บทที่ 52 : ซาโตรุผู้เริ่มกวาดล้างทั่วทั้งสนามรบ
บทที่ 52 : ซาโตรุผู้เริ่มกวาดล้างทั่วทั้งสนามรบ
“ซากุระ เธอไม่สามารถเรียนรู้คาถากระสุนวงจักรด้วยการเปลี่ยนแปลงธาตุจักระได้” ซาโตรุหยิบอมยิ้มออกมา แกะมันแล้วโยนมันเข้าไปในปากของเขาพลางมองซากุระอย่างจริงจังแล้วพูดว่า "ด้วยจำนวนจักระที่มีของเธอ การเรียนรู้กระสุนวงจักรขั้นสูงเป็นการเสียเวลาเปล่า"
เขาไม่ได้พูดอ้อมค้อมเลย เพราะการพูดอ้อมค้อมไม่ใช้วิถีของเขา
ปัจจุบันในทีมที่เจ็ด มีเพียงซากุระเท่านั้นที่มีปริมาณจักระซึ่งอยู่ในระดับจูนินปกติ
ด้วยจำนวนจักระของจูนิน แม้ว่าเธอจะสามารถเรียนรู้การเปลี่ยนธาตุกระสุนวงจักรได้ แต่เธอก็มีจำนวนจักระไม่เพียงพอที่จะคงสภาพมันเอาไว้
หลังจากที่ซาสึเกะเบิกเนตรวงแหวนสามหยดน้ำแล้ว ปริมาณจักระเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งจะยังไม่ถึงโจนินระดับพิเศษ แต่ปริมาณจักระก็ถึงจุดนั้นไปแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ซาสึเกะยามนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด
แต่จงอย่าประมาทจักระในร่างนารูโตะที่มีมากมายมหาศาลไป
“อาจารย์ซาโตรุ คงล้อเล่นใช่ไหมคะ?” ซากุระผงะเล็กน้อย รอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเธอเริ่มเจื่อนลง มันราวกับว่าซาโตรุกำลังแกล้งเธอ เธอได้แต่จ้องมองไปที่ใบหน้าของซาโตรุ
ถ้าทั้งเธอและนารูโตะไม่สามารถเรียนรู้ได้ แล้วทำไมอาจารย์ซาโตรุถึงแสดงกระบวนท่ากระสุนวงจักรถึงสองครั้งเมื่อครู่นี้กัน?
“ไม่ได้ล้อเล่นหรอก ตอนนี้มีเพียงซาสึเกะในทีมที่เจ็ดเท่านั้นที่สามารถใช้กระสุนวงจักรขั้นสูงได้ ทว่าเขาจะต้องเรียนรู้มันด้วยตนเองเท่านั้น” ซาโตรุดูจริงจังมาก
เหตุผลที่เขาโชว์กระสุนวงจักรให้ดูถึงสองครั้ง มันก็เพราะเขาไม่ค่อยอยากจะทุบตีใครด้วยมือเปล่าสักเท่าไร
อีกอย่างคือเขาต้องการทดสอบ โดยใช้คิโดมารุเพื่อทดสอบพลังของคาถาสายฟ้าและคาถาลมของกระสุนวงจักร
ส่วนหนึ่งก็เพื่อความเท่อีกด้วย
“พวกนายจะมาเทียบกับตระกูลอุจิวะได้ยังไงกันล่ะ?” ซาสึเกะหัวเราะเยาะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขาเป็นคนเดียวในทีมที่เจ็ดที่สามารถใช้กระสุนวงจักรขั้นสูงได้ กล่าวคือเขาเป็นเกะนินที่มีความสามารถและแข็งแกร่งที่สุดในทีมที่เจ็ด!
ยอดเยี่ยมมาก
นี่แหละคือพลังของอุจิวะ!
