บทที่ 80 : ภารกิจปกป้อง (6-1)
บทที่ 80 : ภารกิจปกป้อง (6-1)
ทหารมนุษย์ที่ร่างกายท่อนล่างหายไปลากครึ่งบนของพวกเขาโดยใช้สองแขนอย่างน่าเวทนา
ก็อบลินที่มีกระดูกบิดเบี้ยวก็เดินเซจนแทบจะล้ม
ยักษ์กลายเป็นเม่นที่มีลูกธนูปักอยู่เต็มตัว และมันดิ้นไปมาขณะกลิ้งตัวอยู่ในแอ่งบ่อเลือด
“อ๊ากกก!”
ทหารคนหนึ่งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและวิ่งหนีไป
แต่ไม่ทันจะได้วิ่งไปถึงไหนก็มีมือโผล่ออกมาจากพื้นดินด้านล่างและคว้าตัวเขาไว้ ซากศพเริ่มกลืนกินเครื่องในของทหารคนนั้น
“อั๊ก อ๊าก อึก….”
ทหารที่อยู่ท่ามกลางซากศพกลายเป็นเหยื่อโดยไม่สามารถต้านทานได้
ศพนองเลือดหลายพันศพนอนอยู่บนที่ราบลุกขึ้นพร้อมกัน
แขนขาของพวกเขาห้อยไม่เป็นทรง กล้ามเนื้อเหยียดยาว ปล่อยเสียงครวญครางออกมา
ผิวของออลก้าซีดลงเมื่อเธอมองดูพวกเขา
ก่อนที่ความหวาดกลัวจะเกิดขึ้น
ฉวบ!
ฉันโยนหินออกไปโจมตีศพที่อยู่ใกล้เคียง
“กลับไปรวมกลุ่มกันที่ในเมืองก่อนก่อน”
“พี่ พวกนั้นมันอะไรกันเนี่ย?”
“ปรสิตที่หอบสมองเดินเหมือนกับเส้นบะหมี่”
ฉันทุบหัวของศพมนุษย์ที่กำลังเข้าใกล้ด้วยโล่ของฉัน
ไอ้ตัวนั้นล้มเอาหน้าจุ่มลงไปในแอ่งน้ำ
“อย่าเล็งไปที่แขนหรือขาของมัน บดขยี้หัวพวกมัน”
ไม่มีใครตอบอะไร
ความกลัวปรากฏชัดบนใบหน้าของพวกเขา
ฉันคว้าคอเสื้อของอารอน จากนั้นเขย่าเขาอย่างแรง
“นายอยากจะกลับมามีชีวิตรอดกลับไปกับฉัน หรือกลายเป็นเหมือนไอ้พวกนั้น?”
“แต่สัตว์ประหลาดพวกนั้น….”
“ตอบฉัน อารอน!”
อารอนรู้สึกตกใจและจับหอกของเขาแน่น
“ผมจะรอดกลับไปกับพี่ครับ”
"ดีมาก ฉันจะพาออลก้าและไปที่ประตูเมือง!”
“รับทราบ!”
หลังจากอุ้มออลก้าขึ้นมาฉันก็วิ่งตรงไปข้างหน้า
อารอนถือหอกเดินตามไปทางซ้าย ขณะที่เจนน่าถือกริชอยู่ทางขวา
“พวกมันช้า จัดการมันให้ติดกำแพงเมืองไปเลย!”
อารอนเสียบหัวของศพก็อบลินที่ส่งเสียงครวญครางอยู่หน้ากำแพงด้วยหอกของเขา
ศพที่เต็มไปด้วยเลือดนับพันค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้กำแพงเมืองอย่างช้าๆ
ซากศพที่กลับมามีชีวิต
สัตว์ประหลาดฟื้นคืนชีพจากความตายภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง
แม้ว่าพวกมันจะสูญเสียทักษะและความสามารถทางกายภาพไปมาก แต่ความกระหายเลือดนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ พวกมันจะทำหน้าที่ต่อไปตราบเท่าที่หัวของพวกมันยังอยู่ที่เดิม
สัตว์ประหลาที่ปรากฏบนชั้น 10 ของหอคอยนั้นไม่ธรรมดาเลย
ความยากก็ผิดปกติ
"ฮึ่บ! ปิดประตู! ปิดมันเดี๋ยวนี้!"
ตามคำสั่งของทหารที่อยู่ด้านในประตู ทหารที่อยู่ตรงนั้นจึงหมุนคันโยกอย่างรวดเร็วด้วยแรงที่มี ประตูก็ค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ
“เจนน่า!”
