บทที่ 41 : เนื้อหาของหนังสืออะจึ๋ยสวรรค์ร่ำไร
บทที่ 41 : เนื้อหาของหนังสืออะจึ๋ยสวรรค์ร่ำไร
ในสถานที่สอบจูนินรอบที่สาม ทีมที่มีม้วนคัมภีร์ได้เดินออกมาจากป่ามรณะ ยืนอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบบนสนาม
จากทั้งหมดสามสิบทีมหรือเก้าสิบคนที่เข้าร่วมการสอบในป่ามรณะ แต่ทีมที่สอบผ่านและถึงจุดหมายได้มีเพียงหกทีมเท่านั้น
สิบหกคน!
บางทีมเหลือสมาชิกเพียงคนเดียว และอีกสองคนก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทดสอบครั้งที่สาม
ในบรรดาเกะนินที่ยืนอยู่ในสนามนั้น มีทีมที่เจ็ดของนารูโตะและทีมที่แปดของฮินาตะ
เนจิทีมที่สาม และชิกามารุทีมที่สิบ
นอกจากนี้ยังมีทีมจากซึนะงาคุเระที่นำโดยกาอาระ และโยโรอิจากโอโตงาคุเระที่เหลือเพียงคนเดียว
โอโตงาคุเระนั้นส่งไปสองทีม โดยทีมหนึ่งคือทีมที่ซาโตรุแปลงเป็นคินแล้วล้มเลิกการทดสอบไป
“การฆ่าเพื่อรักษาสมดุล นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเป็นมิตรภาพในของโลกนินจา แต่สิ่งนี้กลับถูกละเลยโดยพวกเราเอง” ฮิรุเซ็นสูบบุหรี่และมองดูเกะนินที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความสงบ
“แต่ล่ะหมู่บ้านนั้น นินจาหนุ่มผ่านการทำงานหนักและเติบโตขึ้น โดยแบกรับชื่อเสียงของหมู่บ้านและสร้างสะพานที่เรียกว่าความหวัง นี่คือความหมายของการสอบจูนิน”
“มันคือเจตจำนงแห่งไฟ…”
ฮิรุเซ็นพ่นควันสีจางๆ ออกมา และก่อนที่เขาจะพูดจบ ซาโตรุก็เข้ามาขัดจังหวะไว้
ซาโตรุปรากฏตัวในหมู่พวกเกะนิน เอามือปิดปากแล้วตะโกนว่า "ใครจะมาอยากฟังชายแก่พูดเรื่องไร้สาระกัน ตอนนี้พวกเกะนิอยากจะสู้กันแล้ว พวกเขาต่างอยากกลายเป็นนินจาเพียงผู้เดียวที่ยืนหยัดและแข็งแกร่งที่สุด"
โจนินที่เป็นผู้ดูแลทีมตกตะลึงกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ซาโตรุที่ยืนอยู่ด้วยความสงสัย
เมื่อครู่ซาโตรุยังอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ข้างหลังโฮคาเงะรุ่นที่ 3
เขาสามารถปรากฏตัวได้ในทันที
แต่ความเร็วเช่นนี้...มันค่อนข้างที่จะเร็วเกินไปเล็กน้อย
“ซาโตรุ อย่ามายุ่ง!” ใบหน้าของฮิรุเซ็นหน้าเปลี่ยนสีทันที เขากำลังจะอธิบายเจตจำนงแห่งไฟ ซึ่งเป็นหลักแนวคิดที่สำคัญที่สุด
แต่มันกลับถูกขัดจังหวะด้วยซาโตรุ
หากไม่ใช่เพราะบุคลิคที่ซุกซนเช่นนี้แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของซาโตรุ เขาคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเป็นโฮคาเงะรุ่นที่ห้า
คุเรไนตำหนิเบาๆ “ซาโตรุ อย่าขัดจังหวะท่านโฮคาเงะสิ”
มีนินจาประจำหมู่บ้านคนอื่นๆ อีกหลายคน เช่นเดียวกับไดเมียวที่เฝ้าดูการทดสอบจากที่นั่งสูงที่สุด ถ้าซาโตรุกำลังสร้างเรื่องอยู่แบบนี้ โฮคาเงะรุ่นที่ 3 จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ซาโตรุ...” ทีมจากซึนะงาคุเระ ที่นำโดยกาอาระมองไปทางซาโตรุ
อาจารย์ซาโตรุผู้นี้มีพลังมหาศาลจริงหรือ?
ไฉนถึงกล้าดีมาขัดจังหวะโฮคาเงะรุ่นที่ 3
ส่วนโจนินทุกคนก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
ซาโตรุชี้ไปมาด้วยอมยิ้มในมือแล้วพูดกับผู้คุมสอบเก็กโค ฮายาเตะว่า "มาเริ่มกันเลยดีกว่า การสอบครั้งที่สามน่ะ"
“นารูโตะ ลูกศิษย์ของฉันบอกว่าเขาสามารถเอาชนะทุกคนได้อย่างง่ายดายเลย” ซาโตรุกล่าวออกมา
ทันทีที่ประโยคนี้ออกมาจากปากเขา
พวกเกะนินทั้งหมดก็มองไปที่ใบหน้าของนารูโตะ
ใบหน้าที่ดูงี่เง่านี้ กลับบอกว่าเขาสามารถจะเอาชนะผู้ทดสอบทั้งหมดได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ?
เมื่อนารูโตะรู้สึกว่าทุกคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ เขาก็ขยับผ้าคาดหน้าผากอย่างภาคภูมิใจ และพูดด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและหนักแน่น
“จำไว้ให้ดี ฉันชื่อนารูโตะ และฉันจะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนยอมรับ และฉันจะเป็นโฮคาเงะในอนาคตให้ได้!”
"ด้วยคำสอนของอาจารย์ซาโตรุ ฉันน่ะแข็งแกร่งขึ้นมาก และฉันจะเอาชนะพวกนายทุกคนที่นี่ ฉันจะพูดในสิ่งที่ฉันต้องการและฉันจะทำตามที่ฉันพูดไป นี่แหละคือวิถีนินจาของฉัน!"
นารูโตะยังไม่ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังจะตามมา ดังนั้นเขาจึงโอ้อวดไปโดยไม่สนใจเลย
ในที่สุด...
ในที่สุดฉันก็สามารถโดดเด่นเหนือกว่าไอ้เจ้าซาสึเกะนิสัยเสียนั่นได้!
ในสายตาของเกะนินทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้น พวกเขามองไปที่สมาชิกสามคนของทีมที่เจ็ดด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรทุกคน
ซาสึเกะขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าโง่นี่มันโง่สุดๆ ไปเลยแฮะ”
สิ่งที่อาจารย์ซาโตรุพูดนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการล้อเล่น แต่นารูโตะซึ่งเป็นคนงี่เง่ากลับจริงจังกับคำพูดนั้น พูดไปเรื่อยและถึงขั้นโอ้อวดออกมาด้วยซ้ำ
นี่คือการสร้างศัตรูชัดๆ
“นารูโตะ!” ซากุระพับแขนเสื้อขึ้นแล้วต่อยนารูโตะอย่างแรง
*ปัง*
นารูโตะล้มลงกับพื้นด้วยหมัด เขาลุกขึ้นเอามือจับหัวที่บวมแดงของเขา ก่อนจะมองดูซากุระด้วยสีหน้าโศกเศร้า
“ซากุระจัง เธอตีฉันทำไมเนี่ย?”
