Chapter 22: กลายพันธุ์!
หลังจากการสังหารหมู่ กลิ่นเลือดได้ลอยอย่างหนาแน่นในอากาศ เติมเต็มป่าที่เงียบสงบด้วยกลิ่นธาตุเหล็กอันโหดร้าย
ถูกดึงดูดเข้าหากลิ่นเหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ สิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายและมีเอกลักษณ์ตัวหนึ่งได้ถูกกระตุ้นจากพื้นที่พักผ่อนในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าราตรีนิรันดร์ มันไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดา มันคือนักล่าที่แข็งแกร่งที่รู้จักในชื่อกระต่ายมีเขาสองหัว ซึ่งรูปลักษณ์ของมันก็ตามชื่อที่ได้รับ มันมีสองหัว พร้อมกับเขาที่คมกริบเหมือนใบมีด และดวงตาของมันก็ส่องประกายถึงสติปัญญาที่ไม่มั่นคง และนี่ยังไม่ได้พูดถึงความสูงที่ 1.7 เมตร และความกว้างของลำตัวที่เกือบจะพอๆ กัน มันคือภาพที่น่าเกรงขาม
ดวงตาของวัลเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาได้เจอกับเจ้ากระต่ายยักษ์ตัวนี้ เลเวลของกระต่ายมีเขาจะมีเพดานอยู่ที่เลเวล 5 หนทางเดียวที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ก็คือการวิวัฒนาการเป็นกระต่ายมีเขาสองหัว—ซึ่งความสำเร็จนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อได้ดูดกลืนวัตถุดิบวิวัฒนาการหายาก ซึ่งเป็นการค้นพบอันล้ำค่าในป่าราตรีนิรันดร์ และนี่ก็หมายความว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้ได้มีประสบการณ์พบเจอที่หายากในป่าแห่งนี้ วัลสงสัยว่ามันยังมีอะไรเหลืออยู่บ้างรึเปล่าหรือว่ามันกินไปหมดแล้ว
‘ไปสำรวจรังของมันหลังจากที่จัดการมันได้แล้วก็น่าจะคุ้มอยู่นะ’ วัลคิด
ในตอนนั้นเอง แจ้งเตือนภารกิจก็สะท้อนขึ้นมาในหัวของเขา
[เปิดใช้งานภารกิจ: จุดจบของความสยองสองเท่า]
[เป้าหมายที่ 1: กำจัดกระต่ายมีเขาสองหัว]
[เป้าหมายที่ 2: ค้นหาถิ่นที่อยู่ของกระต่ายมีเขา]
[เป้าหมายที่ 3: ฆ่ากระต่ายมีเข้าทั้งหมดในถิ่นที่อยู่นั้น]
[รางวัล: แต้มความบ้าคลั่ง +500]
รางวัลมีความน่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย
แม้ว่านี่จะเป็นการท้าทายที่น่ากลัว แต่วัลก็รับมันอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศในป่าดูเหมือนจะหนักอึ้ง ความรู้สึกตึงเครียดเกิดขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อสัตว์ร้ายและชายคนหนึ่งได้เผชิญหน้ากัน
โฮ๊กกกกก!
