ตอนที่ 1 โลกใบใหม่
ออสบอร์นกำลั่งนอนเอนหลังอยู่ในกระท่อมไม้หลังน้อย ในมือของเขามีหนังสือปกหนังสีน้ำตาลเข้มหนาสามร้อยกว่าหน้า เขาใช้มือสองข้างจับเอาไว้และค่อยๆใช้นิ้วชี้ขวาดุนเปิดไปทีละแผ่น
"ป่าต้องห้ามอยู่ในพื้นที่แถบตะวันออกของมหาทวีปสินะ และยังเป็นพื้นที่แรกที่มีการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาด้วย หากเปรียบกับโลกมันควรจะเป็นแหล่งอารยธรรมไทกริส-ยูเฟรติส"
ออสบอร์นก้มลงจดบันทึกในสมุดจดเล่มเล็กบนตัก เขาศึกษาเกี่ยวกับโลกใบนี้มาหนึ่งเดือนแล้ว
ในชาติก่อนเขาคือศาสตราจารย์เฟรเดอริก ออสบอร์น ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ในวัยเจ็ดสิบปีเขากับนักศึกษาปริญญาเอกจำนวนสิบสองคนได้เดินทางเข้าไปในประเทศอัฟกานิสถานเพื่อศึกษาซากของโบราณสถานบามียาน สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 6
แต่การวิจัยดำเนินไปได้ไม่นานพวกเขาก็ถูกจับเป็นตัวประกันโดยผู้ก่อการร้ายตาลีบัน
ออสบอร์นพยายามพาลูกศิษย์ของเขาหนีออกมาจากที่กักขัง ในตอนท้ายสุดลูกศิษย์จำนวนสิบสองคนหนีออกไปได้แต่ออสบอร์นไม่สามารถ
เขาถือปืนบุกเดี่ยวเข้าไปสู้กับผู้ก่อการร้ายเพื่อถ่วงเวลาให้รถยนต์ของลูกศิษย์ขับหนีออกไปที่ค่ายของทหารอเมริกา
ออสบอร์นตายในวันนั้น...
แต่เขาไม่เสียดายเลย ออสบอร์นถือว่าตนมีชีวิตมาอย่างยาวนานแล้ว เขาได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าและไม่มีความเสียใจใดๆ
ในฐานะคนที่ไม่นับถือศาสนาคนหนึ่งออสบอร์นไม่เชื่อในพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โลกหลังความตายของเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัย เขาจะพบเจอกับสิ่งใดนะหลังจากนี้ หรือมันอาจจะว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่นั่นละ...
สิ่งที่เขาคิดเอาไว้ทั้งหมดไม่เกิดขึ้นเลย เพราะเขามาเกิดใหม่
ในโลกอีกใบที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงกับโลกสีน้ำเงินใบเก่า โลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมายเกินกว่าที่เขาจะนึกถึง ผู้คนใช้ชีวิตเหมือนสมัยยุคกลาง ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่มันมีเวทมนต์!
เจ้าของร่างที่ออสบอร์นมาอาศัยอยู่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ใช้เวทมนต์ได้ เขาคือพ่อมดเฒ่าที่แสนจะธรรดาและรักสงบ ในกระท่อมหลังน้อยนอกจาก โต๊ะ เก้าอี้ และเตียงอย่างละตัวแล้วก็มีแต่หนังสือที่วางเรียงอยู่เต็มผนัง ทางเดิน ริมหน้าต่าง ทุกพื่นที่จนแทบเดินไม่ได้
เพราะการอ่านและวิจัยเป็นงานอดิเรกของเจ้าของร่างคนเก่า เขาใช้ชีวิตมากกว่าครึ่งหมดไปกับการแสวงหาความรู้และแทบไม่ได้ออกไปนอกป่าต้องห้ามแห่งนี้เลย
ออสบอร์นมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน เขาเห็นแสงหิ่งห้อยนับร้อยบินอยู่เต็มสวนด้านหลัง มันเป็นสวนสมุนไพรและพืชกินได้ที่ปลูกเอาไว้เป็นอาหารของที่นี่
"กี่โมงแล้วนะ ไม่มีนาฬิกานี่ไม่ดีเลย"
ออสบอร์นมักเผลอมองที่ข้อมือซ้ายอยู่บ่อยๆเมื่อต้องการดูเวลา แต่เมื่อมองเห็นแต่ข้อมือที่เหี่ยวย่นที่ว่างเปล่าก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้เป็นออสบอร์นคนเก่าอีกแล้ว
"พวกสัตว์นอนกันรึยัง"
พ่อมดเฒ่าวางหนังสือเล่มใหญ่ลงบนเตียง และคว้าตะเกียงไขมันสัตว์เดินออกมาด้านนอก
