ตอนที่แล้วบทที่ 115: หลินเป่ยฟาน จงอย่ารังแกผู้ซื่อสัตย์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 117: นางโลมอีกคนผู้จับจ้องหลินเป่ยฟาน!

บทที่ 116: ท่านหลินหยุดเสแสร้งได้แล้ว!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 116: ท่านหลินหยุดเสแสร้งได้แล้ว!

หลินเป่ยฟานได้เดินออกมาทันที เขามองไปที่จักรพรรดินีและทั้งราชสำนักที่กำลังจ้องมองมาที่เขา เขาโค้งคำนับทันทีและกล่าวว่า “รายงานต่อฝ่าบาท คำพูดของเหล่าขุนนางทุกท่านมีเหตุผล ข้าไม่มีสิ่งใดโต้แย้ง!”

“ท่านหลิน ท่านหลับไปหรือเปล่า? เมื่อครู่เรายังไม่ได้พูดอะไรกันเลยนะ!” เสนาบดีกรมโยธากล่าวตำหนิ

"เป็นเช่นนั้นเองหรือ!" หลินเป่ยฟานกะพริบตาปริบๆ และคำนับอีกครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ขอรายงานต่อฝ่าบาทและท่านขุนนางทั้งหลาย แม้นพวกท่านจะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่พวกท่านก็คงมีแผนการแก้ไขอยู่แล้ว กระหม่อมที่เป็นเพียงข้ารับใช้ผู้อ่อนน้อมถ่อมนั้นโง่เขลาและไม่อาจคิดหาหนทางแก้ไขได้อย่างชัดเจน!”

หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็ก้าวถอยกลับไปอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

ใบหน้าของทุกคนถึงกับกระตุก

บัดซบ!

ไฉนเจ้าถึงกล่าวเอาตัวรอดออกมาเช่นนี้!

เป็นจิ้งจอกน้อยที่มีไหวพริบนัก!

จักรพรรดินีไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว “ท่านหลิน หยุดเสแสร้งและรีบบอกวิธีการของท่านให้เราทุกคนพิจารณาโดยเร็ว!”

หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างขมขื่น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีวิธีจริงๆ!”

จักรพรรดินีชี้ไปที่หลินเป่ยฟานพร้อมกล่าวน้ำเสียงกดดัน “ข้าเชื่อว่าท่านมีวิธี!”

หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะ “ฝ่าบาท มันไม่มีจริงๆ ขอรับ!”

จักรพรรดินียอมแพ้ นางได้แต่โบกมือไปมา “ข้ารู้ว่าท่านคงไม่ได้ตั้งใจฟัง เช่นนั้นใครก็ได้ช่วยบอกสถานการณ์แก่เขาที”

หลังจากรู้สถานการณ์แล้ว หลินเป่ยฟานก็ถามว่า “นิกายเทียนอี้หลอกลวงผู้คนให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆ ดั่งใจตนปรารถนา! คำถามคือ พวกเขาใช้วิธีการใดในการหลอกลวงราษฎรกัน?”

“ส่วนใหญ่เป็นการแสดงปาฏิหาริย์เพื่อหลอกลวงราษฎรขอรับ!” เจ้าหน้าที่ระดับต้นพูดตอบทันที “พวกเขามีความสามารถในการบินบนเวหาและร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์!”

“พวกมันสามารถเปลี่ยนน้ำในอ่างให้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ หลังจากดื่มแล้ว พวกเขาทุกคนจะรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น กายาเบาบางราวกับนกนางแอ่น!”

“พวกเขาสามารถควบคุมวัตถุ ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ!”

“พวกเขาสามารถสั่งการไฟสวรรค์ ขับไล่ปีศาจและกำจัดภัยพิบัติได้!”

“ทุกครั้งที่พวกเขาสวดอ้อนวอนให้ผู้คน สัญลักาณ์สวรรค์จะปรากฏขึ้นพร้อมกับตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สะท้อนอยู่บนผืนฟ้าที่ว่างเปล่า พระโพธิสัตว์และตัวตนอมตะก็ปรากฏตัวให้เห็นเช่นกัน ภาพของพวกท่านปรากฏให้เห็นในระยะทางหลายลี้!”

“เป็นเพราะปาฏิหาริย์เหล่านี้ ผู้คนจึงเชื่อมั่นในพวกเขาอย่างมาก ยึดถือว่าพวกเขาเป็นตัวตนศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์ทรมานและความยากลำบาก!”

“ฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานตะโกนเสียงดัง “พวกเขาหลอกลวงผู้คนโดยใช้ปาฏิหาริย์ ทำให้ราษฎรมากมายทำงานให้กับพวกเขา! หากเราสามารถเปิดเผยกลอุบายของพวกเขาได้ ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความจริง ลัทธิปีศาจนี้จะสูญเสียพลังและพังทลายลงไปในทันที!”

จักรพรรดินีพยักหน้า “คำพูดของท่านหลินมีเหตุผล!”

ขุนนางอาวุโสยืนขึ้นพร้อมกับคิ้วขมวดและกล่าวว่า “ความสามารถในการบินบนเวหาและลงมา…กล่าวตามตรง ไม่ว่าผู้ใดมีวิชาตัวเบาก็สามารถทำเช่นนั้นและหลอกลวงผู้อื่นได้!”

“ส่วนความสามารถในการควบคุมวัตถุได้ตามต้องการ…กระหม่อมได้ยินมาว่าผู้ที่อยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แท้จริงของพวกเขาควบคุมอาวุธได้ สมาชิกปีศาจของนิกายเทียนอี้ล้วนมีผู้ฝึกวรยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิด มันคงเป็นเช่นนี้แน่!”

“ทว่าความสามารถในการเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ให้มีร่างกายที่สุขภาพดีขึ้นนั้น...”

“อีกทั้งการสั่งการไฟสวรรค์ขับไล่ปีศาจและแผดเผาสิ่งชั่วร้าย …”

“สัญลักษณ์สวรรค์ที่มองเห็นได้เป็นระยะทางหลายร้อยลี้…”

“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสามารถที่ผู้ฝึกยุทธ์จะมีได้เลย ข้าไม่อาจเข้าใจได้!” ข้าราชบริพารอาวุโสกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับและถอยออกไป

จักรพรรดินีอุทานเสียงดัง “ท่านทั้งหลาย เช่นนั้นพวกท่านมีวิธีแก้ปัญหาอะไรอีกหรือไม่?”

เหล่าขุนนางส่ายศีรษะ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย

ในที่สุด จักรพรรดินีก็หันไปหาหลินเป่ยฟานด้วยความคาดหวังในน้ำเสียงของนาง “ท่านหลิน ท่านเป็นผู้มีไหวพริบและมีความรู้มาโดยตลอด ท่านจะไขความลับเบื้องหลังปาฏิหาริย์อันแสนหลอกลวงของพวกเขาได้หรือไม่?”

หลินเป่ยฟานโค้งคำนับ “ฝ่าบาท ได้โปรดให้เวลากระหม่อมหนึ่งวัน! พรุ่งนี้ในราชสำนักยามรุ่งสาง ข้าจะให้ความกระจ่างแก่ฝ่าบาทและเหล่าเสนาบดีทุกท่าน!”

จักรพรรดินีกล่าวออกมาเสียงดัง “ยอดเยี่ยม! เช่นนั้นข้าจะให้เวลาท่านวันหนึ่ง!”

วันรุ่งขึ้น หลินเป่ยฟานก็เตรียมหลายสิ่งหลายอย่างมายังราชสำนักช่วงรุ่งสาง

“ท่านหลิน ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว ยามนี้ท่านไขความลับเบื้องหลังปาฏิหาริย์แปลกพิกลของนิกายเทียนอี้ได้แล้วหรือยัง?”

หลินเป่ยฟานยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “แน่นอนฝ่าบาท โปรดพินิจดูด้วยเถิด!”

“สิ่งแรกคือการเปลี่ยนแอ่งน้ำที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นน้ำ!”

หลินเป่ยฟานหยิบอ่างขนาดเล็กออกมาและแสดงให้ทุกคนดู จากนั้นจึงกล่าวว่า “โปรดมองดูเถิดว่าข้างในว่างเปล่าหรือไม่? ไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในถูกต้องไหม? ไม่มีน้ำเลยใช่ไหม?”

ทุกคนมองไปที่มันและพยักหน้าเห็นด้วย

“มันว่างเปล่าจริงๆ!”

“ไม่มีอะไรอยู่ภายในเลย!”

