บทที่ 49 : ตรึงไว้ห้านาทีงั้นเหรอ?
บทที่ 49 : ตรึงไว้ห้านาทีงั้นเหรอ?
กุเร็นผงะเล็กน้อย และเธอก็ตัวแข็งทื่อ
ผนึกผลึกอันแข็งแกร่งของเธอสามารถผนึกจักระและเซลล์ของมนุษย์ได้
เรียกได้ว่าเป็นการแช่แข็งทั้งตัว
ยางิว ซาโตรุก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเช่นนี้?
ผู้ชายที่ดูเหลาะแหละคนนี้...เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!
มีเหงื่อผุดบนหน้าผากของกุเร็น จากนั้นเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่มีใครสามารถออกจากผนึกของฉันได้หรอก"
เหตุผลที่โอโรจิมารุให้ความสำคัญกับเธอ ก็เพราะว่าเธอมีสายเลือดพิเศษที่สามารถยับยั้งสัตว์ที่มีพลังถึงสามหางได้
คาถาผลึก!
สัตว์หางยังถูกผนึก เขาเป็นเพียงมนุษย์จะออกมาจากผนึกได้ยังไง?
“ซากุระ เธอกลัวเหรอ?” ซาโตรุไม่ได้สนใจกุเร็น แต่มองซากุระแทน
เหตุผลที่เขาไม่เคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้ ก็เพราะเขากำลังสังเกตเด็กๆ ในทีมที่เจ็ดว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
ความสามารถในการรับมือของทีมที่ 7...แย่มาก
ความสามารถของทีมที่เจ็ดในการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นแย่เกินไป
แต่ซากุระที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ทุกคนมาห่วงตัวประกันนั้น
เอาคะแนนเต็มไปเลยสำหรับความกล้าหาญนี้
คะแนนเต็มสำหรับความกล้าหาญ คะแนนเต็มสำหรับการตัดสินใจ
เมื่อใครคนหนึ่งกลายเป็นตัวประกัน แม้นจะเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการต่อสู้ การเอาชีวิตให้รอดก็เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดเช่นกัน
ซากุระกัดริมฝีปากของเธอ ตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะความกลัว แต่เธอยังฝืนยิ้มแล้วพูดว่า "น...หนูสบายดีอาจารย์ซาโตรุ ไม่ต้องสนใจหนูหรอก"
เธอเป็นนินจาที่ซื่อสัตย์และยอดเยี่ยม
ถ้าเธอกลายเป็นภาระเพื่อนร่วมทีม เธอจะเป็นนินจาแบบไหนกันนะ?
ซาโตรุดูดอมยิ้มเบาๆ แล้วถามซากุระ “อย่าทำเป็นกล้าหาญสิ บอกฉันมาเลยว่ากลัวไหม?”
เขาเห็นว่าซากุระนั้นหวาดกลัวมาก
"หนู" ซากุระกระอึกกระอักที่จะพูดออกมา
แม้ว่าเธอจะเป็นนินจา แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสองปีเท่านั้น
เธอไม่แข็งแกร่งเท่านารูโตะและซาสึเกะ และเธอก็กลัวมากเมื่อต้องตกอยู่ในอันตราย
“จำจุดอ่อนนี้เอาไว้ มันจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น” ซาโตรุพูดเบาๆ “ถ้ากลัวก็หลับตาแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงที่ดังที่สุดสิ”
“ซาโตรุ?” คุเรไนรู้สึกสับสน
ซาโตรุถูกขังอยู่ในผนึกระดับสูง
และยังมีกำแพงของคาถาระดับสูงปกคลุมทับอีกชั้น ในสถานการณ์นี้เขาจะทำอะไรได้?
นินจาจากโอโตะทั้งสี่ก็อยู่ตรงนี้ กุเร็นและคนอื่นๆ ต่างก็สับสนไม่ต่างกัน
ให้ซากุระขอความช่วยเหลือเหรอ?
นี่มันบทละครอะไรหรือไงกัน?
ซาโตรุเอามือล้วงกระเป๋า และพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าว่า "เจ้าเด็กแสบ ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันน่ะไร้เทียมทาน"
ซากุระนึกถึงประโยคที่ซาโตรุพูดในตอนนั้น
'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร ฉันก็ไร้เทียมทาน'
ซากุระร้องเสียงดัง “อาจารย์ซาโตรุ ช่วยหนูด้วยค่ะ!”
