ตอนที่แล้วบทที่ 56 : มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเป็นวีรบุรุษได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58: ในนามของโฮคาเงะ คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร

บทที่ 57 : คุเรไนผู้มุ่งมั่น ต้องตามซาโตรุให้ทัน


บทที่ 57 : คุเรไนผู้มุ่งมั่น ต้องตามซาโตรุให้ทัน

“แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นท่านซึนาเดะ ฉันก็จะต้องพยายามอย่างเต็มที่” คุเรไนเงยหน้าขึ้นและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตในความโกลาหลตอนเก้าหางออกมาอาละวาด และเธอเองก็ใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังมาตั้งแต่เด็ก

ในวันที่เธอถูกนินจาจากหมู่บ้านศัตรูปิดล้อม และเมื่อเธอกำลังจะตาย ซาโตรุก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเธอไว้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซาโตรุที่เคยเป็นคนขี้เล่นและใจร้ายก็กลายเป็นวีรบุรุษที่หล่อเหลาในสายตาของเธอ

เพราะการตายของพ่อแม่ หัวใจเธอจึงแข็งกระด้างตั้งแต่ยามนั้นเป็นต้นมา ทว่าตั้งแต่เหตุการณ์ยามนั้น หัวใจของเธอได้ละลายน้ำแข็งลงไป

เธอต้องการซาโตรุ

เธอชอบซาโตรุมาก

ดังนั้นแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นท่านซึนาเดะที่มีร่างกายและหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ เธอก็ยังต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อคนที่เธอชอบ

“ถึงแม้ว่าท่านซึนาเดะจะมีรูปร่างดีและสวยมาก แต่ฉันก็อายุน้อยกว่าเธอ” คุเรไนปลอบใจตัวเอง

"โธ่" อาสึมะจุดบุหรี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพ่นกลุ่มควันสีซีดออกมา สิ่งที่เขาต้องการจะพูดนั้นหยุดกะทันหันแล้ว เขาได้แต่หันหลังและเดินไปอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ

มีโอกาสก็บ้าล่ะ

จบสิ้นกันแล้ว

มามุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ของท่านโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ดีกว่า

“คุเรไน ซาโตรุมีลูกห้าคนจริงๆ เหรอ?” กายมองดูซาโตรุในกำแพงด้วยความตกใจ

“ถ้าอย่างนั้นลูกๆ ของซาโตรุและอาจารย์ซึนาเดะต้องเป็นอัจฉริยะกันหมดแน่ๆ เลยใช่ไหม?”

“หากมีโอกาสในอนาคต ฉันเองก็อยากให้ลีแข่งกับลูกๆ ของซาโตรุดู เป็นการดวลของชายหนุ่ม โอ้…นี่สินะคือพลังคนหนุ่มสาว!” กายยกนิ้วให้พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักบนใบหน้า ฟันของเขาเป็นประกายแวววับ

“กาย ช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม?” มุมปากของคุเรไนกระตุกเล็กน้อย  ควันสีดำคล้ายกำลังพวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของเธอ รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเธอกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกอันตราย

เธอเครียดมาก แต่ไอ้กายบ้านี้ยังคงเติมเชื้อไฟให้กับความหึงหวงต่อไปไม่หยุดหย่อนเลย

ว่าแต่ซาโตรุและซึนาเดะมีลูกห้าคนจริงเหรอ?

ล้อเล่นกันชัดๆ!

“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะ ท่านโฮคาเงะกำลังตกอยู่ในอันตราย  ส่วนเรื่องการแข่งขันกับลูกๆ ของซาโตรุ ไว้คุยกันทีหลังแล้วกัน” กายบีบคางและครุ่นคิดอย่างจริงจัง

“กาย นายนี้สมควรเป็นโสดตลอดไปจริงๆ” กระทั่งคุเรไนยามนี้ก็พูดไม่ออก

อะไรของเขาเนี่ย?

สิ้นหวังแล้วล่ะเจ้าหมอนี้

“ซาโตรุเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผู้หญิงจะส่งผลต่อความเร็วในการปล่อยหมัด มีเพียงคู่ต่อสู้จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นฉันจึงต้องมีคู่ต่อสู้ที่เรียกว่าสหาย นี่แหละคือพลังแห่งวัยเยาว์ของฉัน!” กายพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

คุเรไนหันหลังและเดินออกไปไกล เธอพูดไม่ออกและไม่มีอะไรจะพูดต่อ

ภายในกำแพง

“เจ้าหนู ชื่อซาโตรุใช่ไหม เธอช่วยทลายกำแพงได้หรือเปล่า?”

สติสัมปชัญญะของโทบิรามะค่อยๆ เลือนลาง เขามองไปที่ซาโตรุด้านบนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ น่าจะหยุดทั้งเราสองคนและโอโรจิมารุได้ในเวลาอันรวดเร็วใช่ไหม?"

เขาฉลาดมาก เขารู้ว่าจักระของซาโตรุมีระดับเดียวกับอุจิวะ มาดาระ

นอกจากจักระนี้แล้ว ยังดูมีพลังแปลกๆ อีกด้วย

น่าจะเป็นขีดจำกัดทางสายเลือดของเขา

ซาโตรุกัดลูกชิ้นแล้วพูดคลุมเครือขณะเคี้ยว “อย่าหวังเลย ผมเป็นแค่นินจาธรรมดาๆ เท่านั้นเอง”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็ถึงกับพูดไม่ออก

ถ้าซาโตรุเป็นนินจาธรรมดา โลกนินจาจะยังมีนินจาที่แข็งแกร่งอยู่ไหม?