“เช่นนั้นทุกท่านโปรดตั้งใจดูให้ดี!”

หลินเป่ยฟานมีผ้าสีแดงอยู่ในมือ เขาใช้มันคลุมอ่างขนาดเล็ก จากนั้นเขาก็เปิดมันออกอย่างรวดเร็ว

แอ่งน้ำที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้พลันมีน้ำใสครึ่งแอ่ง

"หา? มีน้ำปรากฏขึ้นได้อย่างไรกัน?”

"มันเกิดขึ้นได้ยังไง?"

“น้ำมาจากที่ใด?”

ทุกคนต่างตกตะลึง!

จักรพรรดินีแทบรอไม่ไหวและถามออกมาทันทีว่า “ท่านหลิน ท่านทำได้ยังไงกัน?”

หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “แท้จริงแล้วมันง่ายมาก เป็นแค่กลอุบายธรรมดา! เดิมทีอ่างมีน้ำอยู่ในนั้น ข้าปิดมันด้วยแผ่นใสที่มีสีกลมกลืนกับน้ำ เพราะน้ำมันใสกระจ่าง มันจึงคล้ายเลือนหายไป!”

“ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นการสร้างภาพลวงตาทำให้ทุกคนคิดว่าไม่มีน้ำอยู่ในอ่าง เมื่อข้าฉีกชั้นแผ่นใสในอ่างออก น้ำก็คล้ายกับโผล่ออกมาจากอากาศอันว่างเปล่า!”

หลินเป่ยฟานหันศีรษะไปมองเจ้าหน้าที่ระดับต้นจากเจียงตะวันออกและถามว่า “สมาชิกลัทธิปีศาจของนิกายเทียนอี้ทำเช่นนี้หรือไม่?”

เจ้าหน้าที่ระดับต้นกล่าวตอบอย่างตื่นเต้น “ขอรับ! ทำเช่นนั้นเลย! มันเหมือนกับที่ท่านทำไม่มีผิด! ทว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาทำขึ้นมามีความสามารถในการรักษาด้วย…”

“นั่นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก!”

หลินเป่ยฟานหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “พวกเขาอาจจะเพิ่มยาบางอย่างลงไปในน้ำ ดังนั้นการดื่มมันจึงเทียบเท่ากับการดื่มโอสถ มันย่อมีความสามารถในการรักษาเป็นธรรมดา หรือบางทีอาจไม่มีโอสถใดเลย เป็นเพียงผลทางจิตวิทยาเท่านั้น ไม่น่าแปลกตรงไหน!”

“การสาธิตของท่านหลิยได้ขยายขอบเขตการรับรู้ของเราอย่างแท้จริง! มีเรื่องใดอีกไหม?” จักรพรรดินีถามด้วยความคาดหวัง

“ย่อมมีอีก ต่อไปคือความสามารถในการสั่งการไฟสวรรค์และขับไล่ปีศาจ!”

หลินเป่ยฟานทำท่าทางและกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดให้คนปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด รวมถึงเทียนด้วย!”

จักรพรรดินีตอบตกลง “จัดการ!”

หลังจากนั้น ทั้งห้องโถงจักรพรรดิทองคำก็มืดลง

“ฝ่าบาทและข้าราชบริพารทั้งหลาย โปรดพินิจให้ดี!”

หลินเป่ยฟานดีดนิ้วของเขา เปลวไฟสีเขียวพลันปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที มันกำลังเผาไหม้อย่างเชื่องช้า

ทันใดนั้น ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง

“ไฟ! มีไฟจริงๆ ด้วย!”

“มันปรากฏขึ้นมาได้ยังไงกัน?”

“ถ้าจุดไฟด้วยมือ มันจะไม่ถูกเผาหรือ?”

หลินเป่ยฟานยื่นมืออีกข้างและดีดนิ้วอีกครั้ง

ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขาและลุกไหม้อย่างเชื่องช้า

ทุกคนต่างประหลาดใจอีกครั้ง

“มีไฟอีก!”

“คราวนี้เป็นเปลวไฟสีแดงเข้ม!”

"มันปรากฏขึ้นได้อย่างไร?”

