บทที่ 116: ท่านหลินหยุดเสแสร้งได้แล้ว!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 116: ท่านหลินหยุดเสแสร้งได้แล้ว!
หลินเป่ยฟานได้เดินออกมาทันที เขามองไปที่จักรพรรดินีและทั้งราชสำนักที่กำลังจ้องมองมาที่เขา เขาโค้งคำนับทันทีและกล่าวว่า “รายงานต่อฝ่าบาท คำพูดของเหล่าขุนนางทุกท่านมีเหตุผล ข้าไม่มีสิ่งใดโต้แย้ง!”
“ท่านหลิน ท่านหลับไปหรือเปล่า? เมื่อครู่เรายังไม่ได้พูดอะไรกันเลยนะ!” เสนาบดีกรมโยธากล่าวตำหนิ
"เป็นเช่นนั้นเองหรือ!" หลินเป่ยฟานกะพริบตาปริบๆ และคำนับอีกครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ขอรายงานต่อฝ่าบาทและท่านขุนนางทั้งหลาย แม้นพวกท่านจะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่พวกท่านก็คงมีแผนการแก้ไขอยู่แล้ว กระหม่อมที่เป็นเพียงข้ารับใช้ผู้อ่อนน้อมถ่อมนั้นโง่เขลาและไม่อาจคิดหาหนทางแก้ไขได้อย่างชัดเจน!”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็ก้าวถอยกลับไปอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ใบหน้าของทุกคนถึงกับกระตุก
บัดซบ!
ไฉนเจ้าถึงกล่าวเอาตัวรอดออกมาเช่นนี้!
เป็นจิ้งจอกน้อยที่มีไหวพริบนัก!
จักรพรรดินีไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว “ท่านหลิน หยุดเสแสร้งและรีบบอกวิธีการของท่านให้เราทุกคนพิจารณาโดยเร็ว!”
หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างขมขื่น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีวิธีจริงๆ!”
จักรพรรดินีชี้ไปที่หลินเป่ยฟานพร้อมกล่าวน้ำเสียงกดดัน “ข้าเชื่อว่าท่านมีวิธี!”
หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะ “ฝ่าบาท มันไม่มีจริงๆ ขอรับ!”
จักรพรรดินียอมแพ้ นางได้แต่โบกมือไปมา “ข้ารู้ว่าท่านคงไม่ได้ตั้งใจฟัง เช่นนั้นใครก็ได้ช่วยบอกสถานการณ์แก่เขาที”
หลังจากรู้สถานการณ์แล้ว หลินเป่ยฟานก็ถามว่า “นิกายเทียนอี้หลอกลวงผู้คนให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆ ดั่งใจตนปรารถนา! คำถามคือ พวกเขาใช้วิธีการใดในการหลอกลวงราษฎรกัน?”
“ส่วนใหญ่เป็นการแสดงปาฏิหาริย์เพื่อหลอกลวงราษฎรขอรับ!” เจ้าหน้าที่ระดับต้นพูดตอบทันที “พวกเขามีความสามารถในการบินบนเวหาและร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์!”
“พวกมันสามารถเปลี่ยนน้ำในอ่างให้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ หลังจากดื่มแล้ว พวกเขาทุกคนจะรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น กายาเบาบางราวกับนกนางแอ่น!”
“พวกเขาสามารถควบคุมวัตถุ ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ!”
“พวกเขาสามารถสั่งการไฟสวรรค์ ขับไล่ปีศาจและกำจัดภัยพิบัติได้!”
“ทุกครั้งที่พวกเขาสวดอ้อนวอนให้ผู้คน สัญลักาณ์สวรรค์จะปรากฏขึ้นพร้อมกับตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สะท้อนอยู่บนผืนฟ้าที่ว่างเปล่า พระโพธิสัตว์และตัวตนอมตะก็ปรากฏตัวให้เห็นเช่นกัน ภาพของพวกท่านปรากฏให้เห็นในระยะทางหลายลี้!”
“เป็นเพราะปาฏิหาริย์เหล่านี้ ผู้คนจึงเชื่อมั่นในพวกเขาอย่างมาก ยึดถือว่าพวกเขาเป็นตัวตนศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์ทรมานและความยากลำบาก!”
“ฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานตะโกนเสียงดัง “พวกเขาหลอกลวงผู้คนโดยใช้ปาฏิหาริย์ ทำให้ราษฎรมากมายทำงานให้กับพวกเขา! หากเราสามารถเปิดเผยกลอุบายของพวกเขาได้ ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความจริง ลัทธิปีศาจนี้จะสูญเสียพลังและพังทลายลงไปในทันที!”
จักรพรรดินีพยักหน้า “คำพูดของท่านหลินมีเหตุผล!”
ขุนนางอาวุโสยืนขึ้นพร้อมกับคิ้วขมวดและกล่าวว่า “ความสามารถในการบินบนเวหาและลงมา…กล่าวตามตรง ไม่ว่าผู้ใดมีวิชาตัวเบาก็สามารถทำเช่นนั้นและหลอกลวงผู้อื่นได้!”
“ส่วนความสามารถในการควบคุมวัตถุได้ตามต้องการ…กระหม่อมได้ยินมาว่าผู้ที่อยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิดสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แท้จริงของพวกเขาควบคุมอาวุธได้ สมาชิกปีศาจของนิกายเทียนอี้ล้วนมีผู้ฝึกวรยุทธ์ขอบเขตต้นกำเนิด มันคงเป็นเช่นนี้แน่!”
“ทว่าความสามารถในการเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ให้มีร่างกายที่สุขภาพดีขึ้นนั้น...”
“อีกทั้งการสั่งการไฟสวรรค์ขับไล่ปีศาจและแผดเผาสิ่งชั่วร้าย …”
“สัญลักษณ์สวรรค์ที่มองเห็นได้เป็นระยะทางหลายร้อยลี้…”
“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสามารถที่ผู้ฝึกยุทธ์จะมีได้เลย ข้าไม่อาจเข้าใจได้!” ข้าราชบริพารอาวุโสกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับและถอยออกไป
จักรพรรดินีอุทานเสียงดัง “ท่านทั้งหลาย เช่นนั้นพวกท่านมีวิธีแก้ปัญหาอะไรอีกหรือไม่?”
เหล่าขุนนางส่ายศีรษะ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ในที่สุด จักรพรรดินีก็หันไปหาหลินเป่ยฟานด้วยความคาดหวังในน้ำเสียงของนาง “ท่านหลิน ท่านเป็นผู้มีไหวพริบและมีความรู้มาโดยตลอด ท่านจะไขความลับเบื้องหลังปาฏิหาริย์อันแสนหลอกลวงของพวกเขาได้หรือไม่?”
หลินเป่ยฟานโค้งคำนับ “ฝ่าบาท ได้โปรดให้เวลากระหม่อมหนึ่งวัน! พรุ่งนี้ในราชสำนักยามรุ่งสาง ข้าจะให้ความกระจ่างแก่ฝ่าบาทและเหล่าเสนาบดีทุกท่าน!”
จักรพรรดินีกล่าวออกมาเสียงดัง “ยอดเยี่ยม! เช่นนั้นข้าจะให้เวลาท่านวันหนึ่ง!”
วันรุ่งขึ้น หลินเป่ยฟานก็เตรียมหลายสิ่งหลายอย่างมายังราชสำนักช่วงรุ่งสาง
“ท่านหลิน ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว ยามนี้ท่านไขความลับเบื้องหลังปาฏิหาริย์แปลกพิกลของนิกายเทียนอี้ได้แล้วหรือยัง?”
หลินเป่ยฟานยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “แน่นอนฝ่าบาท โปรดพินิจดูด้วยเถิด!”
“สิ่งแรกคือการเปลี่ยนแอ่งน้ำที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นน้ำ!”
หลินเป่ยฟานหยิบอ่างขนาดเล็กออกมาและแสดงให้ทุกคนดู จากนั้นจึงกล่าวว่า “โปรดมองดูเถิดว่าข้างในว่างเปล่าหรือไม่? ไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในถูกต้องไหม? ไม่มีน้ำเลยใช่ไหม?”
ทุกคนมองไปที่มันและพยักหน้าเห็นด้วย
“มันว่างเปล่าจริงๆ!”
“ไม่มีอะไรอยู่ภายในเลย!”
…
“เช่นนั้นทุกท่านโปรดตั้งใจดูให้ดี!”
