บทที่ 127 แรงจูงใจ
บทที่ 127 แรงจูงใจ
“นี่คือ?”
เมื่อเห็นสายตาของโทนี่ ไอ้แมงมุมก็ยกเครื่องยิงใยแมงมุมบนข้อมือของเขาขึ้นราวกับสมบัติ "มันเป็นแค่อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ผมทำเองครับคุณสตาร์ค ตัวปล่อยใยแมงมุมที่จะปล่อย..."
ปีเตอร์ไม่ได้กังวลเลยว่าโทนี่จะมีความคิดที่ไม่ดีในเครื่องยิงใยแมงมุมของเขา
“เป็นอุปกรณ์ที่เจ๋งดี...” พอจ้องมองไอ้แมงมุมหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โทนี่ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
การออกแบบตัวปล่อยใยแมงมุมเองก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก โทนี่สามารถสร้างเวอร์ชั่นที่ดีกว่านี้ได้ในไม่กี่นาทีหากเขาต้องการ สิ่งที่สะดุดตาเขามากกลับเป็นใยแมงมุมที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษที่มีอยู่ข้างในต่างหาก หากพัฒนาเพิ่มเติมไป มันก็มีศักยภาพที่จะพุ่งขึ้นไปสูง ทั้งระยะที่ใช้อาจจะกว้างขึ้นมาก
ทว่าความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของโทนี่เพียงชั่วครู่เท่านั้น
ในยามนี้ เขาไม่มีความสนใจจะทำสิ่งเหล่านี้เลย ถึงแม้ว่าการใช้ใยแมงมุมพวกนี้จะสามารถนำไปใช้กับธุรกิจต่างๆ มากมายมหาศาลได้ก็ตาม
เพราะตัวเขาไม่ได้ขาดเหลือเงินเลย
"ฉันคิดว่าเธอสามารถปรับเปลี่ยนโหมดตัวยิงของตัวยิงใยได้นะ บางทีอาจจะเพิ่มระบบแบบ... นอกจากนี้ ใยแมงมุมด้านในก็อาจสามารถนำไปใช้งานได้หลายอย่าง... ฉันไม่รู้ว่าเธอใช้อะไรในการยิงใยออกมา แต่ดูเหมือนจะเป็นนาโนเทคอะไรสักอย่างสินะ ฉันคิดว่าเธอควรจะ..."
ด้วยคำแนะนำเพียงไม่กี่คำจากโทนี่ ปีเตอร์ก็ได้รับประโยชน์อย่างมากมาย ปีเตอร์รู้สึกว่าถ้าเขาทำตามคำแนะนำของโทนี่ สตาร์ค เขาคงจะสามารถต่อสู้ได้คล่องแคล่วและง่ายขึ้นเยอะ
"โอ้ โอ้... ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับคุณสตาร์ค ผมจะกลับไปอัพเกรดอุปกรณ์ของผมโดยเร็วที่สุดเลย ผมจะทำตามคำแนะนำของคุณแบบไม่มีผิดเพี้ยน"
“ไอ้หนู บางทีเธอควรกลับไปลองดูเลยนะ”
นอกจากได้ระบายสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่โทนี่ต้องการคือให้เจ้าหนูแมงมุมตรงหน้าไปให้พ้นหน้า
"ครับคุณสตาร์ค"
ปีเตอร์ไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของโทนี่ ปีเตอร์พยักหน้าด้วยความเคารพขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดลงและรีบกล่าวเสริมไปว่า "ขอบคุณอีกครั้งครับคุณสตาร์ค และ..."
เขาหันไปมองร่างสูงในรถขายอาหาร แมงมุมตัวน้อยรู้สึกอายยิ่ง เพราะเขาลืมถามชื่ออีกฝ่าย
"เขาชื่อเชลล์" โทนี่บอกเขาแทน
“... ขอบคุณครับคุณเชลล์สำหรับเกี๊ยวนึ่ง”
หลังจากพูดเช่นนั้น สไปเดอร์แมนก็ยกข้อมือขึ้นแล้วยิงใยแมงมุมออกจากเครื่องยิงใยของเขาและหายตัวไปในพริบตา
'บางทีทุกสิ่งอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดไว้'
แมงมุมหนุ่มลอยอยู่ท่ามกลางตึกระฟ้าในนิวยอร์ก เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของกล่องอาหารในอ้อมแขนและคำพูดของโทนี่ สตาร์คหรือไอรอนแมนยังคงดังก้องในหัวของเขา
ในยามนัน้เอง เขาก็รู้สึกเหมือนกับตนมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งอย่างอีกครั้งหนึ่ง
...
"เกี๊ยวนึ่งอัตราส่วนทองคำที่หนึ่ง"
โทนี่ละสายตาออกจากร่างเล็กๆ ของแมงมุมหนุ่มอย่างเฉยเมย จากนั้นจึงหันไปหาเชลล์ในรถขายอาหาร
เมื่อวางเกี๊ยวนึ่งที่เตรียมไว้นานลงบนเคาน์เตอร์รถบรรทุกอาหาร เชลล์ก็พูดเสียงแผ่วเบาว่า "ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ได้"
"ฉันเป็นคนใจดีมาตลอดนะ" โทนี่เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับหยิบเกี๊ยวนึ่งออกมามา พร้อมกับกัดพลางพูดว่า "แค่คนอื่นไม่ค่อยสังเกตเห็นก็เท่านั้น"
แม้ว่าเขาจะกินมันไปหลายครั้งแล้ว แต่โทนี่ก็ยังไม่สามารถหาอะไรที่อร่อยกว่าเกี๊ยวนึ่งทองคำได้เลย ไม่ใช่ว่าเขาหาเชฟมืออาชีพไม่ได้ แต่ไม่มีทางเลยที่ใครจะเลียนแบบรสชาติการทำอาหารของเชลล์ได้
“คุณดูอาการไม่ดีเลยนะ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของโทนี่ เชลล์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
หากคำนวณตามเวลาแล้ว โทนี่คงตระหนักถึงสถานการณ์ในร่างกายของเขาดี เครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กในอกของเขาได้ก่อให้เกิดพิษแพลเลเดียมในเลือดของเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันกำลังกัดกร่อนชีวิตของเขา
คำพูดของเชลล์ทำให้โทนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็รีบกลับมาเป็นเช่นเดิมและกล่าวตอบโดยไม่สนใจอะไรนัก “อาจเป็นเพราะช่วงนี้ฉันยุ่งเกินไปล่ะมั้ง งานซูเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่เรื่องง่ายสักหน่อย อีกทั้งฉันยังมีงานที่ต้องทำในสตาร์กอินดัสตรีส์อีก...”
"คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น"
เชลล์ไม่ได้ไขว้เขวกับคำพูดของโทนี่ เขายังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทว่าดูเหมือนโทนี่จะไม่ได้บอกอะไรเขาเพิ่มเติมอยู่ดี
"จาร์วิส"
"ครับท่าน"
"ฉันมีธุระอะไรต่อ?"
"ตอนหกนาฬิกาท่านจะต้อง..."
“เหรอ? งั้นฉันต้องไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสินะ”
โทนี่หันไปหาเชลล์และทำสีหน้าเสียใจ ในเวลาต่อมา เขาก็หันข้อมือและปัดข้อความที่ลอยเป็นโฮโลแกรมในอากาศ
"ขอโทษที พอดีฉันมีงานต้องทำ ไว้คราวหน้าฉันจะมาหาใหม่"
หลังจากพูดแบบนั้น ก่อนที่เชลล์จะตอบ เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
'ดูเหมือนว่าโทนี่จะยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าสุขภาพของเขากำลังแย่ลง'
เมื่อมองดูไอรอนแมนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในร้านขายของเก่า ไรอันก็สรุปในใจอย่างเงียบๆ
...
“มาดามเกาตายแล้วเหรอ?”
ภายในโรงพยาบาล แดนนี่ขมวดคิ้วขณะที่เขาฟังข่าวที่เขาได้รับมาจากแมตต์
อีกฝ่ายคือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับคุนหลุน เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มานานหลายศตวรรษ ผู้ที่เป็นจ้าวแห่งเดอะแฮน ผู้ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อดีเฟนเดอร์สในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้ที่ทรยศต่อเทพเมฆาอัคคีในช่วงเวลาสุดท้ายกลับเสียชีวิตลงเช่นนั้น
"ไม่น่าจะมีอะไรผิด"
แมตต์พยักหน้า เช่นเดียวกับแดนนี่ หัวใจของแมตต์ไม่ได้สงบเหมือนภายนอกของเขา
“ไม่เพียงแต่มาดามเกาเท่านั้น แต่เดอะแฮนยังถูกทำลายด้วย”
"ต้องบอกว่าถูกชะล้างเลยมากกว่า"
"..."
"ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของเราคราวนี้จะน่ากลัวกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก" ในความเงียบ ลุคพูดขึ้นและบอกถึงงสิ่งที่เขาเพิ่งรู้มา "เมื่อเร็วๆ นี้ฉันเพิ่งเจออะไรบางอย่างในย่านฮาร์เล็ม มีคนบางคนกำลังตามหาดีเฟนเดอร์ส"
“งั้นเราก็เป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเขาสินะ” เจสซิก้าเลิกคิ้วและคาดเดาอย่างสมเหตุสมผล
"อาจเพราะในทุกวันนี้เราเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่สร้างศัตรูกับคิงพิน ส่วนทั้งมาดามเกาและเดอะแฮนต่างก็เป็นไปตามที่แมตต์บอกมา..."
"มันเป็นความผิดของผมเอง!"
คิงพิน ไม่สิ... จิ่วโยวนั้นทรงพลังมากกว่าที่แมตต์คิดไว้ในตอนแรกเสียอีก การทำลายเดอะแฮนจนราบคาบได้ก่อให้เกิดเงาดำทะมึนในใจของทีมดีเฟนเดอร์ส "ถ้าผมไม่ยืนกรานที่จะส่งคิงพินเข้าคุก..."
แมตต์เริ่มหวั่นไหวจากการตัดสินใจของเขาก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินคำพูดของแมตต์ สมาชิกคนอื่นๆ ของดีเฟนเดอร์สก็เงียบลง
"ไม่ใช่ความผิดของนายเลย" ลุคเคจตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา"มันยากที่จะกลืน แต่บางครั้งเราก็ต้องฝืนทำลงไปอยู่ดี"
แม้ว่าลุคจะพยายามปลอบโยนเขาอย่างเต็มที่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากระทั่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาจะมีประสิทธิภาพเพียงใด
เพราะการล่มสลายของเดอะแฮนนั้นมันมากเกินไปที่พวกเขาจะรับได้
ทันใดนั้น เจสซิก้าที่เงียบมานานก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
“เจสสิก้าน เธอจะไปไหน?”
เมื่อได้มองไปยังร่างที่เดินออกไปของเจสซิก้า ลุคก็ถามอย่างรวดเร็ว
“ก็ทำเรื่องวุ่นวายที่ฉันสาบานไว้ว่าจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่สองไงล่ะ!”