“เจ้าเด็กน้อยนี้…” ดวงตาของโทบิรามะเปลี่ยนเป็นสีดำ ตอนนี้เขาเหมือนหุ่นเชิดโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ เจือปนอีกแล้ว

เขาถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์

“ตาแก่ซารุโทบิ” ซาโตรุมองฮิรุเซ็นเบาๆ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ข้างล่าง

“ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของซึนะ ผมจะให้คำแนะนำแล้วกัน”

“คุณกำลังแบกอะไรอยู่ และกำลังปกป้องอะไรอยู่?”

“ในเมื่อศัตรูทั้งหมดของหมู่บ้านล้วนแต่เป็นศัตรูของคุณ ทำไมถึงยังต้องเมตตาโอโรจิมารุอยู่อีกล่ะ?”

“จิตสำนึกของคุณนี้ดูจะตายเร็วกว่าคุณซะอีกนะ”

“ในฐานะโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ก็ต้องเดิมพันด้วยทุกอย่างที่มีสิ” ซาโตรุกล่าว

"เดิมพันทุกอย่าง?" ในห้วงความคิดของฮิรุเซ็น โฮคาเงะรุ่นที่ 4 ก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง

ในช่วงเก้าหางปรากฏขึ้น นามิคาเสะ มินาโตะเสี่ยงชีวิตโดยไม่ลังเล

คำพูดที่มินาโตะพูดก่อนออกเดินทางไปยังตราตรึงอยู่ในใจของฮิรุเซ็นเสมอ

“ด้วยนามของโฮคาเงะ ผมจะต้องชนะ!”

การตายของคู่รักมินาโตะทำให้ฮิรุเซ็นรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก

เขาคือคนที่ควรจะหยุดเก้าหางในวันนั้น และมินาโตะ ชายหนุ่มที่เพิ่งเป็นโฮคาเงะจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่และปกป้องหมู่บ้านเอาไว้

แต่เขาทำไม่สำเร็จ และมินาโตะก็ได้เป็นคนก้าวออกไปรับหน้าโดยไม่มีความลังเล

ฮิรุเซ็นก็เข้าใจดี ดังที่ซาโตรุกล่าวมา เขามันทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถจริงๆ

“ฮ่าๆ… อาจารย์ซารุโทบิ ถ้ามอบตำแหน่งของโฮคาเงะให้ผม สถานการณ์ก็คงจะไม่เหมือนกับวันนี้แล้ว” โอโรจิมารุคอยืดยาวและมีดาบคุซานางิอันแหลมคมอยู่ในปาก

แสงวูบได้ปรากฏขึ้น และดาบคุซานางิก็แทงทะลุผ่านช่องท้องของซารุโทบิ ฮิรุเซ็น

“โอโรจิมารุ เธอน่ะเป็นโฮคาเงะไม่ได้!” ฮิรุเซ็นมีเลือดไหลออกจากมุมปาก เขาจับดาบคุซานางิไว้ที่หน้าท้องและทุบศีรษะของโอโรจิมารุด้วยกระบองเหล็กไหลกายสิทธิ์

“อาจารย์ซารุโทบิ” โอโรจิมารุกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

ทันใดนั้นเอง

กระบองเหล็กไหลกายสิทธิ์ได้หยุดอยู่ต่อหน้าโอโรจิมารุ ทำให้เกิดลมกระโชกแรงพัดก้อนหินที่อยู่รอบๆ ลอยออกไป

ภาพวัยเด็กของโอโรจิมารุปรากฏขึ้นในความทรงจำของฮิรุเซ็น และร่างเล็กๆ ของเด็กอัจฉริยะผู้นั้นซ้อนทับกับโอโรจิมารุในปัจจุบัน

เขาได้เปลี่ยนใจไปแล้ว

"โง่" ดวงตาอสรพิษสีทองอ่อนของโอโรจิมารุเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน เขาเตะฮิรุเซ็นอย่างแรงที่หน้าท้อง

*ปัง*

ฮิรุเซ็นถูกเตะกระเด็นออกไป ร่างของเขาลอยตลบในอากาศหลายครั้ง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง

“นี่น่ะเหรอโฮคาเงะ?” ที่กำแพงด้านบน ซาโตรุมองไปที่ฮิรุเซ็นที่ถูกเตะออกไปเพราะจิตใจอันอ่อนโยนของเขา เขาพยายามกลั้นยิ้ม แต่สุดท้ายก็กลั้นมันไว้ไม่อยู่

“เฮ้อ… โฮคาเงะผู้ที่แบกหมู่บ้านไว้บนหลัง แท้จริงแล้วกลับอ่อนโยนกับศัตรู ตลกมากเหลือเกินแฮะ” ซาโตรุปิดปากแล้วแอบยิ้ม หยิบกล้องออกมาพร้อมกับถ่ายรูปฮิรุเซ็นที่ล้มลงบนพื้น

เขาไม่คิดเลยว่าฮิรุเซ็นจะโง่ขนาดนี้

ตาแก่ซารุโทบิกลับไม่มีความตั้งใจที่จะสังหารผู้ที่กล้ามาคุกคามหมู่บ้าน ซึ่งต่างจากโฮคาเงะรุ่นที่ 1 เป็นอย่างมาก

จะกำจัดโอโรจิมารุเพื่อปกป้องหมู่บ้าน หรือปล่อยให้โอโรจิมารุทำลายหมู่บ้าน

ไม่สำคัญว่าจะเลือกแบบไหน แต่อย่างน้อยควรเลือกสักอย่างไม่ใช่หรือไงกัน?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด