นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 355 - ตื้นตัน
สายตาทั้ง 3 คู่หันมามองจ้องที่เดวิด!
“โอ้! ขอโทษทีครับ ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร คอมันคันแบบแปลก ๆ น่ะครับ” และเขาก็ตอบขอโทษคนทั้ง 3 ไปแบบมีมารยาท เป็นเดวิดเองที่กระแอมส่งเสียงขัดจังหวะขึ้นมา
ชายหญิงทั้ง 3 คนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พวกเขามองจ้องทำตาดุใส่เพียงครู่เดียว และก็หันกลับไปคุยกันต่อ ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ชายหนุ่มคนนั้นอธิบายซ้ำประโยคแบบเดิมออกมา
“เหมือนกับที่บอกไปเมื่อครู่นี้ การจะแยกยีนที่ผสมอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน 2 ชนิดออกมา มันจะต้องใช้เทคนิคพิเศษที่ฝึกฝนได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฝึกจะต้องมีทั้งมือที่มั่นคง สายตาที่แจ่มใส และจิตใจที่แน่วแน่สงบนิ่ง และที่สำคัญ เทคนิคพิเศษนี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะเรียนได้ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในระดับหนึ่งเท่านั้น”
เขาส่ายหน้าช้า ๆ แววตาดูมีความเสียใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากไปกว่านั้น เป็นผู้หญิง 2 คนที่รีบขยับตัวเข้าไปยืนชิดกับชายหนุ่มมากขึ้น และเอ่ยปากออกมาอย่างร้อนใจ “นักพันธุศาสตร์เซลวา! อย่าเพิ่งตัดรอนกันตั้งแต่ตอนนี้สิคะ
พวกเราพร้อมที่จะทำทุกอย่างเลย ขอเพียงเปิดโอกาสให้พวกเราได้เรียนรู้เทคนิคพิเศษที่ว่านั่น ไม่ว่าคุณต้องการให้พวกเราตอบแทนด้วยอะไร? ก็บอกมาได้เลย” ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้ง 2 คนจะไม่ค่อยร่ำรวยสักเท่าไร เพราะตอนนี้หน้าอกของพวกเธอแนบชิดติดกับแขนของอีกฝ่ายเป็นการเสนอค่าตอบแทนที่ตัวเองมี แทนที่จะพูดถึงเรื่องจำนวนคะแนนจีโนแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้เดวิดทนไม่ได้ต้องกระแอมไอเสียงดังกว่าเดิมออกมา
สายตาทั้ง 3 คู่หันมาจ้องมองที่เดวิดอีกครั้ง สองสาวนั้นจ้องมาด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย ส่วนหนึ่งชาย! นอกจากความรำคาญ สายตานั้นยังแฝงไปด้วยความดุร้ายอยู่อีกไม่น้อย
“นี่เจ้าหนู! มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า กระแอมบ่อยอย่างนี้น่ะ?”
หนังตาของเดวิดกระตุกไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกของชายหนุ่มคนนั้น เจ้าหมอนี่อายุไม่ถึงครึ่งของอายุจริงของเขา ต่อให้เทียบกับร่างนี้ ก็แก่กว่าแค่ 2-3 ปีเท่านั้น แต่ยังกล้ามาเรียกคนอื่นว่าเจ้าหนู! ไม่ได้เจียมตัวเองเลยจริง ๆ
แต่นั่นเป็นแค่สิ่งที่เดวิดคิดอยู่ในใจ เขาเข้ามาในอาคารนี้เป็นวันแรก ยังไม่ต้องการจะสร้างเรื่องยุ่งยากอะไรให้เกิดขึ้นมาเร็วขนาดนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดคือส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“ไม่มีครับ ผมคันคอจริง ๆ”
ชายคนนั้นสีหน้าแสดงว่าไม่ค่อยเชื่อคำแก้ตัวของเดวิดเท่าไรนัก แต่ก็แค่คำรามอยู่ในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเหมือนเดิม
“พวกเธอทั้งคู่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงแม้คนอื่นจะถือว่าเทคนิคนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่กับฉันแล้วมันไม่ได้มีอะไรมาก พวกเธอโชคดีแล้วที่ได้เจอกับคนใจกว้างแบบฉัน เรื่องค่าตอบแทนอะไรไม่ต้องพูดถึงกันเลย รับรองได้ว่าฉันจะหาวิธีช่วยอย่างเต็มที่ รับรองว่าพวกเธอจะได้ฝึกใช้เทคนิคพิเศษนั้นแน่นอน”
“ต้องขอบคุณคุณเซลวามากจริง ๆ เลย!”