หลินเป่ยฟานมีผ้าสีแดงอยู่ในมือ เขาใช้มันคลุมอ่างขนาดเล็ก จากนั้นเขาก็เปิดมันออกอย่างรวดเร็ว
แอ่งน้ำที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้พลันมีน้ำใสครึ่งแอ่ง
"หา? มีน้ำปรากฏขึ้นได้อย่างไรกัน?”
"มันเกิดขึ้นได้ยังไง?"
“น้ำมาจากที่ใด?”
…
ทุกคนต่างตกตะลึง!
จักรพรรดินีแทบรอไม่ไหวและถามออกมาทันทีว่า “ท่านหลิน ท่านทำได้ยังไงกัน?”
หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “แท้จริงแล้วมันง่ายมาก เป็นแค่กลอุบายธรรมดา! เดิมทีอ่างมีน้ำอยู่ในนั้น ข้าปิดมันด้วยแผ่นใสที่มีสีกลมกลืนกับน้ำ เพราะน้ำมันใสกระจ่าง มันจึงคล้ายเลือนหายไป!”
“ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นการสร้างภาพลวงตาทำให้ทุกคนคิดว่าไม่มีน้ำอยู่ในอ่าง เมื่อข้าฉีกชั้นแผ่นใสในอ่างออก น้ำก็คล้ายกับโผล่ออกมาจากอากาศอันว่างเปล่า!”
หลินเป่ยฟานหันศีรษะไปมองเจ้าหน้าที่ระดับต้นจากเจียงตะวันออกและถามว่า “สมาชิกลัทธิปีศาจของนิกายเทียนอี้ทำเช่นนี้หรือไม่?”
เจ้าหน้าที่ระดับต้นกล่าวตอบอย่างตื่นเต้น “ขอรับ! ทำเช่นนั้นเลย! มันเหมือนกับที่ท่านทำไม่มีผิด! ทว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาทำขึ้นมามีความสามารถในการรักษาด้วย…”
“นั่นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก!”
หลินเป่ยฟานหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “พวกเขาอาจจะเพิ่มยาบางอย่างลงไปในน้ำ ดังนั้นการดื่มมันจึงเทียบเท่ากับการดื่มโอสถ มันย่อมีความสามารถในการรักษาเป็นธรรมดา หรือบางทีอาจไม่มีโอสถใดเลย เป็นเพียงผลทางจิตวิทยาเท่านั้น ไม่น่าแปลกตรงไหน!”
“การสาธิตของท่านหลิยได้ขยายขอบเขตการรับรู้ของเราอย่างแท้จริง! มีเรื่องใดอีกไหม?” จักรพรรดินีถามด้วยความคาดหวัง
“ย่อมมีอีก ต่อไปคือความสามารถในการสั่งการไฟสวรรค์และขับไล่ปีศาจ!”
หลินเป่ยฟานทำท่าทางและกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดให้คนปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด รวมถึงเทียนด้วย!”
จักรพรรดินีตอบตกลง “จัดการ!”
หลังจากนั้น ทั้งห้องโถงจักรพรรดิทองคำก็มืดลง
“ฝ่าบาทและข้าราชบริพารทั้งหลาย โปรดพินิจให้ดี!”
หลินเป่ยฟานดีดนิ้วของเขา เปลวไฟสีเขียวพลันปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที มันกำลังเผาไหม้อย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้น ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง
“ไฟ! มีไฟจริงๆ ด้วย!”
“มันปรากฏขึ้นมาได้ยังไงกัน?”
“ถ้าจุดไฟด้วยมือ มันจะไม่ถูกเผาหรือ?”
…
หลินเป่ยฟานยื่นมืออีกข้างและดีดนิ้วอีกครั้ง
ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขาและลุกไหม้อย่างเชื่องช้า
ทุกคนต่างประหลาดใจอีกครั้ง
“มีไฟอีก!”
“คราวนี้เป็นเปลวไฟสีแดงเข้ม!”
"มันปรากฏขึ้นได้อย่างไร?”
