ตอนที่แล้วบทที่ 113: บัลลูนลมร้อนประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 115: หลินเป่ยฟาน จงอย่ารังแกผู้ซื่อสัตย์!

บทที่ 114: เรียกร้อง 10 ล้านตำลึงตั้งแต่ต้น โลภมากนัก!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 114: เรียกร้อง 10 ล้านตำลึงตั้งแต่ต้น โลภมากนัก!

พวกเขาไม่รู้อะไรเลย ทั้งยังคิดผลิตบัลลูนลมร้อนจำนวนมาก!

ในท้ายที่สุดพวกเขาสูญเสียการจัดการที่ดีของกำลังคนและทรัพยากรแต่ได้รับอะไร!

จักรพรรดินีอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!

“แผนการของหลินเป่ยฟานนั้นโหดเหี้ยมและยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“พยายามเพียงน้อยนิดและไม่ต้องใช้กำลังทหาร เขาก็สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเหล่าผู้มีอำนาจมากมายอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ทั้งอำนาจของข้าก็เพิ่มมากขึ้นด้วย!”

“ตาชั่งแห่งชัยชนะค่อยๆ เอนเอียงมาทางข้าแล้ว!”

“คงไม่มีผู้ใดในหมู่พวกมันตระหนักได้เลยสินะ?”

จักรพรรดินีรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ยามนี้นางทั้งมีอำนาจและมั่งคั่งยิ่ง ทำให้นางสามารถพัฒนากองกำลังที่ซ่องสุมอยู่ได้

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร นางก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น

นางจึงชื่นชมและประทับใจในตัวหลินเป่ยฟานมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ชายคนนี้ที่คาดเดาไม่ได้และมักจะทำให้นางปวดหัว แต่เขาก็พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้มากที่สุดในช่วงเวลาสำคัญ

ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็เริ่มรู้สึกคิดถึงเขา

“โอ้ ยามนี้ท่านหลินเป็นเช่นไรบ้าง? สองสามวันมานี้เขาเงียบมาก ไม่เหมือนเป็นตัวเขาเลย! โอ้ ไม่ใช่ว่าข้าให้รางวัลดีๆ แก่เขาไปแล้วเหรอ? เขารับมันไปแล้วใช่ไหม?”

ขันทีเฒ่าก้มศีรษะลงและรายงาน“ฝ่าบาท ท่านหลินยุ่งอยู่กับการวิ่งไปมาระหว่างสถาบันจักรพรรดิ กรมโยธาและค่ายกองทหารหลวงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก! ดังนั้นที่ดินที่ท่านมอบให้ ท่านหลินจึงยังไม่ได้รับขอรับ!”

“เขายังไม่มารับมันไปอีกเหรอ? เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” จักรพรรดินีเร่ง “ไปบอกให้เขารับมันไปโดยเร็วที่สุด! เดี๋ยวนี้เลย!”

“ขอรับฝ่าบาท!” ขันทีชราโค้งคำนับและออกไป

หลังจากนั้นไม่นาน ขันทีชราก็มาเยี่ยมเรือนของหลินเป่ยฟานเป็นการส่วนตัว

“หวังก้งกง มีคำกล่าวที่ว่ากันว่ามิมีผู้ใดมาเยือนหอขุมทรัพย์โดยไร้ซึ่งเหตุผล เช่นนั้นท่านมาที่นี่ทำไมหรือ...?” หลินเป่ยฟานกล่าวถามพร้อมรอยยิ้ม

“ท่านหลิน เป็นคำสั่งของฝ่าบาทที่ให้ข้ามาที่นี่” ขันทีชราหัวเราะ

“ท่านมีคำพูดจากฝ่าบาทมาฝากข้าหรือ?” หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสน เพราะเขาก็จำได้ว่าช่วงนี้ไม่เห็นมีเรื่องอะไรสักหน่อย

“ท่านหลิน ท่านลืมไปแล้วหรือ? ครั้งหนึ่งฝ่าบาทเคยให้รางวัลแก่ท่านเป็นที่ดินผืนดีร้อยหมู่ แต่ท่านก็ยังไม่ได้ไปรับมันมาเลย! ฝ่าบาทเริ่มใจร้อนจึงส่งข้ามาเตือนท่าน!” ขันทีชราหัวเราะ

หลินเป่ยฟานตบหน้าผากของเขาอย่างแรง “โอ้ แหม ช่วงนี้ข้ยุ่งอยู่กับหน้าที่ราชการจึงลืมไปเสียสนิท ต้องขออภัยด้วย!”

