บทที่ 74 : ภารกิจปกป้อง (3-1)
บทที่ 74 : ภารกิจปกป้อง (3-1)
ด้านนอกประตูปราสาท มีที่ราบอันกว้างใหญ่รอเราอยู่ที่นั้นเต็มไปด้วยก็อบลินหลายร้อยตัว
"มาเร็ว!"
พวกมันเฝ้าดูเราจากระยะไกล เหนือเปลวไฟที่ริบหรี่
ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายสีแดงฉานเหมือนกับเป็นลางร้ายขณะที่พวกมันเหวี่ยงดาบโจมตีเข้ามา
กร๊าก กร๊าก
ประตูด้านหลังเราเริ่มปิดลง
ทหารคนหนึ่งที่หายจากอาการบาดเจ็บได้ดึงรอกเพื่อปิดประตู
ทำตามที่วางแผนกันเอาไว้
เส้นทางหลบหนีของพวกเราถูกปิดกั้น
ทางเลือกเดียวของเราคือต้องไปข้างหน้า
“เข้าประจำที่!”
"รับทราบ!"
ก็อบลินบางตัวโผล่ออกมาจากเปลวเพลิงและพุ่งเข้ามา
ด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็ว ฉันจึงตัดหัวก็อบลินไปทันที
เราจัดแนวรบอย่างรวดเร็วโดยการจัดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมล้อมรอบนักเวทย์ ฉันยืนอยู่ที่ข้างหน้า เจนน่าอยู่ทางขวา อารอนอยู่ทางซ้าย และออลก้าอยู่ตรงกลาง
แม้ว่าเปลวเพลิงที่ล้อมรอบจะป้องกันไม่ให้ก็อบลินเข้ามาใกล้อย่างง่ายดาย แต่เราก็ไม่สามารถพุ่งโจมตีโดยประมาทได้เช่นกัน เราจำเป็นต้องสร้างเส้นทางผ่านพวกมันไป
“ออลก้า ใช้เวทย์ระดับ 1 ถึงจะเบาก็ไม่เป็นไร แต่พยายามกระจายเปลวไฟให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เข้าใจแล้ว”
อลลก้าเริ่มหลับตาและร่ายเวทย์
“จัดการก็อบลิน!”
เปลวไฟที่ถูกจุดด้วยคาถาแรกค่อยๆ อ่อนกำลังลง
ฝนที่ตกลงมาอย่างแรงก็มีส่วนสำคัญ ก็อบลินบางตัวสามารถเล็ดลอดผ่านเปลวเพลิงและผ่านการป้องกันของเราได้
ดาบของฉันตวัดอย่างรวดเร็วแทงเข้าไปคอของก็อบลิน ในอากาศที่เต็มไปด้วยฝนและเลือดที่พุ่งออกมา
อารอนจับหอกของเขา และไล่พวกมันไปทีละตัว
แม้ว่าระดับทักษะของเขาจะไม่สูงที่สุด แต่การฝึกฝนที่ทุ่มเทของเขานั้นก็ทำให้ทักษะนั้นเปล่งประกายออกมา แรงหอกของเขาแม่นยำไร้และไร้ที่ติ
“คารูรูร์!”
ก็อบลินที่ถือหน้าไม้เล็งลูกศรพุ่งออกมาจากหน้าไม้สามอัน เป้าหมายของมันคือ ออลก้า ลูกธนูสองลูกถูกเบี่ยงเบนทิศทางไป ในขณะที่อีกอันหนึ่งถูกฉันปัดป้องด้วยดาบอย่างเชี่ยวชาญ พร้อมกันนั้นฉันก็ขว้างก้อนหินพุ่งไปหาก็อบลินที่มีหน้าไม้มันเซล้มลง ก่อนที่เลือดจะต่อยๆไหลปะปนไปกับลมหายใจที่เจ็บปวดของเขา
“20 วินาที”
เมื่อออลก้าร่ายคาถาเรียบร้อย เราก็รู้สึกความร้อนที่มาถึงเราจากด้านหลัง
“เปลี่ยนรูปแบบ!”
เราเปลี่ยนจากรูปแบบสามเหลี่ยมเดิมไปเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำอย่างรวดเร็ว
ฉันเข้ายึดปีกซ้าย เจนน่ายึดครองด้านขวาบน และอารอนอยู่ด้านล่าง
เมื่อเคลียร์แนวหน้าแล้ว เราได้สร้างช่องทางการยิงสำหรับ ออลก้า
【ลา แกน อินทิโอ!】
ฟู้วววววววววววววววว!
เปลวไฟพุ่งออกมาจากช่องเปิดอยู่ เปลวไฟแผดเผาและกระจายไปทุกทิศทุกทาง
"กร๊ากกกกกก!"
ควันฉุนและกลิ่นเนื้อไหม้ลอยเข้าจมูกของฉัน
"วิ่งฝ่าไปเลย!"
เรากลับคืนสู่รูปแบบสามเหลี่ยมเริ่มแรกอย่างรวดเร็วและทะยานผ่านที่ราบที่ลุกโชน ก็อบลินถูกโยนเข้าสู่ความสับสนวุ่นวาย พยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวังท่ามกลางเปลวเพลิงที่กลืนกิน
แม้ว่าเราจะรู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาทะลุผ่านเกราะหนังของเรา แต่เราก็ทนได้ในระดับหนึ่ง
เราไม่ได้ยื่นมือเข้าไปในเตาไฟที่ลุกลามโดยไม่จำเป็น
'ก็อบลินกลัวไฟ'
พวกมันกลัวเปลวไฟโดยสัญชาตญาณ
การมีออลก้าอยู่เคียงข้างเราถือเป็นโชคอันมหาศาล
หากมีแค่เรา การฝ่าวงล้อมออกไปคงเป็นงานที่เหนื่อยมาก
'แต่สภาพอากาศ ฝนที่ตกแบบนี้'
ไม่นานก็อบลินหลายร้อยตัวก็มาล้อมเราอีกครั้ง
ร่องรอยของไฟที่กระจัดกระจายยังคงอยู่ แต่ฝนที่ตกลงมาก็ทำให้เปลวไฟลดลงอย่างรวดเร็ว
ออลก้า ปัดผมที่เปียกของเธอไปข้าง ๆ และกัดริมฝีปากของเธออย่างประหม่า
“ร่ายเวทย์ครั้งหนึ่งพอ จิบยามานาแล้วค่อยๆ ร่าย”
"ฉันรู้น่า!"
ออลก้าหยิบยามานาขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วกลืนมันลงไปทันที
จากนั้นเธอก็เริ่มร่ายเวทย์อีกครั้ง
ก็อบลินพุ่งออกมาจากบริเวณที่ไฟยังไม่ลุกลามเต็มที่
มันเข้ามาใกล้ตำแหน่งของเจนน่า
“อารอน ช่วยทางด้านขวาด้วย ฉันจะจัดการด้านนี้คนเดียว”
“เข้าใจแล้วครับ!”
แม้ว่าด้านซ้ายจะถูกกลืนหายไปในเปลวไฟอันรุนแรง แต่ก็อบลินก็ยังคงพุ่งออกมาได้บางตัว บางตัวลุกเป็นไฟตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่พวกมันก็พุ่งเข้าใส่ฉันอย่างไม่เกรงกลัว
การโจมตีของพวกมันยังพอรับมือได้
ฉันหันเหดาบของพวกมันด้วยโล่ของฉัน แทงทะลุหัวใจของพวกมัน หลบเลี่ยงหอกแหลมด้วยขอบโล่ จากนั้นจึงบดขยี้หัวของมันออกจากกัน
อีก 20 วินาที
“เปลี่ยนรูปแบบ!”
ฟู้ววววววววววววววว!
การโจมตีครั้งที่สองถูกปล่อยออกมา
ช่องว่างชั่วคราวปรากฏขึ้นภายในฝูงก็อบลินที่ล้อมรอบเรา พวกเราคว้าโอกาสนี้และพุ่งไปข้างหน้าโดยมีเปลวเพลิงเป็นฉากหลัง แม้ว่าร่างกายของเราจะรู้สึกแสบร้อนราวกับถูกเผา แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะลังเลเมื่อเกิดการระเบิดขึ้น เราต้องพุ่งออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในช่องว่างนั้น
“คิระ คิระระโระ!”
