ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 367 คดีรังไหมมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 369 คุณหนูนิทรา

MDB ตอนที่ 368 เข้าเยี่ยมตระกูลตู้


ตันซุนพยายามช่วยหลินจิน และหลินจินก็เข้าใจอีกฝ่ายดี

การเดินทางมาเมืองหลวงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ อย่างน้อย ๆ ก็ในช่วงนี้ เขาตั้งใจจะกลับไปทันทีหลังจากได้สิ่งที่ต้องการ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องอยู่ต่อไปอีกสักสองสามวัน หรือจนกว่าเทศกาลมังกรหยกจะสิ้นสุดลง

ด้วยเหตุนี้เอง หลินจินจึงต้องแจ้งข่าวกลับไปทางเมืองเมเปิ้ล เขาเขียนจดหมายถึงบ้าน ซึ่งเนื้อหาภายในกล่าวถึงสองเรื่อง

เรื่องแรก เขาได้มอบหมายให้สมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ลอยู่ในการดูแลของเจียเฉียนและจ้าวหยิงเป็นการชั่วคราว เมื่อมีผู้อาวุโสที่เหลือคอยสนับสนุนพวกเธอ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ

ต่อไปคือตระกูลเฉียวของเมืองรี้ด

แม้ว่าหลินจินจะทิ้งวานรยักษ์ขาวไว้ข้างหลังเพื่อปกป้องพวกเขา แต่ลำพังแค่เขาคนเดียวคงจะไม่พอ หากมีผู้ประเมินมารมากกว่าสองสามคนปรากฏตัวขึ้น เขาจะไม่สามารถจัดการกับพวกเขาทั้งหมดได้

ดังนั้นในจดหมายของเขาหลินจินจึงสั่งให้ชางเอ๋อร์พาโกลดี้ไปด้วยเพื่อปกป้องตระกูลเฉียว ส่วนคฤหาสน์ เขาจะมอบหมายให้หมาป่าเงาและเสี่ยวอู่ดูแล

แม้ว่าการเสริมกำลังจะดูแย่ในสายตาคนทั่วไป แต่ความแข็งแกร่งที่รวมกันของชางเอ๋อร์และโกลดี้ก็เทียบเท่ากับการมีหลินจินอยู่เคียงข้าง เมื่อรวมกับวานรยักษ์ขาว แม้ว่าทางสมาคมผู้ประเมินมารจะส่งสัตว์วิเศษระดับสี่มา พวกเขาก็น่าจะเอาชนะได้โดยไม่ต้องเสียเลือดมากนัก

หลังจากส่งจดหมายเรียบร้อยแล้ว หลินจินวางแผนที่จะไปเยี่ยมตระกูลที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ประเมินมารเพื่อที่จะตรวจสอบอาการของหญิงสาวที่หมดสติ

หลินจินต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของเธอเนื่องจากมันเชื่อมโยงโดยตรงกับศัตรูของเขา เนื่องจากเทศกาลมังกรหยกจะเกิดขึ้นวันมะรืนนี้เท่านั้น เขามีเวลาเหลือเพียงสองวันในการสอบสวนเหตุการณ์ของปีที่แล้ว

แน่นอนว่านั่นเป็นข้อแก้ตัวของเขาต่อคนอื่น ๆ แท้จริงแล้ว หลินจินรู้สึกสนใจใคร่รู้กับเหตุการณ์นี้มากเกินไป จนเขามีคำถามที่ต้องการคำตอบ

ดังนั้น ไม่เพียงแต่เขาวางแผนที่จะไปเยี่ยมหญิงสาวที่หมดสติเท่านั้น แต่เขายังวางแผนที่จะไปพบผู้ประเมินมาร ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตอีกด้วย

มีบางอย่างบอกหลินจินว่ามีคดีนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลมากกว่าที่ตาเห็น

อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่รู้ว่าที่ตั้งของตระกูลนั้นอยู่ที่ไหน ที่นี่คือเมืองหลวง หลินจินตระหนักว่าเขาไม่มีคนรู้จักในเมืองนี้เลย มีเพียงหลู่ปิ่นและเหอฉิงเท่านั้น

ถึงอาจารย์กู่จะมาจากเมืองหลวงเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาไม่ในเมือง ชายคนนั้นยังคงต้องเดินทางไปทั่วโลกด้วยดาบของเขาในขณะนี้

ในขณะเดียวกัน หลู่ปิ่นไม่ได้อยู่ในเมือง และเหอฉิงก็เป็นถึงเจ้าหญิง มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะออกจากวัง ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่ใช้ชีวิตเพียงแต่อยู่ในกำแพงวัง เธอคงไม่รู้อะไรมากนัก สู้ไปถามคนที่อยู่ในเมืองซะยังจะดีกว่า

'ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหวังพึ่งผู้ประเมินตันซะแล้ว' หลินจินรำพึงในใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นว่าผู้ประเมินตันยุ่งมากแค่ไหน หลินจินก็กลืนคำพูดของเขาลงไป

ทันใดนั้น หลินจินสังเกตเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก

‘โอหยางถง?’