ถัดไป หลินเป่ยฟานก็ประสานมือของเขาเข้าด้วยกันและถูพวกมันอย่างแรง

เปลวไฟสีสันสดใสขนาดใหญ่ลุกโชนจากมือของเขา มันส่องสว่างห้องโถงจักรพรรดิทองคำ

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยจากเจียงตะวันออกข้างๆ เขาอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ใช่ ใช่ ใช่เลย! สมาชิกลัทธิปีศาจของนิกายเทียนอี้ทำเช่นนี้เพื่อสร้างไฟสวรรค์! พวกเขาสามารถสั่งเปลวไฟด้วยมือทั้งสอง ไม่กลัวด้วยว่ามันจะแผดเผา!”

จักรพรรดินีรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน จึงถามว่า “ท่านหลิน ท่านทำได้ยังไง? บอกเรามาโดยเร็ว!”

"แท้จริงแล้วมันเรียบง่ายนัก!" หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “เพราะข้ามีฟอสไฟด์อยู่ในมือ สารนี้สามารถเผาไหม้ได้และมีอุณหภูมิติดไฟที่ต่ำมาก ทำให้ติดไฟได้เอง! ยามที่ข้าดีดนิ้วและถูมือเข้าหากัน มันก็จุดติดไฟและเริ่มไหม้! อุณหภูมิของไฟนี้ต่ำมาก ดังนั้นมันจะไม่เผาฝ่ามือของข้า!”

ทุกคนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

หลินเป่ยฟานรู้ได้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่แสร้งทำเป็นเข้าใจ

มีคนผู้หนึ่งถามอย่างถ่อมตนว่า"ท่านหลิน ฟอสไฟด์คืออะไรกัน? ทำไมมันถึงสามารถเผาไหม้ได้?”

“ฟอสไฟด์ถูกพบในเถ้ากระดูกมนุษย์ที่ถูกเผา! เปลวไฟวิญญาณที่มักจะเห็นในสุสานเป็นผลมาจากการเผาไหม้ของสารที่มีนามว่าฟอสไฟด์!” หลินเป่ยฟานอธิบายพร้อมด้วยรอยยิ้ม...

"เป็นเช่นนั้นเองสินะ!" ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้

“ส่วนเหตุผลที่มันเผาไหม้ได้นั้น มันก็ซับซ้อนเกินไปที่จะอธิบายอย่างชัดเจน ข้าขอไม่ลงรายละเอียดลงไป!”

หลินเป่ยฟานเปิดกล่องเล็กๆ ที่บรรจุผงสีต่างๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือฟอสไฟด์! ข้าสามารถเปลี่ยนมันเป็นสีของไฟสวรรค์ที่พวกท่านต่างต้องการได้!”

เหล่าขุนนางทั้งหลายและแม้แต่จักรพรรดินีก็อยากรู้อยากเห็น

ดังนั้นหลินเป่ยฟานจึงพาทุกคนมาเล่นไฟสวรรค์

พวกเขาจุ่มมือลงในผงฟอสไฟด์ ดีดนิ้วหรือถูมือเข้าหากัน ไฟสวรรค์พลันถูกจุดขึ้นในฝ่ามือของพวกเขา มันช่างน่าหลงใหลอย่างยิ่ง

“ถือว่าเปิดโลกของเราอย่างมาก โลกใบนี้กลับเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่เรามิอาจรู้ได้เลย!”

จักรพรรดินีถอนหายใจ “ท่านหลิน แล้วท่านรู้ความลับเบื้องหลังลางบอกเหตุจากสวรรค์หรือไม่?”

"ทราบอยู่แล้ว ได้โปรดเชิญพินิจดูเถิดฝ่าบาท!”

หลินเป่ยฟานจุดเทียนและห้องก็สว่างขึ้นเล็กน้อย

ทว่าเมื่อหลินเป่ยฟานหยิบชิ้นส่วนโลหะทองแดงรูปแตรที่มีพื้นผิวด้านในสะท้อนแสงออกมาวางไว้บนเทียน สิ่งรอบข้างพลันมืดลง มีเพียงพื้นที่วงกลมเหนือคานเท่านั้นที่สว่างและแพรวพราวเป็นพิเศษ

“ข้ารวบรวมแสงจากพื้นเบื้องล่างอันมากมายให้กระจุกอยู่จุดเดียวกัน กลายเป็นลำแสงที่ส่องสว่างอยู่บนด้านบน!”

“ลองจินตนาการดูสิ ถ้าเกิดเราแทนที่เทียนด้วยเปลวไฟขนาดยักษ์ ขยายชิ้นส่วนโลหะทองแดงรูปแตรในมือให้มีขนาดเพิ่มขึ้นสิบเท่า การทำเช่นนั้นย่อมทำให้สามารถสร้างแสงจากความว่างเปล่าและก่อให้เกิดลางบอกเหตุจากสรวงสวรรค์ได้ไม่ใช่หรือ?”

อันที่จริงแล้ว สิ่งนี้เป็นหลักการของไฟฉาย!

เมื่อรวมแสงทั้งหมดเข้าด้วยกัน กำลังแสงก็จะมากขึ้นและสามารถพุ่งไปได้ไกลอย่างยิ่งยวด!

หลินเป่ยฟานอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หากท่านต้องการให้มันกลายเป็นอักขระหรือรูปใด ท่านก็เพียงนำของมาไว้ใต้แสง! ข้าเคยทำเช่นนี้มาก่อน!”

หลินเป่ยฟานหยิบงานศิลปะที่ตัดด้วยกระดาษออกมาและวางไว้บนชิ้นส่วนโลหะทองแดง

ทันใดนั้น ร่างที่สดใสของโพธิสัตว์ก็ปรากฏขึ้นบนลำแสง

“ทำไมข้าถึงคิดแค่เรื่องแบบนี้ไม่ได้กัน?”

"ข้าไม่เคยคาดคิดเลย เหตุใดมันเรียบง่ายเช่นนี้!"

“วันนี้ท่านหลินได้เปิดโลกของเรามากจริงๆ!”

“สมกับเป็นขุนนางผู้มากความสามารถ!”

เป็นผลให้กลอุบายหลอกลวงทั้งหมดของนิกายเทียนอี้ได้ถูกหลินเป่ยฟานเปิดโปง

“ฝ่าบาท ตราบใดที่เราใช้สามวิธีนี้และแสดงให้เห็นต่อหน้าสาธารณชน ราษฎรก็จะรู้ใบหน้าที่แท้จริงของลัทธิปีศาจนิกายเทียนอี้ได้! ด้วยวิธีนี้ พวกเขาย่อมไม่เชื่อในลัทธิปีศาจอีกต่อไป! นิกายเทียนอี้จะล่มสลายทันทีและไม่เป็นภัยคุกคามต่อราชสำนักอีกต่อไป!”

"ยอดเยี่ยม!" จักรพรรดินีอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ส่งต่อวิธีเหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว!”

“ตามที่ฝ่าบาทบัญชา!”

“แล้วก็ส่งกลุ่มยอดฝีมือออกไป! เมื่อแผนการของพวกมันถูกเปิดเผยแล้ว ให้จับกุมพวกมันทันที! หากจับพวกมันไม่ได้ ก็ให้ประหารพวกมันทันทีเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต!”

“ตามที่ฝ่าบาทบัญชา!”

หลังจากออกคำสั่งหลายครั้งแล้ว จักรพรรดินีก็มองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยสีหน้าพอใจ “ท่านหลิน ท่านได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง! บอกข้ามาเถิดว่าข้าควรตอบแทนท่านยังไง”

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้าหวังผลตอบแทนใดๆ! แต่ถ้าฝ่าบาทยืนยันที่จะให้รางวัลกระหม่อม ได้โปรดจัดสรรเงินทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยข้าวลูกผสมของกระหม่อมด้วย เพียงสองหรือสามล้านก็พอแล้ว!” หลินเป่ยฟานพูดอย่างกระตือรือร้น

ริมฝีปากของขุนนางแต่ละคนถึงกับกระตุก เขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้หรือ?

จักรพรรดินีลูบขมับของนางด้วยความปวดเศียร “ไว้คุยเรื่องนี้เมื่อท่านวิจัยเรื่องเรือยักษ์เหล็กสำเร็จแล้ว!”

เพราะราชสำนักใช้วิธีการของหลินเป่ยฟานและเปิดโปงแผนการหลอกลวง นิกายเทียนอี้จึงล่มสลายไป ทว่าพวกเขาก็รู้ตัวอย่างรวดเร็วและเมื่อถึงเวลาที่ยอดฝีมือของราชสำนักมาถึง พวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ทว่าหลังจากนั้น ได้ปรากฏหอนางโลมที่มีนามว่าซินเยว่โหลปรากฏขึ้น

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด