บทที่ 56 : มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเป็นวีรบุรุษได้
บทที่ 56 : มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเป็นวีรบุรุษได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า โทบิรามะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินข่าวดีของของเด็กๆ หลังจากที่เราตายไปด้วย ในที่สุดคาถาสัมภเวสีคืนชีพของนายก็ทำผลงานได้ดีแล้วนะ” หลังจากที่ฮาชิรามะประหลาดใจ เขาก็ยิ้มกว้างออกมา
“ถ้ามาดาระได้ยินข่าวนี้ เขาจะคิดยังไงกัน?” ฮาชิรามะลอบถอนหายใจ และภาพที่เขากับมาดาระตั้งชื่อหมู่บ้านก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
ความฝันของเขากับมาดาระคือการสร้างโลกที่สงบสุขใบหนึ่ง
ไม่มีสงคราม ไม่มีความเกลียดชัง
โลกนินจาที่เด็กๆ ทุกคนสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้
แต่เมื่อหมู่บ้านก่อตั้งขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เขาคิดว่ามาดาระเปลี่ยนไป แต่มาดาระคิดว่าเขาต่างหากคือคนที่เปลี่ยนไป
เมื่อฮาชิรามะหวนนึกถึง เขาก็ประสานอินเข้าหากันเพื่อควบคุมเถาวัลย์ทั้งหมดที่แข็งราวกับเหล็ก
เถาวัลย์ทั้งหมดล้อมรอบฮิรุเซ็นราวกับอสรพิษยักษ์
ฮิรุเซ็นกวัดแกว่งกระบองเหล็กไหลกายสิทธิ์ที่แปลงมาจากราชานร และต้านการโจมตีอย่างหนักแน่น
"ข่าวที่ดีที่สุดที่ฉันได้ยินหลังจากการตายก็คืออุจิวะถูกกำจัดแล้วต่างหาก…" ก่อนที่โทบิรามะจะพูดจบ เขาก็พ่นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ออกมา ผลักทุกสิ่งที่ขวางหน้าและทำให้ฮิรุเซ็นจมน้ำไปทันที
“โอโรจิมารุ รอให้ฉันพูดจบก่อนได้ไหม?” โทบิรามะแผ่จิตสังหารออกมาอย่างเย็นชาผ่านดวงตาของเขา เขาจ้องมองโอโรจิมารุอย่างไม่แยแส
โอโรจิมารุเผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า แต่จริงๆ แล้วเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
หลังจากทำให้โฮคาเงะรุ่นที่ 1 และโฮคาเงะรุ่นที่ 2 อ่อนแอลงจนถึงขึดสุดแล้ว พวกเขากลับยังคงมีจิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้
แต่ดูเหมือนว่าคาถาสัมภเวสีคืนชีพที่ยามนี้อยู่ในช่วงทดลอง ก็ถือว่าไปได้สวยพอสมควร
หากหลังจากคาถาสัมภเวสีคืนชีพเสร็จสมบูรณ์ โฮคาเงะรุ่นที่ 1 จะมีความแข็งแกร่งเท่ากับในช่วงที่เขารุ่งโรจน์ โฮคาเงะรุ่นที่ 2 ก็ด้วย
หากยามนั้นมาถึง…
แม้ว่าจะเป็นเขาเอง ก็ไม่มีทางที่จะควบคุมสองคนนี้อย่างสมบูรณ์กระมัง
“พลังของอุจิวะมาจากความเกลียดชังและความโกรธอย่างรุนแรง พวกเขาเกิดมาเพื่อความเกลียดชังและมีความชั่วร้ายตั้งแต่เกิด” โทบิรามะพูดอย่างเย็นชา หลังจากที่เขาเสียชีวิต เขาก็ไม่มีวันลืมคนในตระกูลที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของอุจิวะ
ในสายตาของเขา ตระกูลอุจิวะเป็นตระกูลที่ชั่วร้ายที่สุด
“โทบิรามะ จงตั้งใจฟังให้ดี อย่าทิ้งเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังไว้ให้คนรุ่นใหม่” ใบหน้าของฮาชิรามะเปลี่ยนไปเป็นดำมืด เขาจ้องมองไปที่โทบิรามะและพูดว่า "อุจิวะเป็นตระกูลที่มีความสามัคคีมากที่สุด"
เขาเชื่อว่าตระกูลอุจิวะมีความแค้น เพราะความรักที่พวกเขามีนั้นสุดโต่ง
ตระกูลอุจิวะเป็นตระกูลที่ให้ความสำคัญกับสหายและครอบครัวมากที่สุด
“โอ้ ในตระกูลอุจิวะเหมือนจะมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งปรากฏตัวและสังหารพ่อและแม่ของตนเองดว้ยนะ” ซาโตรุกัดลูกชิ้นแล้วมองดูฮาชิรามะด้านล่างอย่างเฉยเมย
อุจิวะ อิทาจิคือคนที่เขากล่าวถึง ตัวเขาได้แสดงความรักต่อทั้งตระกูลด้วยดาบที่ยึดมั่นในเจตจำนงแห่งไฟ
กระทั่งพ่อแม่ของเขาก็ตายตกด้วยน้ำมือเขา…
ในอดีต ซาโตรุอยู่คนเดียวในโลกนินจา ได้เห็นความโหดร้ายมากมายในโลก จนกระทั่งเขาถูกซึนาเดะรับเลี้ยงเอาไว้
คนที่เขารักมากที่สุดคือซึนาเดะ ในสายตาของเขา ความดีหรือความชั่วร้าย ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับเธออีกแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของซาโตรุ ดวงตาของฮาชิรามะก็ฉายแววตกใจออกมา เขาสัมผัสได้ว่าซาโตรุไม่ได้โกหก ดังนั้นเขาจึงตกใจเป็นอย่างมาก
ตระกูลอุจิวะที่เขาพบเห็นล้วนแต่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสหายและสมาชิกในครอบครัว พวกเขาสามารถต่อสู้กับนินจาทั้งโลกเพื่อสหายและตระกูลหรือครอบครัวได้เลย
มาดาระก็เป็นตัวอย่างได้ดี
แต่คนในอุจิวะจะฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ เหรอ?
"ช่างน่าสังเวชเสียจริง" โทบิรามะยิ้มอย่างเย็นชา เขาก็ประหลาดใจมากเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดของซาโตรุ
แม้ว่าเขาจะบอกว่าอุจิวะเป็นตระกูลที่ชั่วร้ายโดยเนื้อแท้ แต่เขาก็รู้ดีว่าตระกูลอุจิวะให้ความสำคัญกับตระกูลของตนเองมาก
“เขาเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน ซาโตรุ เธอก็เข้าใจความหมายของเจตจำนงแห่งไฟไม่ใช่เหรอ?” ฮิรุเซ็นปีนขึ้นไป กุมหน้าท้องที่มีเลือดออกของเขาและมองดูซาโตรุอย่างเคร่งขรึม
ทำไมซาโตรุถึงรู้เรื่องอิทาจิได้ล่ะ?
สิ่งที่อิทาจิทำนั้นมีเพียงเขาและกลุ่มผู้เฒ่าในหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้
เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาสั่งการลงมา
“ก่อนจะเป็นวีรบุรุษผู้แบกรับความชอบธรรม อย่างน้อยก็ต้องมีความเป็นมนุษย์ก่อนสิ” ซาโตรุกล่าวพลางโยนลูกชิ้นจำนวนหนึ่งเข้าไปในปาก และมองฮิรุเซ็นด้วยรอยยิ้มอันแผ่วเบา
“วีรบุรุษก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ห่านป่าจะกลับกลายเป็นวีรบุรุษได้ยังไงกัน?”
“หากสุนัขที่สังหารพ่อแม่ด้วยมือของตนเองคือวีรบุรุษผู้แบกรับความชอบธรรม แล้วสิ่งที่เรียกว่าความชอบธรรมก็คงไม่ต่างจากอึของสุนัขตามข้างถนน” ซาโตรุกล่าวเสียงเบา
อย่าว่าแต่การปกป้องหมู่บ้านเลย
ถ้าจะต้องเลือกระหว่างกอบกู้ของโลกนินจาที่กำลังวิกฤตและความปลอดภัยของซึนาเดะ
ซาโตรุจะเลือกซึนาเดะอย่างไม่ลังเล
“แต่เอาเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย ผมเป็นเพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น” ซาโตรุโบกมือแล้วกล่าว “พวกคุณก็สู้กันต่อไปได้เลย ไม่ต้องสนใจผมหรอก”
“ยังคงไร้สาระอย่างเคยสินะ” ฮิรุเซ็นมีใบหน้าบิดเบี้ยว เขาถือกระบองในมือแล้วจ้องมองโฮคาเงะรุ่นที่ 1 และโฮคาเงะรุ่นที่ 2 ที่โดนคาถาสัมภเวสีคืนชีพ
ก่อนอื่นเขาต้องหาวิธีรับมือโฮคาเงะรุ่นที่ 1 และโฮคาเงะรุ่นที่ 2 ก่อน
ไม่เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้เขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะเขาแก่เกินไป การต่อสู้ที่ยืดเยื้อจะกลายเป็นข้อเสียของเขา
“อาจารย์ซารุโทบิ วันนี้คุณจะต้องตายที่นี่ หลังจากคุณตาย ผมก็จะทำลายล้างทั้งหมู่บ้านทิ้งซะ” โอโรจิมารุเลียมุมปาก รูม่านตาสีทองอ่อนที่เหมือนอสรพิษของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้ยินว่าซาโตรุไม่ได้ตั้งใจจะลงมือ เขาก็โล่งใจมาก
ตอนนี้เขากำลังหมุนเวียนจักระในกาย คอยระวังซาโตรุที่อยู่นอกกำแพง
แต่ซาโตรุตัดสินใจแค่นั่งดู เช่นนั้นเขาก็สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่!
“โฮคาเงะรุ่นที่ 1 และโฮคาเงะรุ่นที่ 2 รีบจัดการอาจารย์ซารุโทบิซะ” โอโรจิมารุประสานอินและระเบิดจักระทั้งหมด เพื่อควบคุมโฮคาเงะรุ่นที่ 1 และโฮคาเงะรุ่นที่ 2
“สิ่งที่เรียกว่าเจตจำนงแห่งไฟ คุณต้องตัดสินด้วยตัวเอง” หลังจากได้ยินสิ่งที่ซาโตรุพูด ฮาชิรามะก็พอจะสามารถเดาอะไรบางอย่างจากมันได้
ในความคิดของเขาแล้ว ใครก็ตามที่เป็นศัตรูของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสหาย ครอบครัว หรือกระทั่งมาดาระ
ทั้งหมดล้วนเป็นศัตรูของเขา
แต่ครั้งนี้เขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
เพราะว่าเขาได้ตายไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนถูก และก็ไม่ได้ยึดถือเจตจำนงแห่งไฟของตนดั่งเช่นในอดีต
“ซาโตรุคุง เธอต้องปกป้องคนที่เธอควรปกป้อง จงให้ความรู้แก่ลูกๆ ของเธอกับซึนะให้ดี ฉันขอฝากหลานสาวอารมณ์ร้อนของฉันไว้กับเธอแล้วกัน”
หลังจากที่ฮาชิรามะพูดจบ ดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม ไร้ซึ่งอารมณ์ใดอยู่
“ผมไม่สนคนอื่นหรอก เพราะซึนะจังสำคัญกับผมมาก” ซาโตรุยิ้มเล็กน้อย เขาอัดคำพูดที่ฮาชิรามะพูดด้วยม้วนกระดาษแปลกๆ และเตรียมที่จะเล่นให้ซึนาเดะฟังในภายหลัง
นอกกำแพง
หลังจากได้ยินคำพูดของซาโตรุกับฮาชิรามะ ดวงตาสีแดงสดใสของคุเรไนก็ดูมืดมนและรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ
คุเรไนก้มหน้าลง ผมสีดำปิดตาของเธอ เธอกัดริมฝีปากและพึมพำว่า "ซาโตรุชอบอาจารย์ซึนาเดะมากที่สุดเลยงั้นเหรอ?"
หลังจากที่อาสึมะได้ฟังคำพูดระหว่างซาโตรุและฮาชิรามะ เขาก็แอบมองไปที่คุเรไนที่อยู่ข้างๆ
หลังจากเห็นท่าทางของคุเรไน อาซึมะก็แอบคิด
'นี่แหละคือโอกาส!'
“คุเรไน…” อาซึมะยังพูดยังไม่ทันจบ เขาก็ได้ยินคำพูดของคุเรไนดังขึ้นมา