‘เขาไม่ได้กลับไปพักผ่อนอีกเหรอ?’

บางทีโอหยางถงอาจสังเกตเห็นว่าหลินจินจ้องมองเขา ดังนั้นเขาจึงรีบไปข้างหน้า หลังจากแสดงความเคารพ เขากล่าวว่า

“ผู้ประเมินหลิน มีเรื่องอะไรหรือขอรับ? หากท่านต้องการความช่วยเหลือ ขอเพียงแค่บอก ข้ายินดีช่วยท่านได้ทุกอย่าง และอีกอย่าง ข้าโตในเมืองนี้ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองนี้”

หลินจินตะลึงเล็กน้อยและคิดว่า

'สมแล้วที่เขามีชื่อว่าโอหยางถง'

บางทีเมื่อหลินจินถามเขาเกี่ยวกับผู้ประเมินมารก่อนหน้านี้ โอหยางถงก็ตั้งข้อสังเกตในใจว่าหลินจินอาจสนใจที่จะสืบสวนคดีนี้ ดังนั้นแทนที่จะออกจากสำนักงานใหญ่ เขากลับรออย่างอดทนอยู่ข้างนอก

หลินจินเห็นถึงเจตนาของโอหยางถง แต่เขาต้องการความช่วยเหลือจากคนแบบเขาจริง ๆ แทนที่จะปฏิเสธข้อเสนอ หลินจินถามด้วยรอยยิ้มว่า

“ผู้ประเมินโอหยาง เจ้าไม่เหนื่อยกับการทำงานหนักทั้งคืนเลยหรือ?”

โอหยางถงตอบอย่างง่ายดาย

“ข้าชินแล้ว แค่นี้ถือว่าสบายมาก”

หลินจินบอกได้เลยว่าเขาไม่ได้โกหก อันที่จริง โอหยางถงดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับเวลานอนแบบนี้มากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาถูกเพื่อนฝูงรังแกและละเลยอย่างแน่นอน ไม่แปลกเลยที่เขายืนกรานที่จะหาโอกาสพบปะกับคนอย่างหลินจิน

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลินจินจะไม่สนใจคนอย่างเขา แต่ตอนนี้ เขาต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและปล่อยให้โอหยางถงเป็นผู้นำทาง

ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายที่ฉลาด โอหยางถงจึงรู้วิธีหุบปากเมื่อต้องรับมือกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แม้ว่าเขาจะอยากรู้อยากเห็นอย่างแรงกล้าก็ตาม แต่เขาก็ทำหน้าที่ผู้นำทางให้กับหลินจินอย่างดีเยี่ยม

สิ่งนี้สร้างความประทับใจเชิงบวกให้กับหลินจิน เขาคิดว่าโอหยางถงจะเป็นประโยชน์อย่างมากในเมืองหลวง

ยามรุ่งสางมาถึง ผู้คนในเมืองหลวงเริ่มตื่นนอน เริ่มมีชาวบ้านปรากฏตัวบนท้องถนน และร้านค้าเริ่มเปิดให้บริการ ตามปกติพวกเขาจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกิจวัตรประจำวัน

ในเมืองหลวง ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมือง ถนนที่นี่กว้างขวางและสะอาดสะอ้าน โดยมีคฤหาสน์หลังใหญ่กระจายอยู่ทั่วภูมิทัศน์ คฤหาสน์ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับลานกว้างและอาคารสูง

โอหยางถงเข้าคฤหาสน์หลังหนึ่งแล้วพูดกับหลินจินว่า

“ผู้ประเมินหลิน นี่คือคฤหาสน์ตระกูลตู้ พวกเขามีธุรกิจโดดเด่น ประกอบด้วยร้านขายผ้ามากมายในเมืองหลวง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียง”

หลินจินพยักหน้า ประตูของพวกเขาเพียงพอที่จะบอกได้ว่าพวกเขาร่ำรวยแค่ไหน มันกว้างและสง่างาม ทางเข้าบ้านของชาวบ้านทั่วไปจะกว้างพอสำหรับคนหนึ่งคน หากคนที่มีรายได้สูงกว่าคนทั่วไปก็จะมีประตูทางเข้ากว้างพอ ๆ กับคนสองคนยืนต่อกัน

ส่วนประตูคฤหาสน์ตระกูลตู้มีความกว้างมากกว่าสิบเมตร มีรูปปั้นหินวางอยู่ทั้งสองข้างของทางเข้า บนทางเดินที่ปูด้วยอิฐ

อิฐเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกมันคือ 'อิฐลายฟ้า' อันเป็นเอกลักษณ์ พบได้เฉพาะในเมืองกู่ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร

ตระกูลปกติคงไม่สามารถซื้อความหรูหราเช่นนี้ได้

หากต้องอธิบายคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยคำเพียงคำเดียว คงจะเป็นคำว่า 'ฟุ่มเฟือย'

ตระกูลที่มีชื่อเสียงขนาดนี้สามารถซื้อสัตว์เลี้ยงที่ทรงพลังหรือจ้างยามที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องบ้านของพวกเขาได้

ขณะนี้เอง หลินจินกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด

โอหยางถงเดินไปเคาะประตูแล้ว และในไม่ช้าก็มีคนตอบรับ ใครบางคนที่น่าจะเป็นคนรับใช้โผล่หัวออกไปนอกประตู เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีระมัดระวังบนใบหน้าของเขา

แม้ว่าโอหยางถงจะเคารพหลินจินมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังต้องวางท่าเหนือว่าเมื่อเจอกับคนอื่น

เขาพูดด้วยเสียงอันดังว่า

“ตู้เหลียนเหิงอยู่บ้านหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นว่าผู้มาเยี่ยมคนนี้มีอำนาจมากเพียงใด คนรับใช้ก็ตอบอย่างสั่นกลัวว่า

“นายท่านไม่อยู่บ้านขอรับ ข้าขอทราบได้ไหมว่าพวกท่านทั้งสองคนเป็นใคร?”

ขณะที่เขาพูด เขาสังเกตเห็นปลอกแขนหนึ่งห่วงบนแขนของโอหยางถง

“เรามาจากสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ นี่คือผู้ประเมินหลิน และข้าคือโอวหยางถง ข้ารู้จักเจ้านายของเจ้า ดังนั้นรีบ ๆ ไปแจ้งให้เขาทราบถึงการมาถึงของข้าซะ”

เห็นได้ชัดว่าโอวหยางตงไม่ต้องการเสียเวลากับคนรับใช้คนนี้ซึ่งอีกฝ่ายรีบเข้าไปในอาคาร ไม่นานนัก ชายชราที่แต่งตัวดีก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“ข้าไม่คิดว่าผู้ประเมินโอหยางจะมาเยี่ยมเราตั้งแต่เช้าตรู่ ต้องขออภัยที่ไม่ได้มาหาท่านให้เร็วกว่านี้” เขากล่าว

'โอ้ พวกเขารู้จักกันสินะ'

โอหยางถงยิ้ม

“ผู้เฒ่าตู้ ข้าขอแนะนำเพื่อนของข้าให้ท่านรู้จัก เขาเป็นผู้ประเมินระดับสามจากสำนักงานใหญ่ ผู้ประเมินหลิน เขามาที่นี่เพื่อเยี่ยมลูกสาวของท่านโดยเฉพาะ”

หลินจินก้าวไปข้างหน้า เมื่อได้ยินว่าหลินจินเป็นผู้ประเมินระดับสาม ตู้เหลียนเหิงก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา เขาทักทายชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสุภาพ หลินจินจึงตอบกลับไปด้วยความสุภาพเช่นกัน

“ผู้ประเมินหยางเพิ่งมาเยี่ยมเมื่อวันก่อนเมื่อวาน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” ตู้เหลียนเหิงถามทันที

‘ผู้ประเมินหยาง?’

เมื่อสังเกตเห็นสีหน้างุนงงของหลินจิน โอหยางถงก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า

“อะแฮ่ม! ผู้ประเมินหลินอาศัยอยู่ที่เมืองเมเปิ้ลเป็นหลัก แต่เขามีทักษะเป็นเลิศในการรักษาโรคที่ซับซ้อน ถึงเขาอาจไม่ใช่แพทย์ แต่ทักษะของเขาดีพอ ๆ กันอย่างไม่ต้องสงสัย

พอดีว่าก่อนหน้านี้ ข้าได้เล่าอาการของลูกสาวของท่านให้ผู้ประเมินหลินฟัง และเขาแสดงความสนใจเป็นอย่างมาก ข้าจึงพาเขามาที่นี่ตรวจดูอาการของลูกสาวของท่านโดยเฉพาะ”

ข้อแก้ตัวของเขาไม่มีที่ติจนทำให้หลินจินประทับใจจนพยักหน้าเบา ๆ

ดูเหมือนว่าเขาคิดถูกแล้วที่พาโอหยางถงมาด้วย หากหลินจินมาที่นี่คนเดียว เขาคงไม่รู้ว่าจะหาข้อแก้ตัวอะไร

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด