1191 - พวกมันกำลังมา
1191 - พวกมันกำลังมา
“ข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าทหารหยินเหล่านี้ชักนำข้ามาด้วยเจตนาบางอย่าง…”
เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง ก่อนจะหันไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในบริเวณนี้หรือไม่
“เจ้ามองอะไรอยู่ ทหารหยินก็หายตัวไปนานแล้วเจ้าอย่าพยายามทำให้เรากลัวได้ไหม” หลี่เทียนพึมพำด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็ตะคอกและกระทืบเท้าของเขาอย่างแรง ในเวลาต่อมาปราณต้นกำเนิดที่อยู่ใต้ดินก็ก่อตัวกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่ส่งเสียงคำรามดังก้อง
“เจ้ามองเห็นจริงๆ?!”
วานรศักดิ์สิทธิ์ผงะ และถึงแม้จะมีประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณอันทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้เลย
เย่ฟ่านมองไปยังสนามรบโบราณอันมืดมนที่รายล้อมไปด้วยหมอกชั่วร้าย และจะมองไม่เห็นสิ่งใดแต่เขากลับมีความรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเขาอยู่เสมอ
จากนั้นพวกเขาก็เงียบและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เย่ฟ่านถือเตาหลอมเซียนพร้อมกับปลดปล่อยพลังของมันให้กวาดไปรอบๆ เพื่อทำลายความชั่วร้ายทั้งปวง
“มันมาแล้ว มันมาอีกแล้ว ข้ารู้สึกได้ เป้าหมายของมันอยู่ที่ข้า” เย่ฟ่านกล่าวเบาๆ เพื่อเป็นการเตือนทุกคน
จากนั้นหลังจากเดินทางกว่าร้อยลี้ เตาหลอมเซียนก็ปะทุขึ้นด้วยแสงสีทองและกวาดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่แสงสีทองสาดส่องออกไปก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ทำให้หนังศีรษะของทุกคนชาด้าน
เย่ฟ่านมองเห็นสิ่งมีชีวิตร่างสีดำจากระยะไกลกำลังหลบหลีกการโจมตีของเตาหลอมเซียน อย่างไรก็ตามพลังของอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเสมือนจักรพรรดิ สิ่งมีชีวิตตนนั้นจะหลบหลีกได้อย่างไร
เมื่อแสงสีทองสาดส่องไปในทิศทางนั้นตัวตนที่แท้จริงของเงาดำก็ถูกเปิดเผยออกมาและทำให้กระดูกสันหลังเย่ฟ่านหนาวเหน็บในทันที
“นั่นมันตัวอะไร!” วานรศักดิ์สิทธิ์อุทาน
“เส้นขนสีแดงปกคลุมทั่วทั้งตัว!” หลี่เหอสุ่ยอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสองสามครั้ง
มีเพียงเย่ฟ่านเท่านั้นที่ไม่กล่าวอะไร เขามองไปข้างหน้าและกำมือของตัวเองแน่น
“พี่วานรศักดิ์สิทธิ์มันเป็นญาติของเจ้าหรือไม่!” หลี่เทียนกล่าว
วานรศักดิ์สิทธิ์เกือบจะอดใจสะบัดเท้าเตะหลี่เทียนไม่ได้ สหายของเย่ฟ่านคนนี้เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นทั้งหมด แม้กระทั่งเผชิญกับสถานการณ์ที่ชีวิตตกอยู่ในความล่อแหลมเขาก็ยังพูดจาไร้สาระได้ตลอดเวลา
“สิ่งนั้นคืออะไร? จากประสบการณ์การปล้นสุสานของข้า นี่คือเจ้าของสุสานที่ข้าพบครั้งหนึ่ง มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวกว่าหมื่นปีและต้องเป็นเซียนโบราณอย่างแน่นอน!” ต้วนเต๋อกล่าว
ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยผมสีแดงดูดุร้ายมาก เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าช้าๆ และแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
“นี่คือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ที่เผชิญกับหายนะในช่วงบั้นปลายชีวิต!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ใจของทุกคนจมลง พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติบางอย่าง ด้วยความสามารถของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเขาควรจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้ว
แต่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์กลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครประสบความสำเร็จในการเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่คนเดียว
“ปรมาจารย์รุ่นที่สามเสียชีวิตในภูเขาฉินหลิง ปรมาจารย์รุ่นสี่เสียชีวิตอยู่ในเหมืองโบราณต้นกำเนิด ปรมาจารย์รุ่นที่ห้าเสียชีวิตในหุบเขาเทพ นี่เป็นปรมาจารย์รุ่นแรกหรือรุ่นที่สอง?” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ล้วนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นแรกและรุ่นต่อมาล้วนมีชีวิตอยู่เมื่อหลายแสนปีก่อน หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ พลังของพวกเขาจะไม่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เลยหรือ?
อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ดีว่าสติของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ถูกครอบงำโดยความชั่วร้ายบางอย่าง นี่เป็นเปลือกเนื้อของเขาเท่านั้นไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณของพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“ไปกันเถอะ เดินหน้าต่อ ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ได้ปิดเส้นทางถอยกลับของเราแล้ว” เย่ฟ่านกล่าว
“แล้วเราควรทำอย่างไร? นี่ไม่ใช่ทางตันหรือ?” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
“ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าได้มอบธงของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ให้ข้า มันมีความสามารถในการสังหารแม้แต่เสมือนจักรพรรดิ หากตอนเรากลับมาเขายังคงอยู่ที่นี่ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่าเขา!” เย่ฟ่านกล่าว
เขาไม่อยากเสียสมบัติลับนี้ไป เว้นแต่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพราะตอนนี้ธงค่ายกลจักรพรรดิได้รับความเสียหายแล้ว เกรงว่าหากนำมาใช้อีกครั้งมันจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ออกวิ่งอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาเดินมากว่าครึ่งทางแล้ว ความเป็นตายของคนเถื่อนยังคงมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางย้อนกลับไปก่อนที่จะบรรลุผล
พวกเขาค้นหาทุกที่และพบซากศพของผู้คนมากมายกระจายอยู่ทุกทิศทาง พวกเขาเพิ่งตายไปไม่นานมานี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณ
ลักษณะการตายของพวกเขาคือกะโหลกศีรษะถูกเปิดออกและมันสมองที่อยู่ภายในก็ถูกบางสิ่งบางอย่างกินไปแล้ว
“พวกเขาเป็นคนจากทะเลสาบหยวนหู ทุกศพล้วนเป็นเซียนเทียมระดับสองขั้นสูงสุด!” วานรศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึง
เย่ฟ่านคุกเข่าลงและดึงผมสีแดงสองสามเส้นออกจากศีรษะของสิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านี้ เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะเขารู้ว่านี่เป็นฝีมือของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์
“บูม!”
มีเสียงระเบิดดังก้องสนามรบ พลังแห่งความชั่วร้ายก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
“นี่คือแก่นของสนามรบที่เต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรง ตงฟางเย่จะต้องหนีมาที่นี่เท่านั้นศัตรูจึงจะล้มเลิกความตั้งใจในการฆ่าเขา!” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ข้างหน้ามีพายุที่เกิดจากพลังชั่วร้ายหลายลูก ในขณะเดียวกันทหารหยินเริ่มปรากฏตัวขึ้นมาจากพื้นดินและโจมตีกลุ่มของเย่ฟ่านตลอดเส้นทาง
โชคดีที่ทหารหยินเหล่านี้มีไม่มากเท่าใด แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อไม่มีทักษะเต๋ากลุ่มของเย่ฟ่านก็สามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“ทหารหยินพวกนี้แตกต่างจากที่พวกเราเจอ!” หลายคนตกตะลึง
วานรศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “พวกมันไม่ใช่ทหารหยินที่แท้จริง แต่เป็นเพียงซากศพที่อัดแน่นไปด้วยความแค้นชั่วนิรันดร์ เมื่อพายุเหล่านั้นหายไปพวกมันก็จะกลับมาเป็นซากศพอีกครั้ง!”
นี่คือสนามรบที่น่าสะพรึงกลัว ความแค้นของผู้คนมากมายที่ตายอยู่ในนี้ไม่ได้รับการชำระล้าง ดังนั้นวิญญาณของผู้วายชนม์จึงกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่วนเวียนอยู่ชั่วนิรันดร์
“กฎในสนามรบโบราณแห่งนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง หากผ่านไปอีกหลายพันปีเกรงว่าซากศพเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็นทหารหยินอย่างแน่นอน มีใครบางคนต้องการสร้างกองทัพขึ้นมาหรือไม่!” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความหวาดหวั่น
“ดวงตาสวรรค์!” เย่ฟ่านตะโกน
จากนั้นดวงตาของเขาก็มองผ่านหมอกอันมืดมิดทะลุผ่านระยะทางหลายร้อยลี้จนกระทั่งเห็นการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ปัง”
“ตงฟางเย่ ข้าสัมผัสได้ถึงอาวุธเขี้ยวหมาป่าศักดิ์สิทธิ์ของเขา รีบไปช่วยเร็ว!”
แต่ก่อนที่ทุกคนจะมีโอกาสขยับตัว ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีเส้นขนสีแดงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขายื่นมือไปข้างหน้าด้วยความลังเล
เย่ฟ่านถือเตาหลอมเซียนไว้ในมือพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา หลายคนดูเคร่งขรึมและในที่สุดปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจน
“เขากำลังร้องไห้!” หลี่เทียนตกใจ
“ข้า... ไม่อยากฆ่าเจ้า” เสียงนั้นแก่ชราและแหบแห้งราวกับว่าเขาพยายามควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ให้ลงมือทำร้ายเย่ฟ่าน
ดวงตาของเขาเบิกกว้างเป็นสีแดงกับ เขากำลังต่อสู้กับความชั่วร้ายที่อยู่ในกายของตัวเองอย่างหนัก ในขณะที่เขาพยายามกล่าววาจา
“เจ้า... กำลังจะกลายมาเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ เราคือ.. . คนประเภทเดียวกันข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นแบบข้า...”
คำพูดของเขาขาดๆ หายๆ และเป็นการยากที่จะเชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกันได้ ร่างกายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์สั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลา
“เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในยุคโบราณ อาวุธในมือของเขามีรูปแบบเดียวกันกับอาวุธในยุคปัจจุบัน” ต้วนเต๋อกล่าวในฐานะปรมาจารย์ปล้นสุสานดวงตาของเขามีความเฉียบคมอย่างยิ่ง
“เเป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นทายาทของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์บางคน นั่นทำให้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะต้นกำเนิดสวรรค์โดยที่ไม่เปิดเผยต่อคนภายนอก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงหายนะพ้น” เย่ฟ่านคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ทันที
“ข้าเอง…”
สัตว์ประหลาดผมแดงตรงหน้าได้ยินเสียงกระซิบของทุกคนดั งนั้นแสงสีแดงในดวงตาของเขาจึงหายไปเล็กน้อย และดูเหมือนสติของเขาจะถูกดึงกลับมาอีกครั้ง
“ข้า... ถูกส่งมาที่นี่โดยปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นที่สี่!” เขากล่าวประโยคที่สมบูรณ์นี้ได้เป็นครั้งแรก
“อะไรนะ?!” เย่ฟ่านตกตะลึง
ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นที่สี่ซ่อนตัวอยู่ในเขตหวงห้ามของเหมืองโบราณต้นกำเนิด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหลีกหนีภัยพิบัติพ้นเช่นกัน
“เขาปล่อยให้ข้าเฝ้าที่นี่...เพื่อให้นำทางทหารหยิน...และให้แน่ใจว่าทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง” สัตว์ประหลาดผมสีแดงกล่าวอย่างยากลำบาก
“ทหารหยินเกี่ยวข้องกับท่าน ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นที่สี่อยู่ที่ไหน?” เย่ฟ่าน ต้วนเต๋อ และคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง
“เขาไม่ควรปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว เพราะนั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลก…” สัตว์ประหลาดผมแดงกล่าวด้วยความยากลำบาก จากนั้นเขาก็ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายและกล่าวว่า
“ข้าไม่อยากให้เจ้าประสบชะตากรรมเดียวกัน อาณาจักรของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ระงับความต้องการของตัวเองไว้อย่าทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนี้ รีบไป พวกมันกำลังมา!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
ใครกำลังมา?
………..