สองสาวสวยยิ้มแก้มบาน ขยับตัวเข้าไปถูไถกับร่างของชายหนุ่มอย่างแนบสนิทมากยิ่งกว่าเดิมอีก เหมือนกับพยายามจะจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าให้กับเขาก่อนตั้งแต่ตอนนี้เลย
“ฮ่าฮ่า! ไม่ต้องขอบคุณอะไรเลย เดี๋ยวพวกเราไปคุยกันต่อที่ห้องทดลองดีกว่า ฉันพอจะมีเวลาอยู่บ้าง” เซลวาหัวเราะร่าออกมา แววตาเริ่มมีอารมณ์หื่นกระหายปรากฏ และเมื่อลิฟต์หยุดตัวลง พวกเขาทั้ง 3 คนก็พากันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เดวิดยืนกระพริบตาถี่อยู่ในนั้นคนเดียว
เขายกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแกรก ๆ ความสงสัยและสับสนก่อตัวขึ้นในหัว เดวิดมั่นใจอย่างมากว่าการแยกยีนออกจากกัน ไม่ได้ต้องการเทคนิคพิเศษอะไรเลย มันแทบจะไม่ต้องใช้คนทำเสียด้วยซ้ำ แล้วจะต้องไปฝึกเทคนิคอะไรทำไม?
ถ้าเขาจำไม่ผิด! และมันไม่ควรจะผิดด้วย ในตำรากล่าวถึงวิธีการเอาไว้ชัดเจน และมันง่ายเป็นอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ แค่ละลายยีนที่ปนกันอยู่ใส่ลงในหลอดแก้ว แล้วก็นำไปเหวี่ยงด้วยเครื่องเซนติฟิวความเร็วสูง ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว มันจะต้องใช้เทคนิคพิเศษตอนไหน? ตอนวางหลอดทดลองเข้าเครื่องอย่างนั้นเหรอ?
เดวิดได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะลบเรื่องราวไร้สาระพวกนี้ออกไปจากหัว เท่าที่เขาเห็น ต่อให้ฝ่ายชายพยายามสร้างเรื่องเพื่อหลอกกินตับ แต่ฝ่ายหญิงทั้ง 2 คนนั่นก็ไม่เบาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคราวนี้จริง ๆ แล้วเป็นใครหลอกใครกันแน่
ในที่สุด! ลิฟต์ก็มาหยุดยังชั้นที่เป็นจุดหมายของเดวิด เขาเดินตามลูกศรนำทางที่ข้อมือไปเรื่อย ๆ จนพาตัวเองมายืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องทดลองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่มีชื่อห้องทดลองระบุเอาไว้ มีเพียงป้ายคำเตือนที่มีตัวหนังสือขนาดใหญ่เขียนเอาไว้บนนั้น ผู้ที่จะเข้าไปในห้องทดลองทุกคนต้องสวมเสื้อคลุม และต้องสวมถุง จะเป็นถุงมือหนังหรือถุงมือยางก็ได้
เดวิดหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าที่ชั้นนี้ก็มีราวแขวนเสื้อคลุมกระจายอยู่ทั่วไปด้วยเช่นกัน และที่ข้างราวพวกนั้นมีกล่องถุงมือยางวางเตรียมเอาไว้ให้อย่างพร้อมสรรพ เขาก้าวไปหยิบถุงมือมาสวม ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทดลอง
สภาพของห้องทดลองด้านในไม่ต่างจากที่เดวิดคิดเอาไว้มากนัก มันเป็นห้องสีขาวขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ที่กลางห้องมีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่เพียงตัวเดียว ส่วนเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ถูกจัดเรียงติดชิดอยู่ที่ผนังอย่างเป็นระเบียบ ถ้าไม่นับว่าเครื่องมือที่วางอยู่ในห้องนั้นแปลกตา สภาพแวดล้อมของห้องทดลองนี้ก็ไม่ได้ต่างจากห้องทดลองวิทยาศาสตร์ในโลกใบเก่ามากนัก
