นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 356 - การเริ่มต้น!
ความรู้สึกตื้นตันเอ่อล้นขึ้น หัวใจของเดวิดรับรู้ถึงความพยายามและความหวังดีของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี มันทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก และต้องเบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้ชายผมขาวสังเกตเห็นความอ่อนไหวของตัวเอง
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์เหมือนจะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ รอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่อ่อนระโหยนั้นจาง ๆ “หือ? ฉันทำเรื่องพวกนี้เพื่อตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ความผิดพลาดล้มเหลวของเธอจะกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของศาสตราจารย์อาวุโสเป็นอย่างมาก บางที อาจจะไม่มีใครต้องการมาเป็นลูกศิษย์ฉันอีกเลยก็ได้ มันหมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของฉันขึ้นอยู่กับภารกิจนี้เช่นกัน เธอไม่ต้องรู้สึกตื้นตันขอบคุณอะไรฉันหนักหนาหรอก”
สิ่งที่ชายผมขาวพูดออกมาทำให้เรื่องกลายเป็นเลวร้ายมากขึ้นไปอีก น้ำตาที่เพิ่งจะเริ่มคลอออกมาที่เบ้าเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว เดวิดต้องใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองควบคุมมันเอาไว้
“น่าอายจริง ๆ” เขาพึมพำออกมา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสารโฮโลแกรมที่อีกฝ่ายส่งให้เข้ามาเก็บไว้ในห้องสมุดเสมือนของตัวเอง พร้อมกับกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อกำจัดร่องรอยของน้ำในดวงตาให้หายไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย? อย่าบอกนะว่าเธอถึงกับจะร้องไห้เลยน่ะ?” เสียงหัวเราะดังก้องออกมาจากปากของชายผมขาว มือของเขาถูกยกชี้มาที่หน้าของลูกศิษย์ ถ้าจะพูดให้ชัดเจน ชี้มาที่ดวงตาที่ดูชื้นแดงอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
แน่นอน! เดวิดไม่มีทางยอมรับง่าย ๆ อยู่แล้ว “หยุดพูดไปเลยตาแก่! ทำงานหนักจนหูตาฝ้าฟางไปหมดแล้วมั้งเนี่ย ก่อนจะออกไป ควรจะอาบน้ำอาบท่าให้ดีก่อนด้วยนะ กลิ่นตัวตอนนี้มันเหลือจะรับได้จริง ๆ”
“เฮ้อ! มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันกันแน่นะ ทำไมถึงได้ยอมรับเด็กนิสัยเสียอย่างแกมาเป็นลูกศิษย์ได้ ระวังตัวเอาไว้นะ! ถ้ายังปากเสียยั่วโมโหฉันอยู่บ่อย ๆ อย่างนี้ ระวังฉันจะเผลอตีแกจนตายเข้าสักวัน” ชายผมขาวบ่นพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่มือทั้ง 2 ข้างถูกยกขึ้นมาดัดจนกระดูกลั่นเป็นการข่มขู่แล้ว
เดวิดคำรามอย่างไม่เกรงกลัว “อย่างน้อย ๆ เรื่องพวกนั้นก็ไม่เกิดขึ้นในวันนี้แน่! อาจารย์ดูสภาพตัวเองตอนนี้ดี ๆ ก่อน สภาพอย่างนี้จะไปตีใครตายได้!”
นั่นเรียกรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมาบนใบหน้าของชายผมขาว ที่ยักไหล่ตัวเองเบา ๆ “อืม? แกอาจจะพูดถูกก็ได้ อยากลองดูมั้ย?”
