บทที่ 35: [เนื้อเรื่องเสริม] จงกอบกู้โลก (2)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 35: [เนื้อเรื่องเสริม] จงกอบกู้โลก (2)
ด้วยความพยายามอย่างมาก การซ่อมแซมกำแพงก็มาถึงวันที่ห้าแล้ว
อีกสองวันด่านจะเริ่มขึ้น
“ยอดเยี่ยมมากทุกคน!”
ข้าตะโกนขณะขึ้นไปที่จุดซ่อมกำแพง
“พักหายใจก่อนแล้วหาอะไรกินเถิด”
ผู้รับใช้ในคฤหาสน์ของตามข้าขึ้นมาบนกำแพงเพื่อแจกเครื่องดื่มและขนม
คนที่ทำงานซ่อมแซมผนังกำแพงต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องออกมา
“ไชโย ได้เวลาพักแล้ว ~!”
“สมกบัเป็นฝ่าบาท! มาได้เวลาเหมาะเจาะเลย!”
“แต่ฝ่าบาท เหล้าอยู่ที่ไหนกัน?”
“เงียบๆ หน่อยไอ้พวกบ้า กินแล้วกลับไปทำงานซะ!”
ผมตะโกนขึ้นมา ซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะคิกคักและก็รีบไปหยิบส่วนแบ่งของพวกเขามา
พวกเขาทั้งหมดพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ดับกระหายด้วยน้ำและเคี้ยวขนมลดความอยากของพวกเขา ข้าสังเกตเหตุการณ์จากระยะไกล
มนุษย์หาใช่เครื่องจักร หากไม่มีการพักผ่อนที่เหมาะสม ประสิทธิภาพก็จะลดลงไปมาก
“การซ่อมแซมคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
ข้าถามสมาคมช่างก่ออิฐขณะที่ยื่นเครื่องดื่มให้เขา เมื่อรับถ้วยด้วยความขอบคุณแล้ว หัวหน้าสมาคมก็ตอบไปว่า
“ด้วยความเอื้อเฟื้อจากกำลังคนของฝ่าบาท โชคดีที่เราจะทำได้ตามกำหนดเวลา การซ่อมแซมกำแพงควรจะเสร็จภายในสองวัน”
แท้จริงแล้วข้าได้ใช้กำลังคนทั้งหมดที่ข้ามีเพื่องานนี้
ข้าได้รวบรวมคนงานทั้งหมดที่ข้าสามารถจ้างได้ แม้กระทั่งต้องจ้างทหารทั้งหมดในเมือง
“อย่างที่ท่าน เห็นรากฐานได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ และเรายังได้ติดตั้งโครงเหล็กใหม่ ตอนนี้เราแค่ต้องวางอิฐและติดแผ่นเหล็ก การซ่อมแซมก็จะเสร็จสิ้น”
“ทำได้ดีมาก”
ส่วนที่ยากที่สุดก็ดูจะจัดการเรียบร้อยแล้ว
ข้าชื่นชมหัวหน้าสมาคมช่างก่ออิฐอีกครั้งและเดินจากมา ในบรรดาผู้ที่ตามข้ามาคือหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ
“เจ้าค้นคว้ามันมานานมากพอแล้ว เช่นนั้นก็มาติดตั้งมันวันนี้กันเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของข้า ดวงตาของหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุก็เบิกกว้างขึ้น เขาดึงม้วนเวทมนตร์สีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าของเขา
“ในที่สุดเราก็สามารถใช้สิ่งนี้ได้แล้ว!”
ม้วนคัมภีร์อัญเชิญ
สิ่งประดิษฐ์ที่มีค่านี้สามารถอัญเชิญป้อมป้องกันได้ ซึ่งข้าได้มันมาจากการลงดันเจี้ยนก่อหน้านี้
ข้าตั้งใจจะติดตั้งมันทันทีที่การซ่อมแซมฐานรากของกำแพงเสร็จสิ้น ตอนนี้มันใกล้เสร็จแล้ว คงถึงเวลาที่จะลองใช้งานมันดู
ข้ารับม้วนคัมภีร์ที่ถอดอักขระแล้ว จากนั้น หน้าต่างระบบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าข้า
[' ม้วนคัมภีร์อัญเชิญ: ป้อมป้องกันอัตโนมัติ ’ท่านต้องการใช้มันหรือไม่?]
- ใช่/ไม่
ต้องใช่อยู่แล้วสิ
วู้บบ!
ขณะที่ข้าเลือกใช่ ม้วนคัมภีร์ตรงหน้าข้าก็เกิดประกายไฟสีน้ำเงิน แสงสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากเปลวไฟ มันแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของข้า
[แอช (EX) ได้รับทักษะผู้เล่น!]
> อัญเชิญเวทมนตร์: ป้อมป้องกันอัตโนมัติ
"สุดยอด!"
ในที่สุดข้าก็สามารถใช้มันได้แล้ว!
ข้ายิ้มกว้างขณะกวักมือเรียกหัวหน้าสมาคมช่างก่ออิฐที่ยืนอยู่ข้างหลังข้า
“หัวหน้าสมาคมช่างก่ออิฐ!”
“ขอรับฝ่าบาท”
“เจ้าช่วยไปรวบรวมวัตถุดิบที่ข้าต้องการมาทีได้ไหม? พวกมันทั้งหมดน่าจะหามาได้จากที่นี่”
“ไม่มีปัญหาเลยฝ่าบาท เพียงแค่ออกคำสั่งให้ข้าก็พอแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน วัสดุที่ข้าต้องการก็ซ้อนกันอยู่บนกำแพง
มันคือหินและชิ้นส่วนของโครงเหล็ก เศษและชิ้นส่วนต่างๆ ที่เหลือจากการก่อสร้างได้กระจัดกระจายไปทั่ว
’แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว’
เมื่อส่วนผสมที่ตรงตามปริมาณที่ต้องการมีครบ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องคุณภาพของมัน
’ส่วนผสมสุดท้ายเป็นแกนเวทมนตร์ระดับ R หรือสูงกว่า’
ข้าดึง ’แกนเวทมนตร์มาตรฐานขั้นสูง (R)' ออกมาจากกระเป๋าของข้า ซึ่งมันเป็นไอเท็มที่ข้าได้รับจากกล่องรางวัลก่อนหน้านี้ ด้วยสิ่งนี้ ส่วนผสมทั้งหมดจึงถูกประกอบเข้าด้วยกัน
’ตรงจุดนี้...น่าจะใช้ได้’
[เวทมนตร์อัญเชิญ: ป้อมป้องกันอัตโนมัติ]
– เตรียมวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว
– ระดับของการอัญเชิญเหมือนกับระดับของตัวละครที่อัญเชิญออกมา ผู้ใช้สามารถอัญเชิญได้ครั้งละหนึ่งครั้งเท่านั้น
– โปรดระบุตำแหน่งที่จะติดตั้ง
หน้าต่างระบบแสดงทั้งกำแพงเหมือนพิมพ์เขียว 3 มิติ มันบ่งบอกระบุตำแหน่งที่สามารถติดตั้งป้อมปืนได้
จากตำแหน่งทั้งหมด ข้าเลือกตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด มันเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว!
แคร๊ง-แคร๊ง-กึง-!
วัสดุที่ซ้อนกันทั้งหมดตรงหน้าข้าลอยขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแต่ช่างฝีมือที่เฝ้าสังเกตการณ์เท่านั้น แต่กระทั่งคนงานกับทหารต่างก็ตกตะลึงและถอยออกไป
แคร๊ง! ปัง! ฟุ๊บ!
หินได้ถูกยกขึ้นและแท่งเหล็กก็แตกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วตกลงบนกำแพงรวมกันเป็นโครงสร้างเดียว
’มันเหมือนเกมเตตริสไม่มีผิด’
ข้าจับตาดูมันในขณะที่สังเกตชิ้นส่วนเล็กๆ เริ่มประกอบรวมกันเป็นชิ้นใหญ่ มันช่างน่าหลงใหลจริงๆ
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที การก่อสร้างป้อมป้องกันอัตโนมัติก็เสร็จสิ้น
เมื่อมองขึ้นไปที่ป้อมปืนขนาดมหึมาที่สร้างเสร็จแล้ว ข้าก็ยิ้มอย่างพอใจ
ทุกคนมารวมตัวกันด้วยความประหลาดใจอย่างพร้อมเพรียง
รูปทรงของมันทำให้นึกถึงภาพปืนใหญ่ของกองทัพเรือที่ติดตั้งอยู่บนเรือรบสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งแต่ลำกล้องปืนขนาดใหญ่ที่ดูไร้สาระไปจนถึงตัวยึดปืนที่แข็งแรงผิดปกติ
“งดงามยิ่งนัก”
ข้าปรบมือให้ในทันที แม้จะยังไม่ได้รับประทานอาหาร แต่ข้าก็รู้สึกอิ่มเอมกับความพึงพอใจอย่างเต็มประดา
“นี่คือ…เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมเวทมนตร์ที่หายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน …”
หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุที่ยืนอยู่ข้างหลังข้ากล่าวออกมาด้วยความชื่นชม ข้าพยักหน้าเห็นด้วย
“ในอนาคตข้าจะไปเอาม้วนคัมภีร์มาเพิ่ม เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยศึกษามันต่อไปด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของข้า หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุก็โพล่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
ฮ่า ถ้าเจ้ารู้สึกเช่นนี้ก็ดี หวังว่าอนาคตเจ้าจะไม่เสียน้ำตาเอานะ
“ทุกคน ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ทำให้การป้องกันของเราแข็งแกร่งขึ้น!”
