Chapter 20: ดูดซับนิวเคลียส
ต่อมา ความสนใจของวัลก็ถูกดึงมาที่กระเป๋าเสื้อกันลมที่ซึ่งเขาได้ซ่อนสมบัติเอาไว้ให้ปลอดภัย มันคือคริสตัลรูปร่างเหมือนโทปาสที่รู้จักกันในชื่อแก่นนิวเคลียสพละกำลังและความทนทาน
นิวเคลียสนี้เปล่งรัศมีพลังที่ทั้งน่าดึงดูดและอันตรายในขณะที่เขาควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันลม ดูเหมือนมันจะกำลังสะกดจิตให้เขากินมัน แต่เขาก็ต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
นิวเคลียสผีดิบมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเรื่องของฤทธิ์ทำลายล้าง การดูดซับในทุกๆ ครั้งก็เหมือนกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความน่ากลัว การยอมจำนนต่อความรู้สึกอันท่วมท้นเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสยดสยอง และเปลี่ยนผู้ดูดซับให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดซะเอง
อย่างไรก็ตาม วัลนั้นเกิดมาแตกต่างจากคนปกติ
ด้วยการคุ้มกันจากคุณสมบัติไร้ความรู้สึก เขาสามารถต้านทานทั้งความเจ็บปวดและความกลัวได้
ดังนั้นแล้ว สำหรับเขา การดูดกลืนนิวเคลียสที่สกัดมาจากสมองของผีดิบโดยตรงนั้นไม่ใช่บททดสอบที่น่ากลัวแต่เป็นแค่งานธรรมดาๆ!
เขาโยนแก่นนิวเคลียสความแข็งแกร่งและความทนทานเข้าปากโดยไม่คิดอะไร
เมื่อกลืนเข้าไปแล้ว มันก็ไหลลงไปในคอของเขา
ทันใดนั้นเอง ระบบก็ขึ้นแจ้งเตือนมาในทัศนวิสัยของเขา
[ติ้ง! ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านดูดซับแก่นนิวเคลียสความแข็งแกร่งและความทนทานได้สำเร็จ]
[ผลที่ได้ พละกำลังของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 16 แต้ม และท่านได้พัฒนาคุณสมบัติต้านทานความเสื่อมทรามเล็กน้อย!]
“คุณสมบัตินี้ทำอะไรได้บ้างนะ?”
วัลเปิดหน้าต่างตัวละครของเขาและจับจ้องไปที่คุณสมบัติใหม่
ทันใดนั้นเอง คำอธิบายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
[ต้านทานความเสื่อมทรามเล็กน้อย: คุณสมบัตินี้ได้มอบความต้านทานให้เล็กน้อยต่ออิทธิพลเสื่อมทรามของปีศาจ, ผลงานของพวกมัน, และไอเทมที่สร้างขึ้นโดยใช้พวกมันเป็นวัตถุดิบ ท่านได้รับภูมิคุ้มกันจากฤทธิ์เสื่อมสภาพจากยาระดับต่ำเช่นยาแม่มด และท่านยังได้รับภูมิต้านทานต่อไวรัสของข้ารับใช้ปีศาจศพเลเวล 0!]
ความรู้สึกพึงพอใจได้ประดังเข้ามาหาวัล
คุณสมบัติใหม่นี้ได้มอบเกราะป้องกันพวกผีดิบและยาระดับต่ำให้กับเขา!
มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เรี่ยวแรงของวัลมาถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ ดังนั้นหลังจากที่เพิ่มพละกำลังของเขาแล้ว เขาก็เอนกายลงบนเตียงและหลับไปโดยไม่แม้แต่จะถอดเสื้อกันลมของเขาออก เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะขยับตัวได้แล้ว
ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 24 ชั่วโมง!
‘นี่ฉันคงเหนื่อยจริงๆสินะ’ เขาคิด
มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นม่านสีครามของราตรีกำลังถอยกลับไปและแสงสีแสดก็เปล่งรัศมีกระจายไปทั่วเส้นขอบฟ้า
แสงแรกของรุ่งอรุณทอดยาวไปทั่วท้องฟ้า ดึงช่วงเวลากลางวันเข้ามาอย่างนุ่มนวล
ลูกแก้วสีทองอร่าม ได้เปล่งรัศมีที่ร้อนแรงปลุกโลกให้ตื่นขึ้น
ท้องฟ้าสดใสเหมือนกับหินแซฟไฟร์ที่ผ่านการเจียระนัย และทักทายรุ่งอรุณด้วยความสงบที่ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกแตะต้องจากภัยอันตรายของเอลดริช
วัลหาวในขณะที่เขาอาบน้ำรับแสงแดดยามเช้า นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาดูสงบสุขอย่างแท้จริง
เมืองชาโด้วฟอลไม่ใช่ที่ปลอดภัยในการฟาร์มเพราะมีราเวนการ์อยู่ที่นั่น ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจไปฟาร์มกระต่ายมีเขาที่ป่าราตรีนิรันดร์
อย่างไรก็ตาม จุดหมายแรกของวันนี้สำหรับเขาคือร้านขายเนื้อที่ย่านชนบท
ป้ายที่ผุพังห้อยลงมาอย่างโคลงเคลงที่ซึ่งถูกยึดไว้ด้วยตะปูขึ้นสนิมหนึ่งตัว มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากสายลมยามเช้า
ครืดด~
ประตูไม้ส่งเสียงดังในขณะที่เขาเปิดออก และเดินเข้าไปข้างในที่ค่อนข้างเย็นชื้น
“ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้า! วันนี้ต้องการอะไรดีครับ?”
วัลก้าวเข้าไปในร้านขายเนื้อ ที่ซึ่งมีชายตัวใหญ่ ที่มีแขนโตเหมือนกับสกัดมาจากหินแกรนิตคอยต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มเห็นฟัน ซึ่งถูกบดบังด้วยหนวดหนาๆ และค่อนข้างรุงรัง
“ข้าต้องการเลือดไก่หนึ่งหม้อ” วัลพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเหมือนลมหนาวยามเช้า เขาวางกระเป๋าใบเล็กลงที่เคานเตอร์ และเสียงเหรียญกระทบกันก็ดังก้องไปทั่วร้าน
ดวงตาของคนขายเนื้อเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มของเขาถูกแทนที่ด้วยสีหน้าสงสัย “ช่างเป็นคำขอที่แปลกจริงๆ ท่านต้องการนำไปใช้ทำอะไรหรอครับ?”
ดวงตาของวัลได้สบตายกับคนขายเนื้ออย่างไม่ไหวติง “ข้าแนะนำว่าเจ้าสนใจแค่เรื่องการค้าของเจ้าและหลีกเลี่ยงคำถามที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะเอาเหรียญของข้าไปให้ที่อื่นแทน”
‘ช่างเป็นลูกค้าที่หยาบคายจริงๆ’
ด้วยความตกตะลึง คนขายเนื้อยักคิ้วหนาๆ ขึ้น เขามองไปที่เงิน จากนั้นก็กลับมามองวัล ด้วยความสงสัยถึงความหยาบคายของลูกค้าที่ดูเหมือนจะยังเด็กคนนี้อย่างเงียบๆ แต่เมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักของเหรียญทองแดง เขาก็กลืนความสงสัยและความขุ่นเคืองของเขาไป
“ก็ได้” เขาส่งเสียงฮึดฮัด แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรำคาญ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปที่ใต้เคาน์เตอร์เพื่อเอาหม้อออกมาใบหนึ่ง และเทเลือดไก่สีเข้มหนืดลงไป
กลิ่นธาตุเหล็กลอยฟุ้งไปทั่วบรรยากาศในร้าน
จากนั้นเขาก็ผลักหม้อไปให้วัลที่อยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์ และเก็บเหรียญเข้ากระเป๋าผ้ากันเปื้อนโดยไม่พูดอะไร
และด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย วัลก็รับหม้อและเดินออกไป