เป็นคำท้าทายที่ทำให้เดวิดต้องคิดหนัก เขากระพริบตาถี่ ก่อนที่มันจะหรี่เล็กลงจนแทบจะปิด ในหัวเริ่มคำนวณความเป็นไปได้ทุกอย่าง นี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะจัดการกับตาแก่บ้านี่ แต่! ความรู้สึกลึก ๆ กลับบอกว่าไม่ควรเสี่ยง การทำแบบนั้นมันอันตรายเกินไป สัญชาตญาณในร่างกายรับรู้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นได้ ความรู้สึกที่เหมือนกับมีอะไรจ่ออยู่ที่คอหอยของตัวเอง
แล้วอีกอย่าง การรังแกคนแก่ที่หมดแรงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจอะไรเลยด้วย!! เดวิดตัดสินใจไม่โต้เถียงต่อ ก้มหน้าก้มตาจัดการกับเอกสารในมือต่อไปเงียบ ๆ
“เฮอะ! ไม่แน่จริงนี่หว่า!” เสียงบ่นพึมพำดังออกมา ก่อนที่สีหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสจะกลายเป็นจริงจังขึ้น “ตอนอ่านก็พยายามทำความเข้าใจไปด้วยล่ะ อย่าแค่อ่านผ่านตาไปแค่นั้น โดยเฉพาะในหัวข้อที่ขีดเส้นใต้เอาไว้ ส่วนพวกนั้นจะเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมาก ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนจะข้ามไปหัวข้อถัดไป
เนื้อหาทั้งหมดมีอยู่แค่ประมาณ 3,000 หน้า พยายามอ่านไล่เรียงไปตามลำดับ เนื้อหาที่ฉันใส่สีแดงเอาไว้ ถ้ายังอ่านไม่เข้าใจในครั้งแรกก็ไม่ต้องฝืน ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นเนื้อหาที่ต้องมีการลงมือจริงประกอบด้วย ถึงจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แค่จำมันเอาไว้ว่าอยู่ตรงไหน และกลับมาอ่านซ้ำหลังจากที่ลงมือแล้วเจอปัญหา” เขาเอ่ยคำเตือนออกมายาวเหยียด
เดวิดอึ้งตั้งแต่ตอนที่ได้ยินว่าเนื้อหามีอยู่ 3,000 หน้าแล้ว เวลาแค่ 1 คืน ตาแก่นี่ทำได้ยังไง? แค่เขียนอะไรไร้สาระลงไปยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นการเขียนข้อมูลในเชิงวิชาการ ไม่น่าแปลกเลยที่สภาพจะเป็นแบบนี้ มันต้องใช้พลังไปจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอนทั้งร่างกายและจิตใจ เขาพยักหน้ารับฟังคำเตือนอย่างเชื่อฟังไปเรื่อย จนในที่สุด ทำไมคำพูดมันเริ่มซ้ำ ตาแก่นี่เบลอจนลืมว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้างแล้วนี่นา!
“พอ ๆ ๆ อาจารย์ พอได้แล้วครับ! ผมเข้าใจหมดแล้ว! ส่วนอาจารย์ก็รีบไปได้แล้ว ยังต้องเตรียมตัวเดินทางไปทำภารกิจอีกไม่ใช่หรือยังไง?” เดวิดรีบเอ่ยขัดขึ้นมาทันที
“หือ? อือ? ก็จริง! เข้าใจแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย งั้นฉันไปล่ะ” อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์หมุนตัวเดินออกจากห้องทดลองไปทันทีที่กล่าวจบ
เดวิดมองตามชายผมขาวเดินจากไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขายืนนิ่งอยู่กับที่สักพัก ก่อนจะระบายลมหายใจยาวออกมา ดวงตาทอเป็นประกายอย่างมุ่งมั่น
“ผมจะไม่ทำให้ความพยายามของอาจารย์เสียเปล่าครับ” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังออกมาจากปากของเดวิดในที่สุด
.................
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สภาพในตอนนี้ของเดวิดไม่ได้ต่างจากสภาพของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ในตอนนั้นเลย อาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียด้วยซ้ำ ใบหน้านั้นซีดเผือด รอบดวงตานั้นดำคล้ำ แต่ดวงตากับมีสีแดงกล่ำไปด้วยเส้นเลือดฝอยมากมาก เช่นเดียวกันกับเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาบริเวณขมับ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่ต่างจากคนบ้า การที่ยังสามารถพยุงตัวให้อยู่ในท่านั่งได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากเลยทีเดียว
ในสายตาของบุคคลอื่นที่มองเข้าไป เดวิดกำลังนั่งอยู่ใจกลางของกลุ่มแสงหลากสีสัน มือของเขาถูกเอื้อมไปหยิบกลุ่มแสงเข้ามาจ้องมองดูอยู่เป็นระยะ บางครั้งก็คว้ากลุ่มแสง 2-3 กลุ่มมามองสลับกันไปมาเสียด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริง เดวิดกำลังศึกษาเนื้อหาบนเอกสารโฮโลแกรมอย่างขะมักเขม้น สิ่งที่ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์บันทึกไว้ให้ในคราวนี้ ไม่ใช่เนื้อหาที่จะเข้าใจได้โดยการอ่านผ่านตา เขาต้องเปิดเปรียบเทียบเนื้อหาส่วนต่าง ๆ และพยายามรื้อฟื้นเนื้อหาของความรู้พื้นฐานที่จดจำเอาไว้ในสมองก่อนหน้านี้มาประกอบด้วย นี่เป็นสาเหตุที่เอกสารเกือบทั้งหมดถูกนำออกมาวางกระจัดกระจายอยู่รอบตัวแบบนี้