“เอาล่ะ ในเมื่อเธออ่อนแอและก็ต้องการความช่วยเหลือ…” ทันทีที่ซาโตรุพูดจบ
*บูม*
ซาโตรุที่อยู่ตรงกลางผลึกได้ใช้พลังที่มองไม่เห็นเขย่าผลึกแข็งทั้งหมดแตกออกไป
ในพริบตาเดียวเท่านั้น
ซาโตรุประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน และหายไปในอากาศจาก เปลวไฟสีม่วงทั้งสี่ดวงที่แยกทุกสิ่งออกจากเขา
ซาโตรุเปิดใช้งาน [ไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด] และสลับตัวกับซากุระ
กุเร็นกอดซาโตรุไว้ในอ้อมแขนของเธอ และซากุระก็ปรากฏตัวในกำแพงแห่งเปลวไฟสีม่วงทั้งสี่ทิศที่แยกทุกสิ่งออกจากกัน
“ไอ้หมอนี้...เร็วมาก” รูม่านตาของกุเร็นหดตัวลง และเธอก็ดันคุไนในมือเข้าไปที่คอของซาโตรุ
ซาโตรุทำลายผนึกและเปลี่ยนตำแหน่งกับตัวประกัน
ทุกอย่างใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!
คุไนที่แหลมคมหยุดอยู่ตรงหน้าคอของซาโตรุราวกับถูกแช่แข็ง
“อย่ามากอดฉันแบบนี้สิ เดี๋ยวผู้หญิงทั้งโลกจะอิจฉาเธอเอาหรอกนะ” ซาโตรุจับผมของกุเร็นแล้วโยนกุเร็นลงไปที่พื้น
ซาโตรุเติมพลังแห่งคำสาปใส่หมัดและชกหน้ากุเร็นอย่างแรง
*ปัง*
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ร่างของเธอก็ทรุดตัวลงบนพื้นและจากนั้นก็มีหลุมเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนพื้น
"แค่ก แค่ก แค่ก" กุเร็นพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสและร่างของเธอก็ถูกฝังไว้ในก้อนหิน
เธอตกตะลึง เพราะมันเป็นเพียงหมัดแค่หมัดเดียว
พลังหมัดของซาโตรุมีอะไรผิดปกติเกินไปหรือไป?
นั่นไม่ใช่การโจมตีธรรมดาเลย!
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอสามารถยื้อซาโตรุไว้ได้เป็นห้านาที
มันคงเป็นภารกิจที่ง่ายมาก
เพราะเธอมีสายเลือดพิเศษคาถาผลึกที่ทรงพลังมาก ซึ่งมีชื่อเสียงในการผนึก
นอกจากนี้ เธอยังเป็นโจนินที่ทรงพลังมากอีกด้วย
แต่เมื่อซาโตรุทำลายผนึกของคาถาผลึกอย่างง่ายดาย เธอก็เริ่มตระหนักว่าอีกฝ่ายนั้นร้ายกาจแค่ไหน
ซาโตรุมีวิชาที่เทียบได้กับคาถาเวลาและมิติ
ยิ่งไปกว่านั้น หมัดของซาโตรุยังทำให้จักระของกุเร็นปั่นป่วนไปหมด ทำให้แขนขาของเธอสูญเสียการเคลื่อนไหวเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
กุเร็นก็เพิ่งตระหนักว่าภารกิจที่ท่านโอโรจิมารุมอบหมายนั้นยากเพียงใด
ให้จับผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่าซาโตรุไว้สักห้านาทีเหรอ?
โอโรจิมารุส่งเธอมาหาความตายชัดๆ!
“ว้าว…น่าทึ่งมาก!” นารูโตะมองซาโตรุด้วยแววตาที่มีประกายเล็กๆ ระยิบระยับอยู่ในดวงตาของเขา
“อย่ามองไปที่อื่นสิไอ้โง่งี่เง่า ยังมีศัตรูอยู่รอบตัวเรานะ” ซาสึเกะเบิกเนตรวงแหวนไว้ เขาจ้องมองไปที่นินจาจากโอโตะทั้งสี่ด้วยความระมัดระวัง
คุเรไนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าซากุระปลอดภัยแล้ว
“ถอยไปนะเกะนินทั้งหลาย ปล่อยให้ที่นี่เป็นหน้าที่ของเราเอง!” คุเรไนมองดูนินจาโอโตะทั้งสี่อย่างเย็นชาพร้อมกับแววตาที่กล้าหาญ
"จัดการมัน!"
หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่คนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็จับมือเข้าด้วยกันและอักขระคำสาปบนคอของพวกเขาทั้งหมดก็เปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา
ผิวหนังของโอโตะนินจาทั้งสี่กลายเป็นสีเข้ม และพวกเขาก็เข้าสู่สภาวะอักขระขั้นสองแล้ว
“หลังจากจับตัวประกันได้แล้ว เราคงสามารถยื้อมันต่อไปได้สักพัก!”
โอโตะนินจาทั้งสี่ใช้กำแพงเพลิงสี่ทิศโจมตีซากุระ นารูโตะ ซาสึเกะ และคุเรไนตามลำดับ
หลังจากที่เห็นกุเร็นถูกต่อย พวกเขาก็รู้ทันทีว่าไม่มีทางเอาชนะซาโตรุได้เลย
ดังนั้นจึงต้องจับตัวประกันให้ได้
"ฮึ่ม" เนตรวงแหวนสามหยดน้ำของซาสึเกะจ้องมองไปที่โอโตะนินจาที่กำลังใกล้เข้ามา มีจักระสีฟ้าอ่อนโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา
จักระหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกระสุนวงจักร!