ด้านหนึ่งของที่ราบ มีก็อบลินยืนอยู่บนยอดหินสูงตระหง่าน โบกธงอย่างแรง
ทั้งสวมชุดเกราะเหล็กและประดับด้วยเสื้อคลุมสีแดงเข้ม มันน่าเป็นผู้บัญชาการของฝูงก็อบลิน
“เจนน่า!”
“ได้รับเป้าหมายแล้ว ฉันจัดการมันเอง!”
เจนน่าแทงกริชของเธออย่างรวดเร็วไปที่หน้าผากของก็อบลินตัวหนึ่ง จากนั้นเธอเล็งลูกธนูอย่างรวดเร็ว
ลูกศรพบเป้าหมายของมัน พุ่งแทงเข้าที่คิ้วของก็อบลินอย่างแม่นยำ
"กริ้ด?"
“กีกี้!”
ก็อบลินสองตัวที่เป็นผู้คุ้มกันผู้บัญชาการยืนอยู่ใกล้ ๆ เหมือนว่ามันไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไร
แต่เจนน่าก็ไม่รอช้าเธอจัดการก็อบลินอย่างรวดเร็ว ส่งพวกมันไปยังอาณาจักรที่อยู่ไกลออกไปแบบไม่น่าได้กลับมาอีก
ปิง! ปิงปิงปิง!
ก็อบลินที่มีหน้าไม้มุ่งเป้าไปที่ออลก้า
“แกอย่ามาขัดจังหวะเธอนะโว้ย!”
เมื่อลูกธนูถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ ฉันก็คำนวณวิถีความเร็ว และวิธีที่ดีที่สุดในการเบี่ยงเบนทิศทางมันอย่างรวดเร็ว มันราวกับว่าฉันมีคอมพิวเตอร์อยู่ในหัวเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ นี่คือผลของทักษะการป้องกันการโจมตีระยะไกล ร่างกายของฉันเคลื่อนไหวตามมัน และเศษลูกธนูที่แตกกระจายก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง
ฟู้วววววววว!
ครั้งที่สาม
ครั้งนี้เราพุ่งมาได้ไกลมากยิ่งขึ้น
การที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา ก็ดูเหมือนจะทำให้พวกก็อบลินตกอยู่ในความระส่ำระสายพอสมควร
เป้าหมายเดิมของพวกมันจึงได้กลับไปเป็นประตูทิศเหนือ ไม่ใช่เรา
ทันใดนั้นหอกก็พุ่งออกมาจากเปลวไฟ
ฉันหลบเลี่ยงมันอย่างช่ำชองแล้วดึงก็อบลินตัวนั้นเข้ามาหาฉันด้วยมือซ้าย ก็อบลินผู้เคราะห์ร้ายถูกไฟลุกท่วมจนมีสภาพที่ไหม้เกรียม
สภาพของเราตอนนี้เองก็แย่อย่างมาก
ฝนตกลงมาไม่หยุดหย่อน ทำให้ชุดเกราะหนังของเราหนักขึ้น เปลวไฟที่ไม่ยอมดับแม้โดนฝนที่ตกลงมาก็ได้ทิ้งรอยไหม้ไว้กระจายไปทั่วร่างกายของเรา พอรวมกับเม็ดฝนและควันที่ลอยโขม่งบดบังการมองเห็นของเรา พื้นที่มีแต่โคลนก็ขัดขวางการเคลื่อนไหวของเรา
'ครู่หนึ่งมันร้อนระอุ ต่อมาก็หนาวสั่นกระดูก มันแทบจะทำให้เราคลั่งไปกันแล้ว”
ด้วยการฟาดดาบอย่างรวดเร็วของฉัน หน้าผากของก็อบลินก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน
ถึงเวลาที่จะต้องรีบพุ่งไปแล้ว
ด้วยการก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว ฉันหลบเลี่ยงเปลวเพลิงที่ลุกลามผ่านด้านหน้า
อารอนหอบหายใจขณะที่เขาทะลุกำแพงไฟ
“หากเราไม่ทำตามคำแนะนำของพี่ เราคงถูกย่างสดไปแล้ว”
“นั่นเป็นเหตุผลไงว่าทำไมการปฏิบัติตามคำสั่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
“เข้าใจแล้วครับ”
อารอนเหวี่ยงหอกของเขาออกไปอย่างแรง โจมตีก็อบลินสองตัวจนล้มลงกับพื้น
เปลวไฟกลืนกินพวกมันตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"