ข้าแตะป้อมปืนอัตโนมัติเบาๆ พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทุ่มเทกันอย่างหนักเช่นนี้ต่อไป!”
โอ้-!
ทุกคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขายกเครื่องดื่มและของว่างขึ้น
บรรยากาศค่อนข้างมีชีวิตชีวามาก ข้าหวังว่ามันจะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีก
***
ณ ร้านของช่างตีเหล็ก
ความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากเตานั้นรุนแรงมาก เมื่อเช็ดเหงื่อที่สะสมอยู่บนหน้าผากของข้าแล้ว ข้าก็สูดลมหายใจเข้า
"พร้อมหรือยัง?"
ขณะที่ข้ากล่าวถามออกมา หัวหน้าสมาคมช่างเหล็กก็โค้งคำนับให้ข้า
“ข้ากำลังรอฝ่าบาทอยู่เลย”
หัวหน้าสมาคมเผยชุดเกราะที่ตั้งอยู่บนขาตั้งชุดเกราะ
"นี่ขอรับ"
มันเป็นชุดเกราะโลหะที่เปล่งประกายสีฟ้าโปร่งแสง
ข้ากลืนน้ำลายและเปิดดูค่าสถานะของมันด้วยความทึ่ง
[ชุดเกราะเงา (SR) ระดับ.30]
-ประเภท: เกราะ
- พลังป้องกัน: 50-55
- ความทนทาน: 12/12
– ความต้านทานทางกายภาพของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 33%
– ผู้สวมใส่จะได้รับความสามารถ [ร่างเจตภูติ]
ชุดเกราะนี้ถูกหลอมจาก ’แกนมานาของอัศวินเงา’ มันเป็นรางวัลที่ข้าได้รับจากด่านก่อนหน้านี้
ดูท่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเลย การนำมันมาใช้ทำให้ได้รับการป้องกันทางกายภาพเพิ่มขึ้น ทั้งยังมีทักษะพิเศษอย่าง [ร่างเจตภูติ]
[ร่างเจตภูติ ระดับ.1]
– ผู้ใช้จะไม่ได้รับผลจากการโจมตีเป็นเวลา 5 วินาที การโจมตีทั้งหมดจะไม่ส่งผล แต่ผู้ใช้ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายอื่นได้
ในร่างนี้ ผู้ใช้แปลงร่างเป็นภูติวิญญาณเป็นเวลา 5 วินาที ตัวผู้ใช้จะป้องกันความเสียหายทุกอย่าง ทว่าไม่อาจโจมตีได้
สิ่งนี้นั้นมีประโยชน์มากกว่าที่ข้าคิดไว้ในตอนแรก
‘แต่ข้าไม่ชอบความทนทานที่มันเปราะบางเหมือนลูกปัดแก้ว’
แม้จะมีค่าสถานะที่น่าทึ่ง แต่ความทนทานของชุดเกราะก็ต่ำมาก หากไม่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันอาจแตกสลายได้เลยในระหว่างการต่อสู้
“ลูคัส!”
หลังจากตรวจสอบค่าสถานะทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว ข้าก็ส่งสัญญาณให้ลูคัส
ลูคัสรู้สึกความตื่นเต้นเมื่อเห็นชุดเกราะที่เสร็จสมบูรณ์ เขารีบวิ่งมาที่ด้านข้างของข้าทันที
ผมยิ้มและมอบชุดเกราะให้แก่เขา
“ลองใส่ดูสิ”
“ขอรับฝ่าบาท!”
ลูคัสรับชุดเกราะด้วยความกระตือรือร้นและสวมใส่มันในทันที
"วู้ววว..."
ข้าถึงกับผิวปากออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ชุดเกราะที่อยู่บนขาตั้งนั้นแตกต่างอย่างมากเมื่ออัศวินได้สวมใส่มันลงไปจริงๆ ทันทีที่ลูคัสสวมใส่มัน ความงดงามของชุดเกราะก็เด่นชัดขึ้นอย่างน่าทึ่ง
“เป็นอย่างไรบ้าง สบายไหม?”
“ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วขอรับ”
ลูคัสกำหมัดแน่น
“ข้าจะใช้มันให้เต็มที่เลยขอรับฝ่าบาท”
"แบบนี้สิดี ข้าสั่งตีขึ้นมาให้เจ้าโดยเฉพาะ ถ้ามันเหมาะกับเจ้าก็ดีแล้ว"
ข้ากล่าว อะแฮ่ม
ข้าไม่ลืมที่จะพยักหน้าขอบคุณให้กับหัวหน้าสมาคมช่างตีเหล็ก
“ขอบคุณสำหรับการประดิษฐ์ชุดเกราะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ขึ้นมา”
“ข้าต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้”
หัวหน้าสมาคมโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง ความภาคภูมิใจที่เปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเขาขณะที่เขาจ้องมองไปที่ชุดเกราะนั้นคล้ายกับกำลังแผดแสงออกมา
“ทางข้ายินดีต้อนรับพวกท่านเสมอ หากท่านต้องการให้สร้างสิ่งใดก็สามารถมาหาข้าได้ตลอดเลยฝ่าบาท”
“ข้าจะมาหาอยา่งแน่นอน”
เครื่องมือประดิษฐ์ของช่างตีเหล็กเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพิชิตเกม ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ข้าจะมาเยือนร้านของเขาบ่อยครั้ง
เมื่อจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ และชุดเกราะเรียบร้อยแล้ว ลูคัสและข้าก็ออกจากโรงตีเหล็ก
ช่างตีเหล็กอำลาเรา เขาโค้งคำนับให้ด้วยความเคารพ
“ไปทางตะวันตกของป้อมปราการกันเถอะ”
ขณะที่งานสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็กวักมือเรียกคนรับใช้ของข้า
“เรายังมีงานสำคัญที่ต้องทำ”
***
เย็นวันนั้น
บนที่ราบตะวันตกของป้อมปราการ
ตู้ม! ครืน!
เสียงร้องอันโศกเศร้าดังก้องกังวาน เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
งานศพกำลังดำเนินไป เป็นอนุสรณ์สำหรับเหล่าทหารที่ร่วงโรย
โลงศพที่สร้างขึ้นใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยดิน ใต้ป้ายหลุมศพต่างถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
จำนวนผู้ที่ตายจากด่านก่อนไม่ได้มากเกินไป ข้ารู้สึกได้เลยว่าตัวข้านั้นรู้สึกขัดแย้งยิ่ง ไม่แน่ใจว่ามันเป็นพรหรือคำสาปกันแน่
เพลงสวดดังก้องไปในอากาศ บาทหลวงอวยพรหลุมศพแต่ละหลุมด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์
ข้าเอนศีรษะไปที่หลุมฝังศพแต่ละหลุมที่เพิ่งขุดเสร็จใหม่ๆ
ทุกอย่างได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุ ข้าก็พบว่าตนเองอยู่บนเนินเขาสุสานที่แผ่ขยายอยู่ใต้ตัวข้า
แถวหลุมศพที่เรียงรายมากมาย คล้ายเป็นดั่งภาพในงานสยองขวัญ
"...ฟิ้ว"
สายลัมอันแสนรุนแรงได้พัดผ่านมา ข้าไม่ใช่คนสูบบุหรี่ แต่ช่วงเวลาเมื่อครู่ ข้าก็คิดหาทางที่พยายามปลอบประโลมจิตใจของข้า
“จัดสรรงบประมาณจำนวนมากของเมืองไปให้กับการจัดงานศพเหรอ…”
เสียงชราเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นจากด้านหลังข้า ข้าหมุนตัวไปมองด้วยความประหลาดใจ
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้เงินช่วงเหลืออีก ค่อนข้างใจกว้างมากเลยนะ”
“มาร์คกราฟ?”
มาร์คกราฟค่อยๆ เดินเข้ามาหาข้า
ข้าคิดว่าเขาจะกักตัวอยู่ในคฤหาสน์ที่ทรุดโทรมของเขาทั้งวันเสียอีก แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสมองมาที่ข้าด้วยความประหลาดใจ
“แต่ที่นี่เป็นแนวหน้าของสัตว์ประหลาดนะ องค์ชาย ชีวิตมากมายล้วนเลือนหายไปดั่งเศษขยะในฤดูฝน ไม่ว่าท่านจะเมตตาเพียงใดมันก็ไม่อาจเพียงพอ”
“…”
ขณะที่สูญเสียคำพูดไปชั่วขณะ พอตั้งสติได้ ข้าก็ตอบกลับไปอย่างคล่องแคล่ว
“เจ้าเดินทอดน่องมาถึงที่นี่เพื่อมาสั่งสอนข้าเหรอ? หรือเจ้าดื่มเหล้าหมดแล้ว?”
"เหล้านั้นไม่เคยพอหรอก บางครั้งข้าก็ต้องมาซื้อด้วยตัวเอง แต่วันนี้ข้ามีเหตุผลอื่น”
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสยืนอยู่ด้านข้างข้า มองดูหลุมศพด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“ข้าตามหาอดีตทหารสหายเก่าของข้า ถามว่าพวกเขาพอจะมารวมตัวเพื่อป้องกันเมืองได้หรือไม่”
“…!”
เขากำลังพูดถึงทหารที่อยู่ภายใต้ตระกูลครอสสินะ ข้ากลืนน้ำลายลงไปในลำคอด้วยความคาดหวัง
"แล้ว? พวกเขาตอบว่าเช่นไร?”
“ทุกคนตกลง พวกเขาจะกลับมาปกปักษ์ป้อมปราการนี้อีกครั้ง”
ข้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฮูเร่!
“นี่เป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาในหนึ่งสัปดาห์เลยมาร์คกราฟ!”
ด้วยเหตุนี้ ปัญหาการขาดแคลนกำลังพลของเราจึงได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าข้าดีใจเพียงใด
“แต่ข้าไม่รู้ว่าสหายเก่าของข้าจะให้ความช่วยเหลือได้มากแค่ไหน… แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมพร้อมกันอยู่ ข้าจะให้พวกเขารับคำสั่งจากเจ้า จงจัดการอย่างชาญฉลาด พวกเขาทั้งหมดก็แก่พอๆ กับข้า”
“ขอบคุณมากมาร์คกราฟ ขอบคุณมากจริงๆ”
เมื่อมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสได้ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างดื้อรั้น เขาก็คิดว่าจนมุมเสียแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายได้ยื่นมือเข้ามาช่วย
ต้องบอกเลยว่าเขาทั้งตกตะลึงและซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด
“ไม่มีอะไรต้องขอบคุณข้าเลย ต้องขอบคุณสหายเก่าของข้าต่างหาก”
“ถึงกระนั้นแล้ว มาร์คกราฟ คำพูดของเจ้าก็ก่อให้เกิดเปลวไฟนี้ ต้องขอบคุณเจ้า”
ข้าจับมือมาร์คกราฟและเขย่ามันไปมาด้วยความยินดี มาร์คกราฟค่อยๆ ผละมือของเขาออกไป เขาคงดูอึดอัดเล็กน้อย
“นั่นคือสิ่งที่ข้าช่วยได้มากที่สุดแล้ว”
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสจ้องมองไปที่เมืองด้วยสายตาอันเหินห่าง
“จงรักษาเมืองไว้ให้ดีท่านเจ้าเมือง ข้าขออวยพรให้ท่านโชคดี”
“ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของเจ้า มาร์คกราฟ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
ข้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มซุกซน
“ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างเจ้าเป็นระยะๆ”
“คำแนะนำหรือ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอเหล้าด้วยสักหน่อย”
“เพื่อสุขภาพของเจ้า ข้าคงจะต้องส่งสมุนไพรจำนวนมากไปให้แทนแล้วสิ”
“หยุดเลย หากท่านคิดจะส่งของเช่นนั้นมาให้ข้าก็ไม่ต้องคิดจะส่งอะไรมาทั้งนั้น!”
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสยิ้มออกมาให้ข้า ก่อนจะเดินไปยังทางใต้
ดูเหมือนเขาคงกำลังจะกลับไปยังสวนผลไม้ของเขา
ในใจของข้าอยากที่จะให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ
เพราะมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสเป็นผู้บัญชาการกร่ำศึกที่ใช้ชีวิตทั้งช่วงชีวิตปกปักษ์แนวรบแห่งนี้ ความเชี่ยวชาญของเขามีมากมาย คงช่วยการรบของเราได้ไม่มากก็น้อย
แต่เขานั้นได้เสียสละมากเกินไปกับเมืองนี้
ดังนั้นข้าจึงไม่อาจรั้งเขาเอาไว้ได้ ทำได้เพียงแค่มองร่างของเขาเดินจากไป
ข้าปลอบใจตัวเองด้วยความคิดที่ว่า ข้าอาจจะมีโอกาสได้พูดคุยและปรึกษาท่านเจ้าเมืองเก่าคนนี้ได้ในครั้งต่อไป
ทว่าข้ากลับไม่รู้เลย ’ครั้งต่อไป’ ที่ว่ามันไม่มีทางจะมาถึงแล้ว