ป่าต้องห้ามเป็นผืนป่าขนาดใหญ่นับร้อยตารางกิโลเมตร ความอุดมสมบูรณ์ของมันเป็นสิ่งที่ป่าในโลกเก่าของเขาไม่อาจเทียบได้ ต้นไม้สูงเกินกว่าร้อยเมตร สัตว์ป่ามีมากมายไม่มีสิ้นสุด เวลากลางคืนของมันจึงวังเวงและเต็มไปด้วยสัตว์นักล่า
ออสบอร์นเดินอ้อมมาหลังกระท่อม เขาเห็นครอบครัวของกระรอกหลายสิบตัว โพรงกระต่ายใต้ต้นไม้อีกนับไม่ถ้วน พวกมันเป็นสัตว์ที่ถูกปลุกสติปัญญาด้วยพลังเวทมนต์ที่หนาแน่นในป่าแห่งนี้ จึงนับได้ว่าเป็นเพื่อนที่น่ารักของเจ้าของร่างคนเก่า สำหรับออสบอร์นเองก็เช่นกัน
เมื่อเดินผ่านสวนสมุนไพรของเขาออกมาอีกยี่สิบเมตร มีตาน้ำพุสีใสระยับเหมือนส่องแสงได้ผุดออกมาเป็นระยะ บริเวณตาน้ำพุเป็นบ่อน้ำขนาดย่อมกว้างกว่าสิบห้าเมตร มันไม่ใช่บ่อน้ำธรรมดา
ออสบอร์นก้มลงริมบ่อน้ำใช้มือกวักน้ำในบ่อขึ้นมาดื่ม เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่น้ำในบ่อแม้จะถูกตักออกมาแล้วก็ยังส่องแสงอยู่ ในความทรงจำของร่างเก่าบ่อน้ำนี้เรียกว่าบ่อน้ำแห่งการชำระล้าง มันมีสรรพคุณในการเสริมสร้างพลังชีวิต ขจัดโรคภัย รักษาบาดแผล และต่อต้านสิ่งชั่วร้าย
ความลับของมันไม่ได้อยู่ที่น้ำในบ่อแต่เป็นวัตถุพิเศษที่ถูกฝังเอาไว้ใต้ตาน้ำพุต่างหาก
"หืม เสียงอะไร"
ออสบอร์ลุกขึ้นยืนและหันกลับไปด้านหลังเขาได้ยินเสียงเหมือนคนตะโกนและเสียงฝีเท้าของคนมากกว่าสามสิบคน
พ่อมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษพวกเขามีประสาทสัมผัสที่ว่องไวและเฉียบแหลม
ออสบอร์นเดินกลับเข้าไปในกระท่อมและหยิบไม้เท้าสีน้ำตาลออกมามันเป็นเหมือนไม้เท้าของพ่อมดในหนังเก่าๆที่เขาเคยดูในโลกก่อน แต่ไม้เท้าอันนี้เป็นของจริง มันสามารถช่วยในการร่ายเวทมนต์ของผู้ใช้ได้ในระดับหนึ่ง
จากการคาดคะเนของเขา กลุ่มคนพวกนี้อยู่ห่างออกไปประมาณห้าร้อยเมตรพวกเขากำลังหาบางอย่างในป่า ออสบอร์นไม่สบายใจอย่างมาก แม้ว่าโลกนี้จะมีสิ่งพิเศษที่เรียกว่าเวทมนต์ แต่กลุ่มคนที่ใช้เวทมนต์ยังคงมีจำนวนน้อย และไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่คนปกติ ในบางพื้นที่ผู้ใช้เวทมนต์อาจถูกมองว่าเป็นพวกชั่วร้ายและต้องถูกกำจัดด้วยซ้ำ
แม้ในความทรงจำของเขาอาณาจักรมนุษย์ในระแวกนี้ จะไม่ได้ต่อต้านเวทมนต์อย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นมิตรมอบให้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่ตามมา เขาจะปล่อยให้คนกลุ่มนี้เจอกระท่อมของเขาไม่ได้
ออสบอร์นลงมือตรวจสอบคาถาลวงตาที่ปกปิดกระท่อมและบริเวณโดยรอบระยะสองร้อยเมตร เมื่อแน่ใจว่ามันยังคงแข็งแรงดีเขาก็ลงมือร่ายคาถาเรียกหมอกออกมาปกคลุมพื้นที่นี้เอาไว้ จากนั้นจึงร่ายคาถาเขาวงกตอีกรอบ การป้องกันสามชั้นมันควรจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
ที่จริงเขาอยากร่ายเวทมนต์ออกมามากกว่านี้ เสียดายว่านี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว เจ้าของร่างเดิมไม่ใช่พ่อมดที่แข็งแกร่ง เขาสามารถร่ายเวทมนต์ติดต่อกันได้ไม่เกินสามครั้ง และเวทมนต์ที่เรียนรู้ได้ก็น้อยมาก แทบไม่มีเวทมนต์ที่ใช้ต่อสู้ได้จริงอยู่เลย นอกจากนี้ยังเป็นเวทมนต์ขั้นต่ำสุดทั้งหมด
สำหรับคนธรรมดานี่อาจดูยิ่งใหญ่มากแล้ว แต่สำหรับผู้วิเศษด้วยกันเขาไม่ต่างไปจากขยะ
ออสบอร์นถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในกระท่อม แต่ในตอนนั้นเองเสียงที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลก็ดังขึ้นในหัว
[ติ้ง!..