เจนน่าดึงลูกธนูออกมาแล้วเล็งไปที่คันโยก
ลูกธนูแทงเข้าไปที่ปลายแขนของทหารที่กำลังหมุนคันโยก และเขาก็จับแขนของเขาด้วยความเจ็บปวด
เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเข้าควบคุมคันโยกอีกครั้ง
“อารอน!”
อารอนรีบไปที่ประตูและเสียบลูกกรงเหล็กเข้าไปในช่องว่าง
เขายันตัวเองไว้กับลูกกรงที่ดัดงอ
“ทำไมมันไม่ล็อค! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
ทหารคนนั้นเริ่มโวยวาย ปล่อยคันโยกและเตะทางเดิน
ฉันผลักออลก้าให้เข้าไปผ่านช่องว่างในประตู ทั้งสองเดินตามเข้าไปข้างในอารอนถือคันโยกอยู่ข้างในประตูแล้วพูดว่า
"เข้ามาสิครับ!"
“ฉันไม่ไป ปิดประตูเลย”
"อะไรนะ?"
“เข้าไปในเมือง เข้าร่วมกับกลุ่มของอีดิสและปกป้องรูปปั้นของเทพธิดา พวกนายเองน่าจะยื้อไว้ได้หากปิดประตูแล้วล็อคดีๆ”
“ฮาน ทำไมนายไม่เข้ามา!”
ศพเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีเวลาอธิบาย
“ฉันดูเหมือนคนที่พร้อมจะตายเหรอ?”
“แต่ข้างนอกนั้น…”
"เชื่อฉัน"
เจนน่าพูดอย่างหนักแน่น
“…นายจะกลับมาใช่ไหม?”
ฉันยิ้มแล้วพูดว่า
“ต้องถามด้วยเหรอ?”
"ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะปิดประตู!”
“แต่พี่เขายังอยู่ข้างนอกนะครับ!”
“เขามีแผนแน่นอน! เชื่อใจเขาเหมือนที่ผ่านมาสิ”
หอกของอารอนถูกดึงกลับมา และประตูก็เริ่มปิดลง
ก่อนที่ประตูจะปิด ออลก้ากระซิบเบาๆว่า
“ได้โปรดอย่าตายนะ”
“บอกตัวเองเถอะ”
"ครืดด"
ฉันก้าวถอยหลังออกจากประตู
ตุ๊ม!
กระบองเหล็กของยักษ์โจมตีประตูอย่างแรง
ประตูสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่พัง
ตูม ตูม ตูม!
ยักษ์ตัวใหญ่ยังคงทุบประตูด้วยกระบองเหล็กต่อไป เศษไม้ร่วงกับพื้น พวกมันไม่มีปัญญาใช้บันได ดังนั้นเราอาจจะสามารถรั้งพวกมันไว้กับประตูได้สักพักใหญ่
"อ๊ากก อั๊กก"
ศพของทหารมากมายกำลังเจาะประตู หลังจากป้องกันมันด้วยโล่ ฉันก็ตัดหัวมันออกทันที
ข้างๆ มันเป็นก็อบลิน ฉันตัดหัวพวกมันไปสามครั้ง คอของศพที่ถูกตัดขาดก็หลั่งเลือดเน่าเฟะออกมาขณะที่พวกมันล้มลง
ฉันกดไหล่แนบกับกำแพงเมืองแล้วกระโดดไปด้านข้าง
ไอ้ศพเหล่านี้เคลื่อนไหวตามสิ่งสำคัญสองประการ ประการแรกคือการทำลายรูปปั้นเทพธิดา และประการที่สองคือความล่าสิ่งมีชีวิตและกินมันซะ ดังนั้นในบรรดาศพหลายพันศพ มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ติดตามฉันมา พวกมันส่วนใหญ่เกาะติดกับประตู
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง
“อ๊ากกก!”
ทหารที่กำลังปีนบันไดคงจะลื่นออกมา
“ชายผู้น่าสงสาร โชคไม่เข้าข้างเขาสินะ”
การรับมือกับคนที่ยืนเฉยๆ ย่อมง่ายกว่าคนที่วิ่งไปมา ดังนั้นศพพวกนั้นจึงมุ่งหน้าไล่ตามทหารที่กรีดร้องพร้อมกับแขนขาบิดเบี้ยว
กร๊อบบ แกร๊บบ
ขณะที่ฉันวิ่งต่อไป ฉันได้ยินเสียงเนื้อที่ถูกเคี้ยวและกระดูกที่โดนหัก
แต่ฉันทำอะไรเพื่อช่วยเขาไม่ได้เลย ท้ายที่สุดเขาก็ตายไป
ฉันย้ายไปยังตำแหน่งที่ฉันจะไม่ถูกล้อมและเริ่มทุบหัวของศพที่เข้ามาใกล้
ฉันมองดูป่าที่กำลังลุกไหม้
เป้าหมายของฉันอยู่ข้างในนั้น
“นักบวชทมิฬ”
ส่วนใหญ่มันจะอยู่ที่ชั้นกลาง
ระดับของพวกมันไม่สูงและพลังการต่อสู้ของพวกมันก็ไม่ได้มากมาย แต่พวกมันมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกมันน่ารำคาญมาก นั้นคือการทำให้ศพฟื้นคืนชีพ พวกมันสามารถทำให้ศพที่อยู่รอบตัวพวกมันฟื้นขึ้นมาและเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นซอมบี้ได้
ยิ่งมีซากศพมากขึ้นเท่าไร การสู้ในด่านนั้นก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น
ในภารกิจเช่นนี้ พวกมันค่อนข้างจะยุ่งยาก
แต่ก็มีกลยุทธ์ในการจัดการกับพวกมันเหมือนกัน
หากฉันต้องเผชิญหน้ากับศพทีละศพ ฉันคงถูกฝังอยู่ที่นี่
“ฉันจะต้องไปจัดการกับนักเวทย์คนนั้น”
ทีแรกฉันคิดว่าจะพาเจนน่าไปด้วย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปคนเดียว
เพราะยังมีศพอยู่ในเมือง
ฉันมองขึ้นไปที่กำแพงเมือง อีดิสแทงหน้าผากของพวกมันด้วยกริชของเธอ เธอเริ่มกวาดล้างศพทีละตัว
สายตาของฉันประสานกับดีก้า
“พี่…”
"เข้มแข็งไว้!"
ดีก้าพยักหน้าอย่างมั่นคง
'ไม่มีสัญญาณของความกลัว'
ไม่มีใครเสียชีวิต
แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็แสดงความกล้าหาญออกมาในการต่อสู้
ความเป็นผู้นำของอีดิสดูเหมือนจะดีกว่าที่ฉันคาดไว้ เมื่อมีอีกสามคนมาร่วมกับเธอ พวกเขาก็ทำได้ดีแม้ไม่มีฉัน
ฉันจัดการไอ้ตัวที่มันขวางเส้นทางของฉันลงแล้วเดินต่อไป เป้าหมายก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
“ฮี่ ฮี่!”
ม้าหายไปแล้ว และศพก็รุมล้อมอยู่รอบๆ ฉันกระโดดและเตะเข้าไปจนหนึ่งในนั้นหลังหัก ขณะที่ฉันเหวี่ยงดาบเป็นครึ่งวงกลม ร่างกายทั้งห้าส่วนบนและส่วนล่างของมันก็ถูกตัดเป็นแนวทแยง
เมื่อวงล้อมพัง ม้าก็พยายามหันหัวและวิ่งหนีไปทันที
ฉันรีบเข้าไปใกล้ คว้าบังเหียนแล้วขึ้นขี่ม้า ม้าเองพยายามจะเหวี่ยงฉันออกไป ฉันตบคอมันแล้วพูดว่า
"ไม่ต้องกังวล นายจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับฉัน”
สักพักม้าก็สงบ
ฉันเตะสีข้างของมัน และม้าก็เริ่มเร่งความเร็ว
เพื่อจะเข้าไปในป่า ฉันต้องฝ่าฟันศพนับพัน ฉันต้องการความสามารถในการทะลุผ่านเข้าไป
โชคดีที่ม้าของทหารม้าเป็นม้าศึกพันธุ์ดี ตัวใหญ่ และได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ข้อกำหนดที่สำคัญสำหรับม้าศึกคือไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้อยู่หน้าหอก
ม้ามีความเร่งเพียงพอ มันจึงพุ่งเข้าชนศพขณะที่มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
แน่นอนว่ายังมีอุปสรรคที่ต้องหลีกเลี่ยงเช่นกัน
ฉันรีบดึงบังเหียนไปทางซ้าย และหัวม้าก็หันหลบทันที กระบองเหล็กของออเกอร์เพิ่งเฉียดเราไป ด้านหลัง ซากศพหมาป่าที่ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ และพุ่งเข้ามาหาเรา
หมาป่าตัวหนึ่งกำลังจะกัดก้นม้าก็โดนลูกธนูยิงเข้าที่หัวแล้วล้มลง
เมื่อมองกลับไป ฉันเห็นเจนน่าเล็งธนูมาจากบนกำแพงเมืองอันไกลโพ้น ทุกครั้งที่เธอดึงสายธนู จะมีหมาป่าตัวหนึ่งล้มลง
'ยัยผู้หญิงคนนี้นะ...'