ในความเป็นจริง เขาไม่เคยคิดจะสนใจมันด้วยซ้ำ เพราะเขาอาจต้องหลบหนีไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะไปรับมัน เขาจะเอามันไปทำประโยชน์ใดได้เล่า? ดังนั้นเขาจึงลืมมันไปโดยไม่รู้ตัว

“ท่านหลิน ยามนี้ท่านเป็นที่โปรดปรานและยังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อฝ่าบาท ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าหน้าที่ราชการของท่านทำให้ท่านยุ่งมาก ทว่าท่านไม่อาจละเลยเรื่องที่ดินได้! ท่านเวลาว่างไปกับข้าหรือไม่? มิฉะนั้นหากฝ่าบาทตำหนิข้า มันก็จะไม่เป็นผลดีต่อข้าเช่นกัน!” ขันทีชราฝืนยิ้ม

"แล้วมันอยู่ที่ไหนกัน? มันไกลมากไหม?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม

"ไม่ไกลเลย แค่อยู่นอกเมือง! นี่เป็นดินแดนที่องค์จักรพรรดินีคัดสรรมาเพื่อท่านโดยเฉพาะ!” ขันทีชรากล่าวอย่างอิจฉา

“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไปดูกันเถอะ!” หลินเป่ยฟานพยักหน้า

"ดี ได้โปรดทำตามข้ามาเลย!” ขันทีชรานำทางไป

หลินเป่ยฟานนำหลี่ซือซือและคนอื่นๆ มาด้วย เพื่อให้พวกเขามาจำทางแทนเขา

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงนอกนคร

ขันทีชราชี้ไปที่ที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และเป็นระเบียบเรียบร้อยเบื้องหน้า “ท่านหลิน นี่คือที่ดินที่ดีที่ได้รับรางวัลจากฝ่าบาทเป็นจำนวน 100 หมู่! มันอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ทำให้สะดวกในการเดินทาง ท่านคิดว่าเช่นไรบ้าง?”

(1 หมู่ประมาณ 666 ตารางเมตร เทียบได้กับสนามฟุตบอลประมาณ 9 สนาม)

มองเพียงแวบหนึ่ง ก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นที่ดินที่ดีจริงๆ เพราะมีรวงข้าวมากมายกำลังงอกงาม

มาอยู่โลกนี้ตั้งสามปี มันเป็นครั้งแรกเลยที่หลินเป่ยฟานได้เห็นพื้นที่เพาะปลูกที่ดีเยี่ยมเช่นนี้

หลินเป่ยฟานพยักหน้าและยิ้มออกมา "มันยอดเยี่ยมมาก ข้าชอบมันมากจริงๆ โปรดถ่ายทอดคำขอบคุณของข้าต่อฝ่าบาทด้วย ท่านหวังก้งกง!”

“ท่านหลิน เพียงท่านพึงพอใจก็ดีแล้ว!” ขันทีชรายิ้มและหยิบกล่องที่มีกระดาษหลายแผ่นออกมา เขาแนะนำว่า “นี่คือโฉนดที่ดินของที่ดินผืนนี้ โปรดดูแลพวกมันให้ปลอดภัยด้วยท่านหลิน!”

“ขอบคุณท่านหวังก้งกง!” หลินเป่ยฟานรับมันมาด้วยมือทั้งสองข้าง

"หากไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้!”

“ดูแลตัวเองด้วย ท่านหวังก้งกง!”

ในขณะที่ถือโฉนดที่ดินในมือของเขา เขาก็มองไปยังที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ตรงหน้าเขา หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสนเล็กน้อย

การกลายเป็นเจ้าของที่ดินมันง่ายถึงเพียงนี้เลยเหรอ? เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากความรู้ในอนาคตก็ง่ายปานนี้เลย?

จากนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

หลังจากผ่านมาหลายปี เขากลับได้กลายเป็นคนที่เขารู้สึกเกลียดที่สุด!

แต่ความรู้สึกนี้…

เขารู้สึกชอบมันมาก!

"ท่านสามี เรามีที่ดินของเราเองแล้ว!” หลี่ซือซือดีใจเหลือเกิน

สำหรับคนที่อยู่ยุคนี้ การมีที่ดินเป็นของตนเองหมายถึงมีปัจจัยในการดำรงชีวิตและมีความหวัง หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีวันต้องอดตาย

มันคือความรู้สึกปลอดภัยที่แม้แต่การมีเงินมากมายก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้!

ก็เหมือนกับผู้คนมากมายที่พอมีเงินย่อมต้องซื้อบ้านเพื่อทำให้ตนเองปลอดภัย

มันคงเป็นความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของเรา

“ซือซือ เจ้ามีความสุขเร็วเกินไปแล้ว!” หลินเป่ยฟานถอนหายใจและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ด้วยสิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว ท้ายที่สุดเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ เราเอาที่ดินผืนนี้ไปด้วยไม่ได้ การมีมันจะมีประโยชน์อะไรกัน?”

“ท่านสามี สิ่งที่ท่านกล่าวออกมาถูกต้องทุกประการ!” อารมณ์ของหลี่ซือซือพลันเปลี่ยนไปทันที

หลินเป่ยฟานรู้สึกปวดใจและปลอบโยนนางอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วง! ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย! ไม่มีอะไรที่จะสามารถเอาชนะข้าได้! โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก มันย่อมมีที่ให้เราตั้งรกรากเสมอ!”

“ไม่ว่าท่านสามีของข้าจะอยู่ที่ใด เรือนของเราก็อยู่ที่นั่น!” หลี่ซือซือยิ้มและโอบกอดหลินเป่ยฟานอย่างแผ่วเบา พวกเขาทั้งสองมีความสุขมากกับช่วงเวลาอันเงียบสงบนี้

ในขณะเดียวกัน จิตใจของหลินเป่ยฟานก็เริ่มร่อนเร่ไปทั่ว

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถนำที่ดินผืนนี้ไปกับเขาได้ ทั้งมันคงไม่อาจนำผลกำไรมากมายมหาศาลให้แก่เขา แต่เขาก็สามารถใช้มันเป็นสนามทดสอบสำหรับข้าวลูกผสมได้

มันคงดีกว่าสนามทดสอบขนาดเล็กที่สถาบันจักรพรรดิมาก

ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยฟานจึงพูดกับต้าหลี่ด้วยความมุ่งมั่นว่า “ต้าหลี่ ข้าต้องการให้เจ้าไปที่สถาบันจักรพรรดิ! รวบรวมบัณฑิตที่รับผิดชอบการวิจัยข้าวลูกผสมและบอกพวกเขาว่าข้ามีที่ดินผืนดีที่สามารถใช้เป็นสนามทดสอบข้าวลูกผสมได้!”

"รับทราบขอรับนายท่าน!"

ในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเขาทั้งหมดก็มาถึง

เมื่อเห็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อันกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาก็ยินดีกันอย่างยิ่ง

“ผู้อำนวยการหลิน ที่ดินแห่งนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ!”

“เหมาะสำหรับใช้เป็นที่ทดลองเลย!”

“เราสามารถทำการทดลองที่นี่ได้อย่างแน่นอน!”

หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “ทุกคน พยายามหนักให้มากกว่านี้กันเถอะ! นี่เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่จะนำความรุ่งโรจน์มาสู่คนรุ่นของเรา และยังเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไปในอนาคต! หากเราประสบความสำเร็จ ข้าจะรายงานต่อราชสำนักและแนะนำให้พวกเจ้าทุกคนได้รับการยอมรับเอง! ตำแหน่งมากมายจะรอพวกเจ้าอยู่!”

เหล่าบัณฑิตมีความสุขมากกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนหน้านี้บัณฑิตที่ทำงานเกี่ยวกับการวิจัยบัลลูนลมร้อนได้รับการยกย่องจากราชสำนัก จนเส้นทางในอนาคตของพวกเขาคล้ายถูกปูไว้แล้ว หากพวกเขาสามารถพัฒนาข้าวลูกผสมที่เพิ่มผลผลิตและแก้ปัญหาอาหารให้กับราษฎรได้ พวกเขาจะได้รับรางวัลอะไรบ้างกัน?

เหล่าบัณฑิตอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง “ขอบคุณมากขอรับท่านหลิน!”

หลินเป่ยฟานพยักหน้าและยิ้มออกมา

“ท่านสามี มันเป็นไปได้จริงหรือที่จะพัฒนาข้าวลูกผสมนี้?” หลี่ซือซือที่รู้สึกสงสัยก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“มันเป็นไปได้อย่างแน่นอน!” หลินเป่ยฟานตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ “ถ้าทุกอย่างราบรื่น เราจะเก็บเกี่ยวในวันนี้ของปีหน้า! มันไม่ใช่แค่จินตนกาาร แต่มันจะกลายเป็นความจริง!”

“ท่านสามี ถ้าท่านประสบความสำเร็จจริงๆ  ท่านก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์แห่งยุคนี้และชื่อของท่านจักถูกจดจำไปชั่วลูกชั่วหลาน!” หลี่ซือซือกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น

หลินเป่ยฟานยิ้มและส่ายศีรษะไปมา “ข้าไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นหรอก! ข้าแค่ต้องการทำบางสิ่งด้วยความสามารถของข้า ช่วยเหลือผู้อื่นในทุกวิถีทางที่ข้าสามารถทำได้ สิ่งที่ผู้อื่นมองมา หาใช่สิ่งที่ข้าสนใจไม่”

“อามิตาภพุทธ! ท่านอาจารย์สมกับผู้มีจิตวิญญาณของพุทธองค์อย่างแท้จริง!” พระสององค์พนมมือเข้าหากันพร้อมกับกล่าวด้วยความชื่นชม

“ทว่าเรายังต้องการคนมากกว่านี้! ช่วยข้าไปรวบรวมเกษตรกรผู้เช่าจากที่นี่มาที!”

ไม่นานนัก ชาวนาหลายสิบคนก็มารวมตัวกันด้วยความกังวล พวกเขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเป่ยฟาน

พวกเขาเคยได้ยินมาแล้วว่าหลินเป่ยฟานเป็นพวกโลภมาก เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่พอใจกับระบบการจ่ายค่าเช่าและต้องการเรียกร้องเงินเพิ่ม?

ชาวนาสูงอายุคนหนึ่งคนรวบรวมความกล้าพร้อมกับถามว่า “ท่านหลิน ท่านเรียกเรามาที่นี่ มีอะไรงั้นหรือ?

“ข้าตั้งใจจะเอาดินแดนแห่งนี้ไปเพาะปลูกข้าวลูกผสม” หลินเป่ยฟานตอบ

ชาวนาตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาคุกเข่าลงทันที

“ท่านครับ แต่ท่านไม่สามารถยึดที่ดินแห่งนี้กลับไปได้นะขอรับ! เช่นนั้นเราจะกินดื่มอะไรกัน? ครอบครัวของข้ายังต้องพึ่ีงพาที่ดินผืนนี้นะขอรับ!”

“ได้โปรดเมตตาเราด้วย ให้เรามีทางรอดบ้างเถอะขอรับ!”

“เราขอร้องท่านจริงๆ ได้โปรดเถิด!”

หลินเป่ยฟานขมวดคิ้ว “ฟังข้าให้จบก่อน! แม้ว่าข้าจะยึดที่ดินนี้คืนมา แต่ข้าก็จะไม่ไล่พวกเจ้าไป ข้าตั้งใจจะใช้มันในการเพาะปลูกข้าวลูกผสม”

“ส่วนเรื่องข้าวลูกผสมคืออะไร พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลสนใจเรื่องนี้ เพียงแค่ทำตามบัณฑิตเหล่านี้และทำสิ่งที่พวกเขาขอให้พวกเจ้าทำก็พอ ดูแลพื้นที่เพาะปลูกแค่นั้น ตราบใดที่พวกเจ้าเชื่อฟังและทำงานได้ดี ข้าจะจ่ายเงินให้พวกเจ้าคนละหนึ่งหรือสองเหรียญตำลึงเป็นค่าจ้างทุกเดือน!”

"หนึ่งหรือสองเหรียญตำลึงต่อเดือน!” เหล่าชาวนาตกตะลึง

ต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่เป็นเพียงชาวนาชั้นล่าง หากฤดูกาลใดเก็บเกี่ยวได้มาก พวกเขาก็มีรายได้อย่างมากที่สุดก็สี่หรือห้าเหรียญเงินตำลึงในหนึ่งปี หากพวกเขาได้รับเงินหนึ่งหรือสองเหรียญตำลึงต่อเดือน มันก็จะเป็น 12 เหรียญตำลึงในหนึ่งปี!

เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า!

“ท่านหลิน ท่านพูดความจริงหรือ?” ชาวนาคนเดิมถามด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง

หลินเป่ยฟานยืนเอามือไพล่หลัง “จริงแท้! ทำไมข้าต้องหลอกเจ้าด้วย? เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นได้เหรอ?”

พวกเขาทุกคนพอนึกถึงความมั่งคั่งของอีกฝ่ายก็เริ่มอุ่นใจขึ้น เขาเป็นคนที่มีฐานะและความมั่งคั่ง จึงไม่จำเป็นต้องหลอกลวงพวกเขาเลย

"เช่นนั้นก็ดีเลย! ท่านขอรับ ข้าพร้อมจะทำงานให้ท่าน!”

"ข้าเองก็จะทำงานให้ท่านเช่นกัน!”

“ตราบใดที่เราไม่อดอยาก เราพร้อมจะทำทุกอย่างที่ท่านขอให้เราทำ!”

“เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด ข้าชอบคนเชื่อฟังนัก!” หลินเป่ยฟานดีดนิ้วและพูดกับต้าหลี่ข้างๆ เขาว่า “ให้เงินพวกเขาคนละหนึ่งหรือสองตำลึงเพื่อให้พวกเขาได้ปรับปรุงชีวิตของตนเอง! หากพวกเขายังคงทำผลงานได้ดีในอนาคต ก็ให้รางวัลพวกเขาต่อไป!”

เหล่าชาวนาดีใจกันมาก “ขอบคุณขอรับท่านหลิน!”

ด้วยความเมตตาและมีอำนาจของหลินเป่ยฟาน เหล่าชาวนาแสดงความขอบคุณและกระตือรือร้นในการสร้างพื้นที่เพื่อการทดลองช่วยหลินเป่ยฟานเพาะปลูกข้าวลูกผสมอย่างมาก

พื้นที่เพาะปลูกเริ่มคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น

“วันนี้ในปีหน้า มันจะเป็นเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว!”

“ด้วยข้าวลูกผสม อำนาจของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่จะรุดหน้าขึ้นอย่างมาก!”

ในเมื่อเขาเลือกจะช่วยจักรพรรดินีและอาณาจักรอู๋แล้ว เขาก็ได้แต่ต้องมาทางนี้

ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างการประชุมของราชสำนัก หลินเป่ยฟานจึงได้ยื่นคำร้อง

“กระหม่อมขอรายงานต่อฝ่าบาทด้วยความนอบน้อมว่างานวิจัยเรื่องข้าวลูกผสมของกระหม่อมได้เข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว ยามนี้เรากำลังต้องการเงินทุนอย่างมาก กระหม่อมขอท่านจัดสรร 10 ล้านตำลึงเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยด้วย ข้าร้องขออย่างเร่งด่วน!”

ทันทีที่เขากล่าวจบ ทั่วทั้งราชสำนักก็ตกอยู่ในความโกลาหล

ปากของจักรพรรดินีถึงกับกระตุก ขอ 10 ล้านตำลึงตั้งแต่เปิดปาก โลภมากเกินไปแล้ว!

เพราะลำพองตนคิดว่าเก่ง จึงได้โลภมากขึ้นถึงเพียงนี้เลยเหรอ?

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด