ตอนที่แล้วตอนที่ 4 : ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 : ดาร์คก็อบลิน

ตอนที่ 5 : ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ (2)


"ก็ได้"

แม็คเรย์ตอบไปอย่างไม่ใส่

ในวันแรกของเกม มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์คนนี้กลับต้องการเคลียร์ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์โหมดแอดเวนเจอร์งั้นหรือ?

ช่างน่าขันนัก แม้แต่ป่าแห่งนิรันดร์โหมดปกติยังไม่ใช่สิ่งที่ปาร์ตี้ของกลุ่มคนที่เขาเห็นอยู่นี่จะสามารถเคลียร์ได้เลย นับประสาอะไรกับโหมดแอดเวนเจอร์

ในชีวิตก่อนหน้านี้ มีเพียงปาร์ตี้ของเกมเมอร์มืออาชีพเท่านั้นที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์โหมดแอดเวนเจอร์ได้ แต่นั่นก็เป็นวันที่สามของการเปิดตัวแล้ว

แม้ว่าพวกมันจะอยู่ในดันเจี้ยนเดียวกัน แต่แม็คเรย์ก็มั่นใจว่ามอนสเตอร์ในโหมดแอดเวนเจอร์จะมีพลังชีวิตมากกว่ามอนสเตอร์ในโหมดปกติถึง 30%

ซึ่งหมายความว่า มีข้อกําหนดที่สูงกว่ามากเกี่ยวกับความสามารถในการป้องกันของนักรบแนวหน้า และความสามารถในการทำดาเมจของผู้เล่นแถวหลัง และความสามารถในการรักษาของผู้เล่นสายสนับสนุน

ความผิดพลาดจากความประมาทเพียงเล็กน้อย อาจนําทั้งปาร์ตี้ไปสู่หายนะได้เลย

ในขณะที่แม็คเรย์สามารถพึ่งพาความได้เปรียบของเลเวลและทักษะของตัวเองเพื่อบดขยี้ดันเจี้ยนเริ่มต้นเหล่านี้ได้...

แต่เนื่องจากข้อกำหนดของดันเจี้ยน เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมปาร์ตี้เพื่อที่จะสามารถเข้าสู่ดันเจี้ยนได้ ดังนั้นปาร์ตี้ป่านิรันดร์นี้คงถูกลิขิตให้ล้มเหลวทั้งปาร์ตี้ยกเว้นตัวเขาเองล่ะมั้ง

เพราะเป้าหมายสุดท้ายของแม็คเรย์ คืออุปกรณ์พิเศษที่มีเพียงบอสของป่าแห่งนิรันดร์ที่สูงกว่าโหมดแอดเวนเจอร์เท่านั้นที่จะสามารถดร็อป : พันธะแห่งผู้หลอกลวง (ยูนีค) ได้

พันธะแห่งผู้หลอกลวงเป็นสร้อยคอระดับทองแดง แม้จะเป็นไอเทมเล็ก ๆแต่ก็มีประโยชน์มาก

คุณลักษณะที่ช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติต่างๆนั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่ในฐานะที่มันเป็นไอเทมระดับยูนีค มันมีคุณสมบัติที่พิเศษยิ่งอย่างหนึ่ง

นั่นคือ มันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้ครอบครองให้เป็นผู้เล่นหรือ NPC ใดๆ ก็ตามที่มันได้สัมผัสภายในระยะเวลาสามวันได้ เป็นระยะเวลาห้านาที และในช่วงระยะเวลาของการปลอมตัว จะไม่สามารถถูกตรวจพบได้

สำหรับแม็คเรย์...

ไอเทมระดับทองแดง ‘พันธะแห่งผู้หลอกลวง’ นี้มีความสําคัญยิ่งกว่าไอเทมระดับทองเสียอีก

ถ้าเขามี ‘พันธะแห่งผู้หลอกลวง’ นี่ เขาคงจะมีทางเลือกมากขึ้นในการทำสิ่งต่างๆ...

แผนมากมายที่สามารถดําเนินการได้ในช่วงกลางเกมเท่านั้นสามารถดําเนินการล่วงหน้าได้เลยในตอนนี้

...

“เยี่ยม รีบเข้าปาร์ตี้เถอะ เราจะได้เตรียมความพร้อมสําหรับดันเจี้ยนกัน” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน บิลจึงรีบกระตุ้นให้พวกเขาเข้าไป

หลังจากที่แม็คเรย์เข้าสู่ปาร์ตี้ กลุ่มผู้เล่น 5 คนก็เข้าสู่ดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ทันที

...

ป่าแห่งนิรันดร์ เดิมเป็นที่ที่ก็อบลินอาศัยอยู่

แต่หลังจากการต่อสู้กับกองทัพอันเดด มันก็ปนเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าอันเดด และค่อยๆสูญเสียพลังดั้งเดิมไป จนทำให้ป่าแห่งนี้กลายเป็นป่าแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเสื่อมโทรม

มอนสเตอร์ในป่าแห่งนิรันดร์ขึ้นชื่อเรื่องเล่ห์เหลี่ยมและความเจ้าเล่ห์

ก็อบลินที่ถูกส่งไปทําความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ในป่านิรันดร์ที่ผุพังตลอดทั้งวัน

ในท้ายที่สุด พวกมันไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจของพลังแห่งความมืดได้ ทำให้พวกมันกลายเป็นดาร์คก็อบลิน

...

ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาเข้าสู่แผนที่ของป่าแห่งนิรันดร์ แสงที่เคยมีอยู่ก็ดับลง

อากาศของที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย

เมื่อลมหนาวพัดผ่านมา นอกจากแม็คเรย์แล้ว สมาชิกคนอื่นๆในปาร์ตี้ก็อดไม่ได้ที่จะหดคอของพวกเขากลับมาโดยสัญชาตญาณ

“กัปตัน นะ นี่... แผนที่นี่สมจริงเกินไปหรือเปล่า ทําไมฉันถึงได้รู้สึกว่าที่นี่มันน่ากลัวกัน”

ไซม่อนซึ่งถือดาบสั้นของมือใหม่ พูดกับบิลที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยเสียงติดอ่าง

มือขวาที่สั่นเล็กน้อยของเขาทําให้ผู้คนสงสัยว่าเขายังสามารถแกว่งดาบสั้นในมือได้อยู่ไหม หากเขาเจอมอนสเตอร์ขึ้นมาจริงๆ

"มันไม่ใช่แค่เกมเหรอไง มีอะไรให้กลัวกัน"

บิลซึ่งก็หวาดกลัวเล็กน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเขามองไปที่แม็คเรย์ที่ไร้ความรู้สึก เขาก็ทำใจกล้ากล่าวออกมาอย่างเข้มแข็งและแฝงไปด้วยความรังเกียจ

แม็คเรย์มองไปรอบ ๆ อย่างเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่หาได้ยากนี้

เขาปล่อยทักษะเริ่มต้นระดับต่ำสุดของแสงแห่งการปกปักษ์ : [Illumination] ออกมา

จากนั้นลูกบอลแสงสีเหลืองจางขนาดเท่าหัวคนก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน

"บ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่เคยโหยหาแสงสว่างมากเท่าตอนนี้มาก่อนเลย"

...

แม็คเรย์สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้เล่นมือใหม่เหล่านี้ได้ดี

สภาพแวดล้อมในแผนที่ของ [Divine Domain] นั้นค่อนข้างสมจริง

ป่าแห่งนิรันดร์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เป็นเพียงแค่แผนที่ดันเจี้ยนธาตุมืดธรรมดาๆที่ปนเปื้อนไปด้วยพลังงานของเหล่าอันเดด

แต่เมื่อใดที่พวกเขาเล่นไปได้ถึงช่วงกลางของเกม แผนที่ปลายเปิดขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามและมีพร้อมทุกประเภทจะต้องทําให้จิตใจของผู้คนตกตะลึงได้อย่างแน่นอน

ยอดเขาวิญญาณที่น่ากลัวและน่าขนลุก หุบเขาตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หุบเขาที่มีชีวิตชีวาอีกแห่งของป่าฝนที่เต็มไปด้วยหนาม และทะเลทรายของราชาพยัคฆ์ที่กว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...

มากเสียจนมีผู้สร้างกลุ่มพิเศษขึ้นมาใน [Divine Domain]—นั่นคือกลุ่มท่องเที่ยวผจญภัย

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้

ความยากของป่าแห่งนิรันดร์ไม่ได้สูงเป็นพิเศษแต่อย่างใด ส่วนที่ยากมีเพียงแค่อย่างเดียวคือกับดักมากมายที่พวกโนมส์วางไว้

ตัวอย่างเช่น หลุมกับดักหรือศรน้ำแข็ง

ในดันเจี้ยนป่าแห่งนิรันดร์ เหนือกว่าโหมดแอดเวนเจอร์ บอสตัวสุดท้าย กูล จะมีทักษะ : [Earth Bind]

และในช่วงแรกนี้ เลเวลของสายสนับสนุนนั้นต่ำเกินไป ยังไม่มีสกิลเช่น [ชำระล้าง] ซึ่งสามารถนําไปสู่การกวาดล้างดันเจี้ยนมากมายดังเช่นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา

จนกระทั่งในเวลาต่อมา ปาร์ตี้ที่มีความเชี่ยวชาญได้เข้าไปท้าทายบอสตัวเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็ได้ค้นพบวิธีพิเศษในการที่จะหลีกเลี่ยงข้อจํากัดของ [Earth Bind] มาได้ หลังจากที่ปาร์ตี้ล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ทําภารกิจนี้ได้สําเร็จ

แม็คเรย์มองไปที่คลาสของเพื่อนร่วมปาร์ตี้

ไซม่อน : นักรบ

อูซอร์ : อัศวิน

บิล : โจร

เมิ่งฉี : นักรบ

"พวกเขาทั้งหมดเป็น DPS..."

~สกิลบางสกิลแปลเป็นไทยแล้วแปลกๆเลยจะขอใช้ทับศัพท์ไปนะคะ

*อันเดด = พวกมอนสเตอร์ประเภทซอมบี้ โครงกระดูกพวกนี้ค่ะ

*กูล ในที่นี้น่าจะพวกมอนส์โครงกระดูก

*โนมส์ = คนแคระที่อยู่ใต้ดิน

*ก็อบลิน = ปีศาจ มีหลายประเภท มีนิสัยเจ้าเล่ห์

*DPS = Damage per second ง่ายๆคือสายจู่โจม เป็นตัวทำดาเมจให้ปาร์ตี้ค่ะ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด