ตอนที่ 5 : ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ (2)
"ก็ได้"
แม็คเรย์ตอบไปอย่างไม่ใส่
ในวันแรกของเกม มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์คนนี้กลับต้องการเคลียร์ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์โหมดแอดเวนเจอร์งั้นหรือ?
ช่างน่าขันนัก แม้แต่ป่าแห่งนิรันดร์โหมดปกติยังไม่ใช่สิ่งที่ปาร์ตี้ของกลุ่มคนที่เขาเห็นอยู่นี่จะสามารถเคลียร์ได้เลย นับประสาอะไรกับโหมดแอดเวนเจอร์
ในชีวิตก่อนหน้านี้ มีเพียงปาร์ตี้ของเกมเมอร์มืออาชีพเท่านั้นที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์โหมดแอดเวนเจอร์ได้ แต่นั่นก็เป็นวันที่สามของการเปิดตัวแล้ว
แม้ว่าพวกมันจะอยู่ในดันเจี้ยนเดียวกัน แต่แม็คเรย์ก็มั่นใจว่ามอนสเตอร์ในโหมดแอดเวนเจอร์จะมีพลังชีวิตมากกว่ามอนสเตอร์ในโหมดปกติถึง 30%
ซึ่งหมายความว่า มีข้อกําหนดที่สูงกว่ามากเกี่ยวกับความสามารถในการป้องกันของนักรบแนวหน้า และความสามารถในการทำดาเมจของผู้เล่นแถวหลัง และความสามารถในการรักษาของผู้เล่นสายสนับสนุน
ความผิดพลาดจากความประมาทเพียงเล็กน้อย อาจนําทั้งปาร์ตี้ไปสู่หายนะได้เลย
ในขณะที่แม็คเรย์สามารถพึ่งพาความได้เปรียบของเลเวลและทักษะของตัวเองเพื่อบดขยี้ดันเจี้ยนเริ่มต้นเหล่านี้ได้...
แต่เนื่องจากข้อกำหนดของดันเจี้ยน เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมปาร์ตี้เพื่อที่จะสามารถเข้าสู่ดันเจี้ยนได้ ดังนั้นปาร์ตี้ป่านิรันดร์นี้คงถูกลิขิตให้ล้มเหลวทั้งปาร์ตี้ยกเว้นตัวเขาเองล่ะมั้ง
เพราะเป้าหมายสุดท้ายของแม็คเรย์ คืออุปกรณ์พิเศษที่มีเพียงบอสของป่าแห่งนิรันดร์ที่สูงกว่าโหมดแอดเวนเจอร์เท่านั้นที่จะสามารถดร็อป : พันธะแห่งผู้หลอกลวง (ยูนีค) ได้
พันธะแห่งผู้หลอกลวงเป็นสร้อยคอระดับทองแดง แม้จะเป็นไอเทมเล็ก ๆแต่ก็มีประโยชน์มาก
คุณลักษณะที่ช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติต่างๆนั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่ในฐานะที่มันเป็นไอเทมระดับยูนีค มันมีคุณสมบัติที่พิเศษยิ่งอย่างหนึ่ง
นั่นคือ มันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้ครอบครองให้เป็นผู้เล่นหรือ NPC ใดๆ ก็ตามที่มันได้สัมผัสภายในระยะเวลาสามวันได้ เป็นระยะเวลาห้านาที และในช่วงระยะเวลาของการปลอมตัว จะไม่สามารถถูกตรวจพบได้
สำหรับแม็คเรย์...
ไอเทมระดับทองแดง ‘พันธะแห่งผู้หลอกลวง’ นี้มีความสําคัญยิ่งกว่าไอเทมระดับทองเสียอีก
ถ้าเขามี ‘พันธะแห่งผู้หลอกลวง’ นี่ เขาคงจะมีทางเลือกมากขึ้นในการทำสิ่งต่างๆ...
แผนมากมายที่สามารถดําเนินการได้ในช่วงกลางเกมเท่านั้นสามารถดําเนินการล่วงหน้าได้เลยในตอนนี้
...
“เยี่ยม รีบเข้าปาร์ตี้เถอะ เราจะได้เตรียมความพร้อมสําหรับดันเจี้ยนกัน” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน บิลจึงรีบกระตุ้นให้พวกเขาเข้าไป
หลังจากที่แม็คเรย์เข้าสู่ปาร์ตี้ กลุ่มผู้เล่น 5 คนก็เข้าสู่ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ทันที
...
ป่าแห่งนิรันดร์ เดิมเป็นที่ที่ก็อบลินอาศัยอยู่
แต่หลังจากการต่อสู้กับกองทัพอันเดด มันก็ปนเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าอันเดด และค่อยๆสูญเสียพลังดั้งเดิมไป จนทำให้ป่าแห่งนี้กลายเป็นป่าแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเสื่อมโทรม
มอนสเตอร์ในป่าแห่งนิรันดร์ขึ้นชื่อเรื่องเล่ห์เหลี่ยมและความเจ้าเล่ห์
ก็อบลินที่ถูกส่งไปทําความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ในป่านิรันดร์ที่ผุพังตลอดทั้งวัน
ในท้ายที่สุด พวกมันไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจของพลังแห่งความมืดได้ ทำให้พวกมันกลายเป็นดาร์คก็อบลิน
...
ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาเข้าสู่แผนที่ของป่าแห่งนิรันดร์ แสงที่เคยมีอยู่ก็ดับลง
อากาศของที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย
เมื่อลมหนาวพัดผ่านมา นอกจากแม็คเรย์แล้ว สมาชิกคนอื่นๆในปาร์ตี้ก็อดไม่ได้ที่จะหดคอของพวกเขากลับมาโดยสัญชาตญาณ
“กัปตัน นะ นี่... แผนที่นี่สมจริงเกินไปหรือเปล่า ทําไมฉันถึงได้รู้สึกว่าที่นี่มันน่ากลัวกัน”
ไซม่อนซึ่งถือดาบสั้นของมือใหม่ พูดกับบิลที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยเสียงติดอ่าง
มือขวาที่สั่นเล็กน้อยของเขาทําให้ผู้คนสงสัยว่าเขายังสามารถแกว่งดาบสั้นในมือได้อยู่ไหม หากเขาเจอมอนสเตอร์ขึ้นมาจริงๆ
"มันไม่ใช่แค่เกมเหรอไง มีอะไรให้กลัวกัน"
บิลซึ่งก็หวาดกลัวเล็กน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเขามองไปที่แม็คเรย์ที่ไร้ความรู้สึก เขาก็ทำใจกล้ากล่าวออกมาอย่างเข้มแข็งและแฝงไปด้วยความรังเกียจ
แม็คเรย์มองไปรอบ ๆ อย่างเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่หาได้ยากนี้
เขาปล่อยทักษะเริ่มต้นระดับต่ำสุดของแสงแห่งการปกปักษ์ : [Illumination] ออกมา
จากนั้นลูกบอลแสงสีเหลืองจางขนาดเท่าหัวคนก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน
"บ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่เคยโหยหาแสงสว่างมากเท่าตอนนี้มาก่อนเลย"
...
แม็คเรย์สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้เล่นมือใหม่เหล่านี้ได้ดี
สภาพแวดล้อมในแผนที่ของ [Divine Domain] นั้นค่อนข้างสมจริง
ป่าแห่งนิรันดร์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เป็นเพียงแค่แผนที่ดันเจี้ยนธาตุมืดธรรมดาๆที่ปนเปื้อนไปด้วยพลังงานของเหล่าอันเดด
แต่เมื่อใดที่พวกเขาเล่นไปได้ถึงช่วงกลางของเกม แผนที่ปลายเปิดขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามและมีพร้อมทุกประเภทจะต้องทําให้จิตใจของผู้คนตกตะลึงได้อย่างแน่นอน
ยอดเขาวิญญาณที่น่ากลัวและน่าขนลุก หุบเขาตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หุบเขาที่มีชีวิตชีวาอีกแห่งของป่าฝนที่เต็มไปด้วยหนาม และทะเลทรายของราชาพยัคฆ์ที่กว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...
มากเสียจนมีผู้สร้างกลุ่มพิเศษขึ้นมาใน [Divine Domain]—นั่นคือกลุ่มท่องเที่ยวผจญภัย
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้
ความยากของป่าแห่งนิรันดร์ไม่ได้สูงเป็นพิเศษแต่อย่างใด ส่วนที่ยากมีเพียงแค่อย่างเดียวคือกับดักมากมายที่พวกโนมส์วางไว้
ตัวอย่างเช่น หลุมกับดักหรือศรน้ำแข็ง
ในดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ เหนือกว่าโหมดแอดเวนเจอร์ บอสตัวสุดท้าย กูล จะมีทักษะ : [Earth Bind]
และในช่วงแรกนี้ เลเวลของสายสนับสนุนนั้นต่ำเกินไป ยังไม่มีสกิลเช่น [ชำระล้าง] ซึ่งสามารถนําไปสู่การกวาดล้างดันเจี้ยนมากมายดังเช่นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
จนกระทั่งในเวลาต่อมา ปาร์ตี้ที่มีความเชี่ยวชาญได้เข้าไปท้าทายบอสตัวเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็ได้ค้นพบวิธีพิเศษในการที่จะหลีกเลี่ยงข้อจํากัดของ [Earth Bind] มาได้ หลังจากที่ปาร์ตี้ล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ทําภารกิจนี้ได้สําเร็จ
แม็คเรย์มองไปที่คลาสของเพื่อนร่วมปาร์ตี้
ไซม่อน : นักรบ
อูซอร์ : อัศวิน
บิล : โจร
เมิ่งฉี : นักรบ
"พวกเขาทั้งหมดเป็น DPS..."
~สกิลบางสกิลแปลเป็นไทยแล้วแปลกๆเลยจะขอใช้ทับศัพท์ไปนะคะ
*อันเดด = พวกมอนสเตอร์ประเภทซอมบี้ โครงกระดูกพวกนี้ค่ะ
*กูล ในที่นี้น่าจะพวกมอนส์โครงกระดูก
*โนมส์ = คนแคระที่อยู่ใต้ดิน
*ก็อบลิน = ปีศาจ มีหลายประเภท มีนิสัยเจ้าเล่ห์
*DPS = Damage per second ง่ายๆคือสายจู่โจม เป็นตัวทำดาเมจให้ปาร์ตี้ค่ะ~