…
ถัดไป หลินเป่ยฟานก็ประสานมือของเขาเข้าด้วยกันและถูพวกมันอย่างแรง
เปลวไฟสีสันสดใสขนาดใหญ่ลุกโชนจากมือของเขา มันส่องสว่างห้องโถงจักรพรรดิทองคำ
เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยจากเจียงตะวันออกข้างๆ เขาอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ใช่ ใช่ ใช่เลย! สมาชิกลัทธิปีศาจของนิกายเทียนอี้ทำเช่นนี้เพื่อสร้างไฟสวรรค์! พวกเขาสามารถสั่งเปลวไฟด้วยมือทั้งสอง ไม่กลัวด้วยว่ามันจะแผดเผา!”
จักรพรรดินีรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน จึงถามว่า “ท่านหลิน ท่านทำได้ยังไง? บอกเรามาโดยเร็ว!”
"แท้จริงแล้วมันเรียบง่ายนัก!" หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “เพราะข้ามีฟอสไฟด์อยู่ในมือ สารนี้สามารถเผาไหม้ได้และมีอุณหภูมิติดไฟที่ต่ำมาก ทำให้ติดไฟได้เอง! ยามที่ข้าดีดนิ้วและถูมือเข้าหากัน มันก็จุดติดไฟและเริ่มไหม้! อุณหภูมิของไฟนี้ต่ำมาก ดังนั้นมันจะไม่เผาฝ่ามือของข้า!”
ทุกคนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
หลินเป่ยฟานรู้ได้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่แสร้งทำเป็นเข้าใจ
มีคนผู้หนึ่งถามอย่างถ่อมตนว่า"ท่านหลิน ฟอสไฟด์คืออะไรกัน? ทำไมมันถึงสามารถเผาไหม้ได้?”
“ฟอสไฟด์ถูกพบในเถ้ากระดูกมนุษย์ที่ถูกเผา! เปลวไฟวิญญาณที่มักจะเห็นในสุสานเป็นผลมาจากการเผาไหม้ของสารที่มีนามว่าฟอสไฟด์!” หลินเป่ยฟานอธิบายพร้อมด้วยรอยยิ้ม...
"เป็นเช่นนั้นเองสินะ!" ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้
“ส่วนเหตุผลที่มันเผาไหม้ได้นั้น มันก็ซับซ้อนเกินไปที่จะอธิบายอย่างชัดเจน ข้าขอไม่ลงรายละเอียดลงไป!”
หลินเป่ยฟานเปิดกล่องเล็กๆ ที่บรรจุผงสีต่างๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือฟอสไฟด์! ข้าสามารถเปลี่ยนมันเป็นสีของไฟสวรรค์ที่พวกท่านต่างต้องการได้!”
เหล่าขุนนางทั้งหลายและแม้แต่จักรพรรดินีก็อยากรู้อยากเห็น
ดังนั้นหลินเป่ยฟานจึงพาทุกคนมาเล่นไฟสวรรค์
พวกเขาจุ่มมือลงในผงฟอสไฟด์ ดีดนิ้วหรือถูมือเข้าหากัน ไฟสวรรค์พลันถูกจุดขึ้นในฝ่ามือของพวกเขา มันช่างน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
“ถือว่าเปิดโลกของเราอย่างมาก โลกใบนี้กลับเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่เรามิอาจรู้ได้เลย!”
จักรพรรดินีถอนหายใจ “ท่านหลิน แล้วท่านรู้ความลับเบื้องหลังลางบอกเหตุจากสวรรค์หรือไม่?”
"ทราบอยู่แล้ว ได้โปรดเชิญพินิจดูเถิดฝ่าบาท!”
หลินเป่ยฟานจุดเทียนและห้องก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
ทว่าเมื่อหลินเป่ยฟานหยิบชิ้นส่วนโลหะทองแดงรูปแตรที่มีพื้นผิวด้านในสะท้อนแสงออกมาวางไว้บนเทียน สิ่งรอบข้างพลันมืดลง มีเพียงพื้นที่วงกลมเหนือคานเท่านั้นที่สว่างและแพรวพราวเป็นพิเศษ
“ข้ารวบรวมแสงจากพื้นเบื้องล่างอันมากมายให้กระจุกอยู่จุดเดียวกัน กลายเป็นลำแสงที่ส่องสว่างอยู่บนด้านบน!”