ซากุระเมินนารูโตะ พอรู้สึกถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรของทุกคน เธอก็ก้มลงเล็กน้อยแล้วขอโทษ “ขอโทษ ขอโทษแทนนารูโตะที่พูดเรื่องไร้สาระด้วยค่ะ ได้โปรดอย่าสนใจเขาเลยนะ”
"เฮ้อ.." ฮิรุเซ็นถอนหายใจ หันหลังแล้วเดินไปยังที่นั่งสูงสุด
ฮายาเตะไอเสียงดังและพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “อะแฮ่ม การสอบครั้งที่สามกำลังจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
“จะรีบร้อนอะไรขนาดนั้นกันล่ะ? อย่ารีบอะไรขนาดนั้นสิ” ซาโตรุเหลือบมองฮายาเตะเบาๆ
เจ้าหมอนี้ไอหนักขึ้นตลอด ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอลงทุกวัน
“คุณซาโตรุ ขอบคุณที่เป็นห่วง ไม่มีปัญหาหรอกครับ” ฮายาเตะพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากพูดจบเขาก็ไออีกหลายครั้ง “แค่ก แค่ก แค่ก”
“คิดว่าเขาจะเหมือนนายหรือไง? ที่ไปแต่ถนนโออิรันทุกวัน” คุเรไนมองซาโตรุด้วยสีหน้าหงุดหงิด เธอเบ้ปากด้วยความโกรธแล้วพูดพึมพำว่า “เงินทั้งหมดที่มีก็ถูกใช้ไปกับผู้หญิงสกปรก ไม่แปลกใจเลยที่นายจะไม่มีเงิน”
ซาโตรุนั้นแท้จริงร่ำรวย แต่เขากลับใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยบนถนนโออิรัน
หลังจากที่ซาโตรุถังแตก เธอก็จะเลี้ยงซาโตรุด้วยขนมหวาน
เธอเองก็พูดไม่ออกกับการกระทำของเธอเอง
เมื่อใดก็ตามที่ซาโตรุพบเธอ อย่างน้อยเขาก็มีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้
แม้ว่าจะเป็นแค่เครื่องประดับผม แต่เธอก็ยินดีที่จะเลี้ยงซาโตรุด้วยอาหารมื้อใหญ่ทุกวัน
“หลังจากเล่นเป็นซึนเดเระแล้ว นี่กำลังเล่นเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยขี้โมโหด้วยเหรอ?” ซาโตรุพูดไม่ออก
“นายนี้มันน่ารำคาญจริงๆ เลยนะ” คุเรไนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา และเดินหนีไปอย่างรวดเร็วไปยังที่นั่งบนชั้นสองด้วยความโกรธ
เมื่ออาสึมะเห็นว่าคุเรไนกำลังโกรธซาโตรุ เขาก็จุดบุหรี่และขึ้นไปคุยกับคุเรไน
“คุเรไน พรุ่งนี้คุณกับทีมที่แปดพอจะมีเวลาไหม? พอดีว่าผมจะให้รางวัลสำหรับการสอบจูนิน ก็เลยว่าจะเชิญชิกามารุและคนอื่นๆ มากินบาร์บีคิวด้วยกันพรุ่งนี้”
"พรุ่งนี้...ฉันจะไปเลี้ยงเค้กซาโตรุน่ะสิ" คุเรไนครุ่นคิดจริงจัง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอโทษทีนะ พอดีฉันไม่มีเวลา”
อาสึมะเกาหัวและยิ้มกระอักกระอ่วน "อ๋อ ฮ่าฮ่าฮ่า..."
คุเรไนโกรธซาโตรุ แต่คุเรไนยังจะเลี้ยงเค้กซาโตรุงั้นเหรอ?
นี่ฉันเป็นสุนัขที่ภักดีของเธอ แต่เธอจะเป็นสุนัขที่ภักดีของเขางั้นเหรอ?
ซาโตรุมันวิเศษวิโสอะไรขนาดนั้น?
เขาทำให้คุเรไน ผู้หญิงที่มีนิสัยแข็งกระด้าง ไม่เคยมีแฟนและกล้าหาญเสมอกลับเพ้อคิดถึงเขาขนาดนี้ได้ยังไง?