“เด็กโง่ แกต้องการหยุดฉันงั้นเหรอ?” จิโรโบเผยสีหน้าเยาะเย้ยและเขาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังซาสึเกะด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากในสภาวะอักขระขั้นสอง
"เร็วมาก!" ม่านตาของซาสึเกะหดตัวลง
แม้จะใช้เนตรวงแหวน แต่เขาก็ไม่สามารถมองตามความเร็วของจิโรโบได้เลย
ผู้ชายคนนี้…แข็งแกร่งมาก!
“พวกเขาเป็นนักเรียนของฉันนะ เบามือหน่อยสิ” ซาโตรุโผล่ออกมาจากอากาศด้านหลังจิโรโบ และคว้าศีรษะของเขาไว้
“เร็วมาก เร็วกว่าฉันที่ใช้อักขระขั้นสองด้วยซ้ำ!” รูม่านตาของจิโรโบหดตัวลง ใบหน้าของเขาดูไมอยากจะเชื่อมาก
นี่แหละคือตั๊กแตนตำข้าวที่ตามรอยจั๊กจั่น แต่ไม่รู้ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง
จิโรโบระเบิดจักระของเขาออกมา หันกลับและต่อยเข้าไปที่ซาโตรุ
“นายอ่อนแอเกินไป” ซาโตรุยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและเยาะเย้ย และทันใดนั้นศีรษะของจิโรโบะก็ขาดออกจากตัว
ร่างที่ไม่มีหัวของจิโรโบพ่นเลือดสีแดงออกมาแล้วล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา
ซาสึเกะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเหลือบมองซาโตรุอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า "ซาโตรุ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เข้ามาช่วย ผมก็เอาชนะเขาได้แน่นอน"
“ไอ้หนู เธอสามารถแกล้งทำเก่งเป็นต่อหน้าคนอื่นได้ แต่อย่ามาแกล้งทำเป็นเก่งต่อหน้าฉันนะ” ซาโตรุเตะเข้าไปเข้าที่ก้นซาสึเกะ
*ปัง*
ซาสึเกะที่ถูกเตะลงไปกองอยู่ที่พื้น จับก้นของเขาไว้พร้อมกับกัดฟันกรอดและจ้องมองไปที่ซาโตรุ
“เพิ่มคำว่าอาจารย์เข้าไปด้วยสิ ไม่งั้นเดี๋ยวแกล้งให้นักกว่านี้ซะหรอก” ซาโตรุคว้ากางเกงของซาสึเกะแล้วทำท่าทางจะถอดมันออก
“เลิกทำเป็นเล่นจะได้ไหม?” ซาสึเกะจับกางเกงของเขาอย่างงุ่มง่ามด้วยสายตาที่โกรธเคือง
“เร็วเข้าสิ เดี๋ยวศัตรูเห็นหมดทุกอย่างเอานะ”
ซาสึเกะกัดฟันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “อาจารย์ซาโตรุ!”
"อืม ดีแล้ว" ซาโตรุปล่อยซาสึเกะแล้วแสดงรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
เด็กอุจิวะตัวแสบนี้ เอาแต่แสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนอื่นตลอดเลยนะ
มีหน้ามากล้าอวดเก่งต่อหน้าเขาได้ยังไงกัน?
เมื่อมองออกไปไกลๆ คิโดมารุผู้มีผิวสีแดงเข้มและมีตาสีดำบนหน้าผากก็ถือธนูสีทองอยู่ในมือและเล็งไปที่ซาโตรุในระยะไกล
“แม้จะถูกศัตรูรายล้อม แต่ยังมีเวลามาเล่นตลกแบบนี้อีกเหรอ?”
“ไปลงนรกซะไอ้โง่”
คิโดมารุยิงลูกธนูสีทองออกไปและลูกธนูก็หมุนอย่างรวดเร็วในอากาศ ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรงพัดก้อนหินออกไปทุกที่ที่มันผ่านไป
ลมที่เกิดจากการหมุนนี้เพียงอย่างเดียวสามารถพัดก้อนหินบนพื้นออกไปได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังของลูกธนูนี้น่าทึ่งเพียงใด
“อาจารย์ซาโตรุ ระวัง!”
ทุกคนในทีมเจ็ดอุทานออกมา
“ซาโตรุ!” คุเรไนเห็นซาโตรุที่กำลังคุยกับซาสึเกะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เลยว่ามีลูกธนูกำลังพุ่งยิงใส่เขามาแต่ไกล
ขณะที่คุเรไนมองไปที่ซาโตรุ ยักษ์ที่ทายูยะเรียกมาก็ต่อยเธอแล้วทำให้เธอกระเด็นออกไปไกล