“อาจารย์ซาโตรุ แล้วฉันกับนารูโตะควรทำยังไงดีล่ะคะ?” ซากุระรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด ก่อนหน้านี้เธอมีความสุขมากและคิดว่าเธอสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่เธอกลับไม่คิดว่าความหวังของเธอจะพังทลายลงโดยซาโตรุ
“อยากรู้วิธีเหรอ? แต่มันยากมากเลยนะ” ซาโตรุมองซากุระและนารูโตะด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ซากุระควรเรียนรู้วิชานินจาแพทย์ที่สามารถเพิ่มปริมาณจักระได้
หลังจากเรียนรู้วิชานี้แล้ว เธอจะมีจักระเพียงพอที่จะใช้การเปลี่ยนแปลงธาตุของกระสุนวงจักรได้
ส่วนนารูโตะ สิ่งที่เขาควรเรียนรู้คือการฝึกฝนพลังของเก้าหาง ในปัจจุบันนารูโตะยังไม่มีทางที่จะเชี่ยวชาญพลังนี้ได้
ดังนั้นเขาจึงมีแต่ต้องไปเรียนรู้จักระแห่งเซียนเท่านั้น
“อาจารย์ซาโตรุ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะครับ” นารูโตะเห็นท่าทีของซาโตรุ ดวงตาของเขาเป็นประกายและเขาก็หยิบกระเป๋าสตางค์กบออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา
“อาจารย์ซาโตรุ นี่คือเงินที่ผมเก็บเอาไว้หลังจากทำภารกิจ หลังจากคุณสอนวิธีฝึกฝนให้ผมแล้ว ผมก็แทบไม่มีเวลาใช้เงิน ดังนั้นผมจะให้หมดเลย” นารูโตะยกกระเป๋าเงินด้วยมือทั้งสองข้าง
ซาโตรุเลิกคิ้วเล็กน้อย
จิ้งจอกตัวน้อยตัวนี้ฉลาดมาก ถึงแม้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน แต่ก็พอมีหัวเอาไว้ใช้คิดอยู่สินะ
"ก็ได้ นี้ถือเป็นค่าเล่าเรียน" ซาโตรุหยิบกระเป๋าสตางค์กบขึ้นมา ชั่งน้ำหนักดูและยิ้มด้วยความพึงพอใจ
จริงๆ แล้ว เดิมทีเขาก็วางแผนที่จะสอนจักระแห่งเซียนให้กับนารูโตะอยู่แล้ว
ก่อนที่จะเรียนรู้จักระแห่งเซียน มันจำเป็นต้องเรียนรู้คาถาอัญเชิญก่อน จากนั้นก็ใช้การอัญเชิญแบบย้อนกลับเพื่อเข้าไปยังสถานที่อันมีสัตว์อสูรอัญเชิญอยู่ จากนั้นเขาจึงจะเริ่มเรียนรู้จักระแห่งเซียนได้
แต่ในเมื่อนารูโตะให้ค่าเล่าเรียนแล้ว งั้นเขาสอนแบบวิธีลัดให้แล้วกัน
“อาจารย์ซาโตรุ เพราะว่าก่อนหน้านี้อาจารย์เองก็ได้สอนพวกเราอย่างหนัก นี่ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้อาจารย์ค่ะ” ซากุระหยิบกระเป๋าสตางค์สีชมพูใบเล็กออกมาใส่ไว้ในมือของซาโตรุ
“นักเรียนที่ดีก็เป็นที่รักของครูเช่นกัน ไม่ต้องห่วงเลย ฉันจะสอนวิชาที่แข็งแกร่งกว่าเด็กอุจิวะนั่นให้เอง” ซาโตรุเก็บกระเป๋าเงินสองใบและแตะที่หัวของนารูโตะและซากุระ ท่าทางของเขายามนี้เสมือนเป็นอาจารย์ที่เอาใจใส่และใจดีจริงๆ คงไม่มีอาจารย์ที่ไหนคิดถึงนักเรียนเท่าเขาอีกแล้วล่ะ
มุมปากของซากุระกระตุกเล็กน้อย
ท่าทีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก นี่คือความโลภของผู้ใหญ่เหรอ?
"ชิ" ซาสึเกะแตะที่กระเป๋าของเขา เขาเอามือล้วงกระเป๋า แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว
เงินทั้งหมดได้ถูกใช้เพื่อฟื้นฟูคฤหาสน์ของตระกูลอุจิวะ
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือรอดของตระกูลอุจิวะ ดังนั้นเขาจึงนำเงินไปซ่อมแซมตระกูลอุจิวะทั้งหมด
"เย้!" นารูโตะและซากุระปรบมืออย่างมีความสุข
“ไว้สอนทีหลัง แต่ก่อนอื่นจำเป็นต้องกำจัดปัญหาก่อน” ซาโตรุชี้หน้าเด็กๆ ด้วยอมยิ้ม
“เจ้าเด็กเหลือขอทั้งสามคน พวกเธอต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะกาอาระ และฉันจะสอนให้หลังจากเอาชนะเขาได้” ซาโตรุกล่าว
ประสบการณ์ที่เขาเตรียมไว้สำหรับทีมที่เจ็ด ไม่ใช่โอโตะนินจาทั้งสี่ แต่เป็นกาอาระที่แปลงร่างเป็นหนึ่งหางต่างหาก
จักระของชูคาคุมีจำนวนมหาศาล แต่มันก็อ่อนแอมาก
นอกจากชูคาคุและกาอาระแล้ว สภาพจิตใจของพวกเขาก็อ่อนแอเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนร่างของสัตว์หางในสภาพไม่สมบูรณ์ มันก็จะทำให้เขาอ่อนลงอีกมากกว่าเดิม ดังนั้นจึงเหมาะมากสำหรับเป็นประสบการณ์การต่อสู้ให้เด็กๆ พวกนี้
แผนของโอโรจิมารุครั้งนี้โง่มาก เพียงปล่อยหนึ่งหางอย่างชูคาคุออกมา แล้วเขาคิดว่าเขาสามารถสร้างความโกลาหลแบบเก้าหางได้เหรอ?
โอโรจิมารุคงไม่ได้คิดถึงความแข็งแกร่งของชูคาคุ สภาพจิตใจของชูคาคุและกาอาระเลยสินะ
ซาโตรุเชื่อว่าหนึ่งในห้าของร่างสัตว์หางของหางเดียวอย่างกาอาระ ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสภาพปกติของกาอาระด้วยซ้ำ
“ให้เอาชนะกาอาระเหรอ?”
ทุกคนในทีมที่เจ็ดตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขามองไปที่สนามรบที่กาอาระถูกปกคลุมไปด้วยทราย
"นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ" ซาสึเกะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำของเขากลายเป็นเนตรวงแหวนสีแดงเข้ม เขาต้องการเอาชนะกาอาระมาโดยตลอด
นารูโตะตบฝ่ามือของเขาด้วยหมัด และพูดด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าของเขาว่า "ผมจะไล่ตีเจ้าตัวแสบคนนั้นเอง ให้เขาจำชื่ออุซึมากิ นารูโตะนี้เอาไว้จนขึ้นใจเลย!"
เขายังคงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ กาอาระทำเป็นเมินใส่เขา
ซากุระไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อนึกถึงโศกนาฏกรรมในการต่อสู้กับลี ดวงตาของเธอก็เผยความกังวลออกมา
กาอาระของหมู่บ้านซึนะนั้นแข็งแกร่งมาก ทีมเจ็ดจะเอาชนะเขาได้จริงหรือ?
ซากุระรู้สึกกังวลยิ่ง
“เด็กผมแดงหนีไปแล้ว รีบไล่ตามเขาไปสิ” ซาโตรุมองไปที่กาอาระที่กำลังกระโดดออกจากสนาม คันคุโร่และเทมาริก็กำลังไล่ตามกาอาระไป
ซาสึเกะเป็นคนแรกที่ลงมือ เขากระโดดไปมาระหว่างลำต้นของต้นไม้ และไล่ตามกาอาระที่กำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนารูโตะและซากุระ ทั้งสองก็ตามซาสึเกะไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เหตุผลที่กาอาระวิ่งหนีออกมาก็เพราะว่าชูคาคุที่อยู่ในผนึกของเขากำลังเตือนให้เขารีบออกห่างจากซาโตรุทันที
ไม่เช่นนั้นจะเป็นหายนะแน่
“หลังจากที่เจ้าเด็กแสบพวกนี้ออกไป ฉันก็ได้ผ่อนคลายสมองเสียที” ซาโตรุยืดเอวแล้วถอนหายใจออกมา
ต่อจากนั้น ซาโตรุก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มองลงไปที่สนามรบทั้งหมด
“เอาล่ะ เรามาทำความสะอาดสนามรบกันก่อนเถอะ”
ซาโตรุมองไปไกลๆ ก็เห็นทีมที่เจ็ดกำลังไล่ตามกาอาระอยู่
ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเจ้าเด็กแสบพวกนั้นแล้ว
ปัญหาคือ…
ซาโตรุเหลือบมองการต่อสู้ที่อยู่ข้างใต้เขา ปัญหาคือกลุ่มคนพวกนี้
จำนวนศัตรูมีประมาณสามร้อยยี่สิบคน
ซาโตรุมองเห็นทายูยะที่กำลังต่อสู้กับคุเรไน
เริ่มจากตรงนั้นกันก่อนล่ะกัน
“สามนาทีนะ ฉันจะเล่นกับพวกแกแค่สามนาที” ซาโตรุวางมือบนไหล่ ขยับคอที่แข็งทื่อ และกระดูกของเขาก็ส่งเสียงดังลั่น
เขาคำนวณเวลาในการจัดการกับศัตรูสามร้อยยี่สิบคนโดยใช้เวลาเพียงสามนาทีเท่านั้น
ซาโตรุประสานมือเข้าด้วยกัน ยืดกล้ามเนื้อนิดหน่อยแล้วเริ่มลงมือทันที