Chapter 24: บังเอิญไปเจอแผนการชั่วร้าย!
สิ่งที่เขาสังเกตเห็นนั้นชวนให้นึกถึงฉากหนึ่งจากพิธีกรรมปีศาจ –มันคือรูปดาวห้าแฉกที่สลักเอาไว้อย่างแม่นยำที่มุมหนึ่งของกำแพง ณ ปลายสุดของถ้ำ แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิท แต่เขาก็มองเห็นมันได้อย่างชัดเจนผ่านคุณสมบัติมองกลางคืนของเขา
สายตาของเขา เปี่ยมไปความเอาจริงเอาจังในขณะที่เขามองมัน
‘นี่ฉันอ่านมันออกได้ยังไง?’
แม้ว่าตัวอักษรที่จารึกอยู่ในดาวห้าแฉกนั้นจะเป็นภาษาที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาก็สามารถเข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้นได้ด้วยสาเหตุบางอย่าง
‘หรือว่ามันจะเป็นเพราะพลังสายเลือดที่ทำให้เรากลายเป็นครึ่งปีศาจ’
วัลสรุปเอาว่าดาวห้าแฉกนี้คือสิ่งที่มีแค่พวกที่มีต้นกำเนิดของปีศาจเท่านั้นที่สามารถแปลได้ และด้วยสายเลือดของปีศาจเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา เขาจึงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่เฉพาะนี้ด้วย
‘มาดูกันว่ามันเขียนเอาไว้ว่ายังไง’
เมื่อถอดความในดาวห้าแฉกแล้ว เขาก็พบว่ามันคือกลไกลับที่ซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงกับฐานที่มั่นไอรอนสไปร์และมันก็ต้องการสายเลือดของปีศาจในการเปิดใช้
‘ฉันเป็นครึ่งปีศาจ เลือดของฉันจะเพียงพอไหมนะ?’
‘เอาเถอะ ตรวจสอบดูก็ไม่เสียหายอะไร’
วัลเฉือนเนื้อของเขาอย่างช่ำชองด้วยคมมีดที่สร้างขึ้นจากเลือดของตัวเองและเอาของเหลวสดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเขาป้ายบนกำแพง
ทันใดนั้นเอง มันก็เต้นเป็นจังหวะเหมือนมีชีวิต กระตุ้นให้ทั้งถ้ำสั่นไหวด้วยเสียงสะท้อนดังลั่น
ครืนน!
กำแพงที่อยู่เบื้องหน้าวัลถูกทำลายลง
มันเผยให้เห็นห้องโถงที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน และความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไปยังแท่นบูชาที่อยู่ตรงกลางโดยอัตโนมัติ
มันแผ่กลิ่นอายที่ดูโบราณและประดับประดาด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน มันดูเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาจากหินสีไม้มะเกลือที่ดูเรียบเนียน และมันก็เปล่งแสงประหลาดตัดผ่านความมืดและมอบความสว่างให้กับข้างในถ้ำ
มีตัวเลขโรมัน – I – สลักเอาไว้ที่ฐานของมัน
ซึ่งมันได้บ่งบอกว่าแท่นบูชานี้จะตอบสนองก็ต่อเมื่อผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 สัมผัสเพียงเท่านั้น ใครก็ตามที่มีเลเวลสูงกว่านั้นก็จะไม่สามารถทำให้มันเกิดปฏิกิริยาได้
“นี่มันทางเข้าดันเจี้ยนนี่!”
ความประหลาดใจสว่างวาบในดวงตาของวัลในตอนที่เขาทราบถึงจุดประสงค์ของมัน
ดันเจี้ยน ที่ปรากฏขึ้นทั่วโลกในช่วงหลายสิบปีมานี้ ล้วนมีความเหมือนที่แตกต่างกันออกไป พวกมันจะเข้าถึงได้ผ่านทางตัวเทเลพอร์ตเพียงเท่านั้น โดยมีเลขโรมันสลักเอาไว้ซึ่งบ่งบอกถึงเลเวลของผู้ใช้สายเลือดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
แท่นบูชาที่อยู่เบื้องหน้าวัลนั้นคือหนึ่งในตัวเทเลพอร์ทที่ว่าอย่างแน่นอน และเลขโรมันที่เขียนเอาไว้ก็แสดงให้เห็นว่ามีแค่ผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 เท่านั้นที่จะถูกเทเลพอร์ทไปยังดันเจี้ยนเท่านั้น
แต่ละดันเจี้ยนจะมีภารกิจที่แตกต่างกันออกไปซึ่งนักสำรวจดันเจี้ยนจะต้องค้นพบด้วยตัวเอง หากสำเร็จภารกิจได้ก็จะทำให้ดันเจี้ยนหายไป และนักสำรวจดันเจี้ยนผู้มีชัยก็จะถูกพากลับไปยังจุดเริ่มต้น
ในส่วนของดันเจี้ยนที่ไม่มีใครเข้าไปพิชิตก็จะถูกกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ ‘ดันเจี้ยนแตก’ ที่ซึ่งจะทำให้ฝูงมอนส์เตอร์บุกรุกเข้ามายังเอลดริช
โดยปกติแล้วเหตุการณ์นี้จะกลายเป็นหายนะสำหรับป้อมปราการที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
นอกจากนี้ดันเจี้ยนยังเป็นแหล่งของทรัพยากรที่มั่งคั่งอีกด้วย มอนส์เตอร์ที่อยู่ในดันเจี้ยนจะแตกต่างจากสัตว์ร้ายตรงที่มันจะดรอปแกนกลางเมื่อเอาชนะได้ ซึ่งการดูดกลืนแกนกลางเหล่านี้จะช่วยเสริมคุณสมบัติ นอกจากนี้ แต่ละดันเจี้ยนจะมีบอสอยู่ การพิชิตมันอาจจะมอบวัสดุที่มีประโยชน์สำหรับการวิวัฒนาการ
ซึ่งปีศาจที่ร่ายเวทมนตร์ปกปิดเอาไว้รอบดันเจี้ยนนี้ก็คงจะมีเหตุผลเดียวกัน
อย่างแรกเลย ปีศาจต้องการดันเจี้ยนเพื่อการใช้งานของมันคนเดียวโดยเฉพาะ ด้วยการกักตุนทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์เอาไว้ข้างใน ทุกๆ ดันเจี้ยนถือเป็นขุมสมบัติที่เปี่ยมไปด้วยวัตดุดิบหายากและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทั้งมนุษย์, ปีศาจ, รวมถึงสัตว์ร้ายด้วย และผ่านการผนึกดันเจี้ยนด้วยวิธีการที่มีแค่ปีศาจที่ฉลาดอย่างมันเท่านั้นถึงจะเปิดได้ ปีศาจตนนี้จึงมั่นใจว่ามีแค่มันตนเดียวที่จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหล่านี้
อย่างที่สอง การผนึกดันเจี้ยนนี้ถือว่าอำพรางได้อย่างยอดเยี่ยม ผนึกได้บดบังตัวตนของดันเจี้ยน ทำให้มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจจับได้สำหรับสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่เดินผ่านป่าราตรีนิรันดร์
จากที่ว่ามานี้ ปีศาจตั้งใจจะทำให้เกิดดันเจี้ยนแตก เหตุการณ์หายนะที่จะปลดปล่อยศัตรูที่น่ากลัวมาสู่ฐานที่มั่นไอรอนสไปร์ และก่อให้เกิดอันตรายสำหรับผู้อยู่อาศัยในนั้น ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ปีศาจอย่างมันก็จะบุกรุกฐานที่มั่นได้ง่ายขึ้นและไล่ล่าประชากรในนั้น!
แม้ว่ามันจะมีคนโชคดีบังเอิญมาเจอผนึกปีศาจนี้ แต่การถอดรหัสกลไกอันลึกลับเพื่อปลดผนึกมันก็คงจะไม่ใช่งานที่ง่าย ไม่มีใครบอกได้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนผนึกถึงจะถูกปลด และมันก็ช่วยรับรองได้อย่างมีประสิทธิภาพว่าแผนของปีศาจจะไม่ถูกขัดขวาง
อย่างไรก็ตาม ปีศาจไม่ได้พิจารณาถึงตัวแปรหนึ่ง – วัล
เขาสามารถทำลายผนึกและค้นพบทางเข้าดันเจี้ยน แถมเขาอาจจะพิชิตดันเจี้ยน และทำลายแผนการของปีศาจได้ด้วยซ้ำ
วัลไม่ได้กังวลเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ปีศาจตัวนั้นไม่น่าจะแข็งแกร่งไปกว่าผู้ใช้สายเลือดเลเวล 1 หรืออาจจะอ่อนแอกว่านั้นในแง่ของการต่อสู้ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไร ก็คงจะมีแค่ปีศาจระดับนั้นที่ต้องการปลุกระดมดันเจี้ยนเลเวล 1 เพื่อตัวมันเอง เขามั่นใจว่าเขาสามารถขยี้ปีศาจชั้นต่ำเช่นนี้ได้ด้วยกำลังของเขาเพียงคนเดียว!
วัลเลียริมฝีปาก ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ นานา
‘ฉันต้องเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนบุกเข้าไป’
ดันเจี้ยนนั้นเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแท้จริง โดยหลักแล้วจะต้องเป็นทีมผู้ใช้สายเลือดสามคนถึงจะกล้าบุกเข้าไป—นักรบหนึ่งคนสำหรับคุ้มกัน, ผู้ใช้สายเลือดประเภทโจมตีหนึ่งคนสำหรับทำความเสียหาย, และฮีลเลอร์หนึ่งคนสำหรับช่วยชีวิต
อย่างไรก็ตาม วัลถือเป็นกรณีพิเศษ พละกำลังของเขาได้ก้าวข้ามผู้ใช้สายเลือดประเภทนักรบเลเวล 1 ไปแล้ว ทักษะดูดเลือดของเขาเองก็ทำหน้าที่ในการรักษาได้อย่างยอดเยี่ยม และความสามารถในการควบคุมเลือดก็ทำให้เขามีความสามารถในการโจมตีที่เหนือกว่าหลายๆคนที่อยู่ระดับเดียวกับเขา
ด้วยหลักนี้เอง เขาจึงมีความสามารถในการพิชิตดันเจี้ยนได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่ว่า เขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้คราวหลัง
สมุนไพรชำระล้างเลือดที่เขาเก็บมายังอยู่กับตัว และการต่อสู้ที่ร้อนแรงก็อาจจะทำให้พวกมันเสียหายได้
ดังนั้น เพื่อที่จะจัดแยกพวกมัน เขาจึงกลับไปยังฐานที่มั่นไอรอนสไปร์ก่อน
เขาได้เก็บสมุนไพรเอาไว้ต้นหนึ่งสำหรับใช้ส่วนตัว เมื่อเขาปลุกพลังสายเลือดของไวท์มอร์ได้แล้ว เขาวางแผนที่จะใช้มันเพื่อเพิ่มพลังสายเลือดไวท์มอร์ของเขาไปสู่เลเวล 2 โดยตรง
ในส่วนของสมุนไพรอีกสองต้นที่เหลือ เขาตั้งใจจะนำมันไปแลกเปลี่ยน
เขาสามารถเลือกนำมันพวกมันไปขายที่ตลาดเปิดได้ แต่การทำเช่นนั้นจะได้ผลตอบแทนมาแค่ทองเท่านั้น นอกจากนี้ มันยังลุกลามไปถึงงานที่น่ารำคาญอย่างการมองหาสินค้าที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองได้อีก
ดังนั้นแล้ว การแลกเปลี่ยนสมุนไพรกับของจากพ่อของเขาน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและสะดวกยิ่งกว่า!
‘ไปหาโจชัวดีกว่า’