และในห้องทดลองแห่งนี้กำลังมีคนทำงานอยู่ เป็นศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการจดบันทึกอะไรบางอย่างลงไปบนกระดานโฮโลแกรม สลับกับการก้มลงจ้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง ดูเหมือนว่าสมาธิของเขาจะอยู่กับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ ต้องใช้เวลาสักพักทีเดียวกว่าจะสังเกตุว่าในห้องนี้มีคนเดินเข้ามา
“โอ้! มาแล้วอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงได้มาเช้านักล่ะ” สภาพของชายผมขาวตอนนี้ไม่ได้ดูดีมากนัก เส้นผมที่เคยขาวสลวยเงางามกลายเป็นเหลืองซีดไร้ประกาย เสื้อผ้าบนร่างกายดูยุ่งเหยิงไปหมด บนใบหน้า! ถุงสีดำใต้ตาปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัด สภาพของเขาเหมือนไม่ได้นอนมาสัก 1 อาทิตย์เต็ม ๆ แล้ว
เดวิดประหลาดใจกับสภาพที่ตัวเองเห็นในตอนนี้ไม่น้อย เวลาแค่วันเดียว ไม่สิ! แค่คืนเดียว ทำไมอาจารย์ของตัวเองถึงได้โทรมลงไปได้มากแบบนี้
“เอาเถอะ! ในเมื่อมาแล้วก็มารับข้อมูลพวกนี้ไปอ่าน ฉันรวบรวมจุดสำคัญของการผลิตเซรั่มพันธุกรรมพื้นฐาน รวมถึงปัญหาระหว่างการผลิต ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยของนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดมือใหม่ ในนี้ระบุวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเอาไว้อย่างคบถ้วนแล้ว เธอมาเอาไปศึกษาก่อนจะลงมือปฏิบัติจริง”
สีหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์กลายเป็นดูบิดเบี้ยวเล็กน้อยตอนที่หยุดคำพูดของตัวเองลง รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เป็นเรื่องที่แปลกมาก ร้อยวันพันปีไม่เคยเกิดขึ้น แต่คราวนี้! ทางสถาบันส่งฉันออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอก แถมยังเป็นภารกิจที่ต้องใช้เวลาถึง 2 เดือน นั่นหมายความว่าเธอต้องศึกษาทั้งหมดด้วยตัวเองไปก่อนในระหว่าง 2 เดือนนี้”
เดวิดใช้เวลาไม่นานนักในการทำความเข้าใจกับคำพูดนั้น และเมื่อรวมกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขากระตุกเต้นผิดจังหวะขึ้นมาเล็กน้อยทันที ตาแก่นี่ใช้เวลาทั้งคืนมานั่งจดบันทึกรายละเอียดบทเรียนให้อย่างนั้นหรือ? เพราะรู้ว่าตัวเองจะถูกส่งตัวไปทำภารกิจนอกสถาบันอย่างนั้นใช่มั้ย?
ดวงตาของเดวิดเปียกชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้ดีว่าการที่ชายผมขาวทำอย่างนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเพื่อจะรักษาหน้าและรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เดวิดตื้นตันใจ ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและทรงพลังอยู่ในสภาพหมดแรงและโทรมลงจากปกติมากขนาดนี้ ความพยายามที่อีกฝ่ายทุ่มเทลงไปเพื่อให้เขาสามารถทำภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้นี้ให้สำเร็จนั้นมหาศาลจริง ๆ
ความรู้สึกอันอบอุ่นผุดขึ้นมาในหัวใจ เดวิดพยายามจะเอ่ยปากกล่าวคำขอบคุณออกไป แต่ไม่สำเร็จ ความตื้นตันมันเอ่อล้นจนเขาต้องหันหน้าหนี พยายามไม่ให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาที่เริ่มรื้นออกมาคลอเบ้า....