟฟ์ได้ยินดังนั้น เลยใช้มือของเขาสัมผัสไปที่ลูกแก้วที่มีหมอกสีขาวหมุนวนไปมา และตั้งคำถามขึ้นภายในใจของเขา
มอร์เทรียสใช้สายตาเพ่งไปยังลูกแก้วและพยายามเชื่อมคาถาอันทรงพลังของเขากับคำถามของเคอราชอฟฟ์ จนเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งนาทีเต็ม ลูกแก้วเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมันกระพริบแสงสีขาวไปมา เหมือนกำลังจะแสดงคำทำนายที่ถูกต้องเหมือนที่มันเคยทำ
เมื่อวอร์ล็อคทั้งสองคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นโฉมหน้าของบุคคลที่ขัดขวางแผนการของพวกเขา จู่ๆแสงสีขาวก็เปลี่ยนเป็นแสงสีเงินที่สุกใส แสงดังกล่าวกลืนกินลูกแก้วทำนายไปทั้งลูกก่อนจะกระจายแสงออกไปทั่วห้องของมอร์เทรียส
เสียงแก้วร้าวดังขึ้นในอากาศ ตามมาด้วยเสียงแตกดังเพล้ง! สะเทือนเข้าไปถึงในจิตรใจของมอร์เทรียส
วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ถูกพลังสีเงินกระแทกออกไปจนชนกับกำแพงด้านหลัง สภาพของเขาดูไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
"เป็นไปไม่ได้!"
มอร์เทรียสตะโกนเสียงดังลั่น แม้เขาจะใช้พลังสกัดผลกระทบเอาไว้ได้ทันเวลา แต่ในฐานะผู้เริ่มการทำนายครั้งนี้ ภายในจิตรวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เกิดอะไรขึ้นมอร์เทรียส!?"
เคอราชอฟฟ์ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักเพราะเขามีฐานะเป็นแค่สื่อในการทำนาย แต่เขารู้ว่ามอร์เทรียสไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"คนที่เราทำนายถึงเป็นผู้ทรงพลังระดับสูง เขามีอำนาจในการต่อต้านการทำนายที่แข็งแกร่งกว่าฉันมาก เรากำลังเจอกับใครกันแน่?"
มอร์เทรียสมีสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน
"นายรีบติดต่อกับพวกออร์คเถอะ เราจะได้วางแผนรับมือได้ทัน ว่าแต่แสงสีเงินที่ส่องออกมาในตอนท้ายควรถือว่าเป็นเบาะแสได้หรือเปล่า?"
เคอราชอฟฟ์รู้แล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
"ไม่รู้ ฉันไม่เคยเห็นแสงแบบนั้นมาก่อน เอาล่ะนายควรออกไปได้แล้ว ฉันจะติดต่อกับพวกออร์ค"
วอร์ล็อคเคอราชอฟฟ์ไม่รบกวนผู้นำของเขาอีก และรีบเดินออกไปนอกห้อง
ผู้นำของสภาแห่งซินมองแผ่นหลังของเคอราชอฟฟ์หายลับไปหลังประตู เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วเขาก็กรีดร้องออกมาอย่าทุกข์ทรมาร
จิตรวิญญาณของเขากำลังฉีกขาด!
ออสบอร์นมองไปยังคนแคระนับร้อยชีวิตที่อัดแน่นกันอยู่ในห้องที่คับแคบไม่กี่ตารางเมตร ตามที่กอแท็บบอกเขานี่เป็นห้องลับที่ผู้สำเร็จราชการทุกคนเอาไว้ลี้ภัยในยามสงคาม
แต่ผู้สำเร็จราชการคนปัจจุบันไม่ยอมหลบหนีคนเดียว เขาได้พยายามรวบรวมผู้คนที่หนีรอดมาได้และนำมารวมกันไว้ที่นี่
ที่กอแท็บออกไปข้างนอกก็เพื่อตามหาผู้รอดชีวิตและนำมาที่นี่ตามคำสั่งของผู้สำเร็จราชการ
"ท่านพ่อมด คนของเราเตรียมพร้อมแล้ว เชิญท่านสั่งการมาได้เลย"
เสียงดังมาจากผู้สำเร็จราชการแห่งอิกซอร์ กอดิมดูลิน คนแคระเฒ่าที่มีหนวดสีขาวโพลนไปหมดไม่ต่างจากออสบอร์นเลย แต่อายุของเขาน้อยกว่าออสบอร์นครึ่งหนึ่ง
คนแคระมีอายุเฉลี่ยที่หนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี
ออสบอร์นยังสังเกตเห็นถึงรอยคราบน้ำตาบนใบหน้าของผู้สำเร็จราชการแห่งอิกซอร์ได้ กอแท็บได้แจ้งข่าวการเสียชีวิตของคนในครอบครัวของเขาแล้ว
ศพที่ถูกแขวนคอหน้าที่ทำการทั้งหมดเป็นภรรยาและลูกหลานของเขา
พ่อมดเฒ่ายิ้มให้คนตรงหน้าน้อยๆ เขาชื่นชมในความเข้มแข็งของกอดิมดูลินมาก หากเป็นคนธรรมดาที่ทราบถึงชะตากรรมของครอบครัวแบบนี้คงไม่อาจลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วได้เช่นเขา
กอดิมดูลินมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของคนในปกครองอย่างที่ผู้นำทุกคนควรมี คนพวกนี้ยังต้องพึ่งพาเขา
"ตกลง"
ออสบอร์นเริ่มร่ายคาถาลวงตาใส่กลุ่มคนแคระรอบตัว พลังเวทย์ของเขาฟื้นฟูมาจนเต็มแล้ว แต่การทำเช่นนี้ก็ยังทำให้พลังเวทย์ของเขาหมดลงไปครึ่งหนึ่ง
"ออกเดินทางได้"
พ่อมดเฒ่าให้กอแท็บเดินนำหน้าพวกเขาไป ปลายทางคือประตูด้านหลังเหมือง มุ่งหน้าสู่ป่าต้องห้าม