“ลองจินตนาการดูสิ ถ้าเกิดเราแทนที่เทียนด้วยเปลวไฟขนาดยักษ์ ขยายชิ้นส่วนโลหะทองแดงรูปแตรในมือให้มีขนาดเพิ่มขึ้นสิบเท่า การทำเช่นนั้นย่อมทำให้สามารถสร้างแสงจากความว่างเปล่าและก่อให้เกิดลางบอกเหตุจากสรวงสวรรค์ได้ไม่ใช่หรือ?”
อันที่จริงแล้ว สิ่งนี้เป็นหลักการของไฟฉาย!
เมื่อรวมแสงทั้งหมดเข้าด้วยกัน กำลังแสงก็จะมากขึ้นและสามารถพุ่งไปได้ไกลอย่างยิ่งยวด!
หลินเป่ยฟานอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หากท่านต้องการให้มันกลายเป็นอักขระหรือรูปใด ท่านก็เพียงนำของมาไว้ใต้แสง! ข้าเคยทำเช่นนี้มาก่อน!”
หลินเป่ยฟานหยิบงานศิลปะที่ตัดด้วยกระดาษออกมาและวางไว้บนชิ้นส่วนโลหะทองแดง
ทันใดนั้น ร่างที่สดใสของโพธิสัตว์ก็ปรากฏขึ้นบนลำแสง
“ทำไมข้าถึงคิดแค่เรื่องแบบนี้ไม่ได้กัน?”
"ข้าไม่เคยคาดคิดเลย เหตุใดมันเรียบง่ายเช่นนี้!"
“วันนี้ท่านหลินได้เปิดโลกของเรามากจริงๆ!”
“สมกับเป็นขุนนางผู้มากความสามารถ!”
…
เป็นผลให้กลอุบายหลอกลวงทั้งหมดของนิกายเทียนอี้ได้ถูกหลินเป่ยฟานเปิดโปง
“ฝ่าบาท ตราบใดที่เราใช้สามวิธีนี้และแสดงให้เห็นต่อหน้าสาธารณชน ราษฎรก็จะรู้ใบหน้าที่แท้จริงของลัทธิปีศาจนิกายเทียนอี้ได้! ด้วยวิธีนี้ พวกเขาย่อมไม่เชื่อในลัทธิปีศาจอีกต่อไป! นิกายเทียนอี้จะล่มสลายทันทีและไม่เป็นภัยคุกคามต่อราชสำนักอีกต่อไป!”
"ยอดเยี่ยม!" จักรพรรดินีอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ส่งต่อวิธีเหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว!”
“ตามที่ฝ่าบาทบัญชา!”
“แล้วก็ส่งกลุ่มยอดฝีมือออกไป! เมื่อแผนการของพวกมันถูกเปิดเผยแล้ว ให้จับกุมพวกมันทันที! หากจับพวกมันไม่ได้ ก็ให้ประหารพวกมันทันทีเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต!”
“ตามที่ฝ่าบาทบัญชา!”
หลังจากออกคำสั่งหลายครั้งแล้ว จักรพรรดินีก็มองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยสีหน้าพอใจ “ท่านหลิน ท่านได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง! บอกข้ามาเถิดว่าข้าควรตอบแทนท่านยังไง”
“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้าหวังผลตอบแทนใดๆ! แต่ถ้าฝ่าบาทยืนยันที่จะให้รางวัลกระหม่อม ได้โปรดจัดสรรเงินทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยข้าวลูกผสมของกระหม่อมด้วย เพียงสองหรือสามล้านก็พอแล้ว!” หลินเป่ยฟานพูดอย่างกระตือรือร้น
ริมฝีปากของขุนนางแต่ละคนถึงกับกระตุก เขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้หรือ?
จักรพรรดินีลูบขมับของนางด้วยความปวดเศียร “ไว้คุยเรื่องนี้เมื่อท่านวิจัยเรื่องเรือยักษ์เหล็กสำเร็จแล้ว!”
เพราะราชสำนักใช้วิธีการของหลินเป่ยฟานและเปิดโปงแผนการหลอกลวง นิกายเทียนอี้จึงล่มสลายไป ทว่าพวกเขาก็รู้ตัวอย่างรวดเร็วและเมื่อถึงเวลาที่ยอดฝีมือของราชสำนักมาถึง พวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าหลังจากนั้น ได้ปรากฏหอนางโลมที่มีนามว่าซินเยว่โหลปรากฏขึ้น