ในที่สุด หลังจากอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาของเอกสารที่อยู่ในมือจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นถอนหายใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับตาอยู่กับพื้น พร้อมกับเอ่ยพึมพำออกมาเบา ๆ “เฮ้อ! จบเสียที”
ใช่! เอกสารทั้งหมด 3,000 หน้า เดวิดอ่านทำความเข้าใจรวดเดียวจนจบ นี่เป็นความมุ่งมั่นที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อคำนึงถึงนิสัยที่ไม่ได้รักการอ่านมากนักของเขา และเมื่อเดวิดเหลือบตาดูเวลาในหน้าต่างโฮโลแกรม ก็ต้องพึมพำซ้ำออกมาอีกครั้ง “หือ? ใช้เวลาไป 3 วันเลยหรือ? นานกว่าที่คิดไปหน่อย”
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดจริง ๆ เดวิดคิดว่าตัวเองน่าจะใช้เวลาแค่ไม่เกิน 1 วันในการอ่านเนื้อหาทั้งหมดผ่านตา และใช้เวลาอีก 1 วันในการทำความเข้าใจเนื้อหาในส่วนที่สำคัญ แต่กลายเป็นว่าเนื้อหานั่นครอบคลุมพื้นฐานที่กว้างมากจนเกินไป ทำให้ต้องเสียเวลารื้อค้นเนื้อหาพื้นฐานในความทรงจำออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่! 3 วัน นี่ก็ยังถือว่าเป็นความเร็วที่รับได้ ไม่ได้ช้ามากเกินไปนัก
ถ้าศาสตราจารย์อาวุโสไวท์รู้ว่าลูกศิษย์ตัวเองคิดอย่างนี้ และทำตามที่คิดได้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น เขาคงจะตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปเป็นวัน ๆ แน่ ในความคิดของชายผมขาว ต่อให้เดวิดมีความทรงจำที่ดีเยี่ยมยังไง แต่การทำความเข้าใจกับเรื่องที่ครอบคลุมพื้นฐานเกือบทั้งหมดของพันธุศาสตร์แบบนี้ ถ้าทำสำเร็จได้ใน 1 อาทิตย์ก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้ว เขาหวังว่าอย่างน้อย ๆ ลูกศิษย์น่าจะทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่ขีดเส้นใต้เอาไว้ได้หมดในเวลาเท่านั้น
ชายผมขาวคิดผิด! เดวิดใช้เวลาแค่ 3 วัน และไม่ใช่แค่เนื้อหาที่ขีดเส้นใต้เท่านั้น แม้แต่เนื้อหาสีแดงที่น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เขาก็ทำความเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ถ้าจะให้พูดตามตรง เดวิดก็ประหลาดใจกับความสามารถในการทำความเข้าใจของตัวเองอยู่เหมือนกัน
หลังจากนอนนิ่ง ๆ อยู่กับพื้นสักครู่ เดวิดก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ยกข้อมือซ้ายขึ้นมากวาดเก็บเอกสารที่อยู่รอบตัวเก็บเข้าไปในห้องสมุดเสมือน ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน และหันหน้ามองสำรวจอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ ที่วางอยู่ในห้องอย่างพิจารณา
ในเมื่อเขาเรียนภาคทฤษฎีจบแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาของภาคปฏิบัติ! ศาสตราจารย์ไวท์เตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทดลองผลิตเซรั่มพันธุกรรมเอาไว้อย่างเกินพอ ถ้าเป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดธรรมดาทั่วไป วัตถุดิบที่อยู่ในห้องนี้คงสามารถใช้งานได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแน่
เดวิดเริ่มขยับตัวเดินไปรอบ ๆ ห้อง ใช้เวลานึกทบทวนชื่อและวิธีใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องทดลองแห่งนี้ เขารู้จักอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการวิจัยทางพันธุศาสตร์ทั้งหมด เพียงแค่ยังไม่เคยเห็นของจริงเท่านั้น โดยเฉพาะกับเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัยไปกว่าวิทยาการของโลกที่แล้ว
หลังจากเดินวนครบรอบ เดวิดก็เดินกลับมายืนที่โต๊ะตัวใหญ่ที่กลางห้องอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนที่จะหันมองไปยังของที่สำคัญที่สุดในการผลิตเซรั่มพันธุกรรม พวกมันถูกวางอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่ง
ตู้เก็บความเย็น ไม่สิ! ห้องเย็นขนาดตั้งอยู่ที่มุมด้านขวาของห้องทดลองแห่งนี้ ตามที่ศาสตราจารย์ไวท์เขียนบอก ในนั้นมีชิ้นส่วนอวัยวะของสิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ และสัตว์ร้ายจำนวนมากถูกเก็บรักษาเอาไว้ สภาพของพวกมันสดใหม่ไม่ต่างจากตอนที่เพิ่งตายลงไปเลยแม้แต่น้อย...