จากนั้น เจ้ากระต่ายก็ส่งเสียงคำรามอย่างดุดันจากทั้งสองหัวเพื่อทำลายความเงียบงัน สายตาของมันฉายแววดูดถูกและเต็มไปด้วยความคุกคาม แต่ว่า วัลก็ยังคงยืนเผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ยักษ์นี้อย่างไม่ไหวติง การตอบสนองของเขาคือสายตาที่เด็ดเดี่ยว เขาจ้องมองสายตาที่เต็มไปด้วยการดูถูกของเจ้าสิ่งมีชีวิตเป็นการประชันกันทางสายตา แล้วเสียงของเขาก็ดังก้องในป่าอย่างท้าทาย “กระต่ายมีเขาสองหัวงั้นหรอ? แล้วมันยังไงล่ะ! แกไม่แข็งแกร่งพอที่จะโค่นข้าได้หรอก มาดูกันว่าเขาของแกจะสู้กับเหล็กกล้าของข้าได้รึเปล่า”
การยั่วยุนี้ได้เป็นตัวจุดความโกรธของเจ้ากระต่าย มันพุ่งเข้าใส่วัล เฉกเช่นสายล่มคลั่งที่มีทั้งขน, กรงเล็บ, และเขาที่แหลมคมถึงชีวิต แต่วัลก็ไม่ได้จนปัญญา เขาปะทะกับการโจมตีของเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงๆ ด้วยการปัดป้องที่ทรงพลังจากดาบของเขา
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
ป่าถูกเติมเต็มด้วยเสียงสั่นสะเทือนจากการปะทะกันของดาบและกรงเล็บ
วัลประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่าแม้มันจะตัวโต แต่เจ้ากระต่ายตัวนี้ก็พลิ้วไหวจนน่ารำคาญ หัวทั้งสองของมันเคลื่อนไหวประสานกันอย่างไม่ยอมลดละจนน่าหวาดหวั่น การโถมโจมตีนี้ทำให้มือของเขาไม่ว่างและทำได้แค่หลบ เขาไม่มีจังหวะในการโจมตีสวนเลย
ในการต่อสู้ที่ร้อนระอุ หนึ่งในเขาของเจ้ากระต่ายได้เสียบทะลุเข้าที่แขนของวัล แต่วัลก็แทบจะไม่ได้สะทกสะท้าน เขายิ้มกว้างออกมาแทนในขณะที่เลือดไหลซึมออกมาจากเสื้อผ้าของเขา เขายังไม่ได้หมดสภาพ อันที่จริง เขามองว่าบาดแผลนี้เป็นจุดได้เปรียบที่คาดไม่ถึง แต่เพื่อให้ได้ใช้ข้อได้เปรียบนี้อย่างคุ้มค่าที่สุด เขาจำเป็นต้องล่อให้เจ้ากระต่ายพุ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
ด้วยน้ำเสียงท้าทาย วัลได้ยั่วยุมัน “มีดีแค่นี้รึไง? แน่จริงก็เข้ามาอีกสิ”
ด้วยการตกหลุมพรางอย่างโง่เง่า เจ้ากระต่ายมีเขาสองหัวก็พุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาให้ถึงตาย
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้วัลได้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว
ด้วยการใช้ทักษะเฉพาะ เขาได้แปรสภาพเลือดจากบาดแผลของเขาให้เป็นโล่ที่ทนทาน
ในขณะที่เขาของกระต่ายกำลังจะปะทะ พวกมันก็ได้ถูกปัดป้องจากบาเรียสีแดงเลือด ทำให้สัตว์ร้ายโซเซกลับไปด้วยความประหลาดใจ
และด้วยการใช้โอกาสทองนี้เอง วัลได้ส่งเลือดของเขาเลื้อยไปหากระต่าย เหมือนกับโซ่ที่มีชีวิตหรือไม่ก็งูแห่งความตาย พวกมันพันธนาการสัตว์ร้ายเอาไว้ และกักขังมัน
สัตว์ร้ายเคลื่อนไหวไม่ได้ แม้ว่ามันจะขัดขืน แต่มันก็ไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการ อย่างไรก็ตาม นี่ก็เห็นได้ว่าเลือดพวกนี้คงไม่สามารถกักขังมันไว้ได้นานนัก
‘ฉันต้องรีบจบงานเดี๋ยวนี้เลย!’
โดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาอะไรอีก วัลก็พุ่งเข้าไป ดาบของเขาเตรียมพร้อมสำหรับการสังหาร
ด้วยความสิ้นหวังและไร้ทางหนี เจ้ากระต่ายทำได้แค่ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ในขณะที่ดาบของวัลพุ่งเข้ามา
“ตายซะ!” วัลตะโกน เสียงของเขาดังก้องไปทั่วป่าในขณะที่ดาบของเขาปักเข้าไปในเนื้อของเจ้าสิ่งมีชีวิต
ในจังหวะต่อมานั้นเอง เลือดของมนุษย์และเลือดของกระต่ายที่ผสมกันกระจายอยู่ตามผืนป่า ก็ได้เป็นร่องรอยจุดจบของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วยท่านได้เอาชนะกระต่ายมีเขาสองหัว สัตว์ประหลาดเลเวล 6! ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +10, และเพิ่มเติมอีก 6 แต้มสำหรับการฆ่าสัตว์วิวัฒนาการเป็นครั้งแรก!”
[แจ้งเตือนระบบ: ด้วยการสังหารกระต่ายมีเขาสองหัว ท่านได้ทำเป้าหมายแรกของภารกิจจุดจบของความสยองสองเท่าสำเร็จ!]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านเลเวลอัพแล้ว ท่านได้เลื่อนจากเลเวล 3 เข้าสู่เลเวล 4 ท่านได้รับแต้มสถานะ+2 และเพิ่มพลังสายเลือดปีศาจเลือดเลเวล 1 เล็กน้อย]
ค่าประสบการณ์ 60 แต้มของเขาได้ลดลงเหลือ 10 เพื่อใช้ไปกับการเพิ่มเลเวล!
‘ฉันควรจะลงแต้มสถานะกับอะไรดีนะ?’
‘ฉันควรจะเพิ่มความว่องไวหรือความอดทนดี’
‘ถ้างั้นทำไมถึงไม่เพิ่มไปทั้งคู่เลยล่ะ?’
[ความว่องไว+1]
[ความอดทน+1]
เขาลงทุน 2 แต้มไปกับความว่องไวและความอดทนของเขาอย่างเท่าๆ กัน
จากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างตัวละคร
ชื่อ: วัล วี ไวท์มอร์
เผ่าพันธุ์: ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ
อายุ: 16 ปี
ประเภท: ปีศาจเลือด
เลเวล: 4 (ค่าประสบการณ์ 10/100)
สายเลือดที่ยังไม่ตื่น: สายเลือดไวท์มอร์
ภาวะแทรกซ้อน: พิษระงับสายเลือดไวท์มอร์
คุณสมบัติ: ไร้ความรู้สึก, ความบกพร่องทางอารมณ์, มองกลางคืน, ต้านทานความเสื่อมทรามเล็กน้อย!
สถานะ:
พลังชีวิต (HP): 10
พละกำลัง (STR): 16
ความว่องไว (AGT): 14
ความอดทน (STM) 12
การตอบสนอง (REF): 10
แถบเลือด: เลือด 185 หน่วย
แต้มสถานะ: 0
แต้มความบ้าคลั่ง: 0 (100 MP = 1 SP!)
ทักษะสายเลือด:
ทักษะดูดเลือด
ทักษะบัญชาเลือด
[ความคืบหน้าปัจจุบันในการไปสู่เลเวลถัดไปของพลังสายเลือดปีศาจเลือดเลเวล 1: 80/100%]
วัลรู้สึกติดเต้น
เขาจะไม่รู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไรเพราะเลเวลเพิ่มอีกแค่ครั้งเดียว สายเลือดปีศาจเลือดของเขาก็จะไปถึงเลเวล 2 และนั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นผู้ใช้สายเลือดเลเวล 2!
นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจเพราะโดยปกติแล้วมันใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจจะถึงปีในการที่ผู้ใช้สายเลือดจะพัฒนาจากเลเวล 1 ไปยังเลเวล 2 แต่เขากำลังจะทำได้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน!
ถ้าใครก็ตามได้มารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะอ้าปากค้างจนคางหล่นถึงพื้นด้วยความตกใจเลยด้วยซ้ำ!