ซาโตรุเดินผ่านเข้ามา เขาตบไหล่อาซึมะ แสร้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจแล้วพูดว่า "ยอมแพ้เถอะ ก็นายไม่หล่อเท่าฉันหรอก"
“มาปลอบใจแบบนี้เนี่ยนะ?” มุมปากของอาซึมะกระตุกเล็กน้อย เขาได้แต่เดินออกไปที่มุมเพื่อสูบบุหรี่คนเดียว
เขาสูบบุหรี่และพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ซาโตรุเหลือบมองที่นั่งผู้ชมด้านบน มันมีเพียงฮิรุเซ็นและไดเมียวจากแคว้นแห่งไฟเท่านั้น
ส่วนคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่ โอโรจิมารุก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่น
บนหน้าจอเหนือสนามค่อสู้ ชื่อของคนสองคนปรากฏขึ้น
"การดวลกันครั้งที่หนึ่ง ซาสึเกะ VS โยโรอิ" ฮายาเตะประกาศ
“คนเปิดประเดิมคือฉันสินะ” ซาสึเกะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และค่อยๆ กำหมัดแน่นพร้อมกับแววตาที่มุ่งมั่นที่จะต่อสู้
เขาต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นผ่านการดวลครั้งนี้
เขา อุจิวะ ซาสึเกะ เป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุด!
พวกเกะนินในสนามแยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงซาสึเกะอยู่ในสนาม และมีโยโรอิคลุมหน้าด้วยผ้าคลุมรวมถึงคลุมทั้งตัวด้วย
นารูโตะนอนอยู่บนกำแพงชั้นสอง กำหมัดแล้วตะโกนเสียงดังออกมาว่า "ซาสึเกะ อย่าแพ้ไอ้หมอนั่นนะ!"
เขาเคยปะทะกับโยโรอิมาก่อนหน้านี้ โยโรอิน่ารังเกียจมากและขโมยคัมภีร์ไปจากทีมที่เจ็ดด้วย
“ซาสึเกะ เธอต้องชนะนะ” ซากุระประสานมือของเธอเข้าด้วยกันและวางบนหน้าอกของเธอและอธิษฐาน
"อะแฮ่ม" คุเรไนไอเบาๆ พลางเดินไปหาซาโตรุ นั่งลงด้วยท่าทีที่เหมือนจะไม่สนใจและเริ่มถามคำถามออกมา
“ซาโตรุ นายยังไงกับการแข่งขันครั้งนี้เหรอ?”
“ไม่ต้องคิดอะไรหรอก ลูกศิษย์ของฉันชนะแน่” ซาโตรุหยิบอะจึ๋ยสวรรค์ร่ำไรออกมาพร้อมกับถอนหายใจ และพลิกหนังสืออ่านด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"หนังสือนี้มันสนุกมากเลยเหรอ?" คุเรไนจงใจโน้มศีรษะเข้าไปใกล้ใบหน้าของซาโตรุ และมองดูเนื้อหาของหนังสือด้วยความสงสัย
“ทาเคดะผลักร่างรูมิเข้ากับผนัง ใช้มือแตะขาของรูมิ แล้วค่อยๆ ลูบขึ้นไปทีละน้อย” ซาโตรุอ่านเนื้อหาในหนังสือเขย่ามันแล้วพูดหยอกล้อ “ขยับลงไปลึกกว่านี้ได้ไหมคะ?”
“น...นายมันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!” คุเรไนหน้าแดงด้วยความเขินอาย
เธอเคยสงสัยมานานแล้วว่าเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้มันมีอะไรกันแน่
แต่เธอไม่คิดว่าเนื้อหาจะลามกอนาจารขนาดนี้ แต่ซาโตรุกลับยังอ่านเนื้อหาของหนังสือนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจเสียอย่างนั้น
“หน้าแดงแบบนี้แปลว่าเข้าใจมันสินะ คิดว่าฉันสนใจสายตาคนอื่นงั้นเหรอ เธอเคยเห็นฉันอายสักครั้งไหมล่ะ?” ซาโตรุพูดเสียงแผ่วเบา
คุเรไนไม่พูดอะไร และมองดูการแข่งขันด้านล่างด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ซาโตรุกลับมาอ่านหนังสือประเภทนี้ได้อย่างใจเย็นระหว่างที่ลูกศิษย์กำลังทดสอบเนี่ยนะ
ให้ตายเถอะ!