นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 354 - การฝึกฝนเพื่อเป็นนักพันธุศาสตร์
ห้องทำงานของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ตกอยู่ในความเงียบงัน ชายผมขาวผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังก้มหน้าลงอ่านรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในแผ่นกระดาษโฮโลแกรมด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด
หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลังเลเล็กน้อย “มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อาจจะมีใครมาดัดแปลงแก้ไขรายละเอียดของภารกิจทดแทน แต่! มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก อย่างน้อย ๆ ใครคนนั้นต้องมีอำนาจระดับเดียวกันกับศาสตราจารย์อาวุโส หรืออย่างน้อย ๆ ก็ได้รับคำอนุญาตมาจากพวกเขาคนใดคนหนึ่งก่อน”
และชายผมขาวก็พึมพำต่อ “สร้างเซรั่มพันธุกรรมระดับพื้นฐาน 3 ชนิด? หึ! เวลาแค่ 3 อาทิตย์ หึหึ! ต่อให้เป็นนักพันธุศาสตร์อัจฉริยะยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้เลย นี่มันจะน่าตลกเกินไปแล้ว
เดี๋ยวฉันจะลองดูสักหน่อยว่าใครมันกล้าเล่นตลกอย่างนี้?” รอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏออกมาที่มุมปาก
หน้าต่างโฮโลแกรมของระบบส่วนตัวถูกเปิดขึ้น นิ้วจากมือทั้ง 2 ข้างขยับอย่างพริ้วไหวลงไปบนหน้าจอนั้นอย่างต่อเนื่อง สีหน้าที่เรียบเฉยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน แววตาเริ่มมีโทสะปรากฏ แรงกดที่นิ้วดูจะรุนแรงขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน แววตาก็ทอเป็นประกายสับสนสงสัยออกมา ก่อนที่นิ้วจะถูกกดลงไปอย่างรัวเร็วมากขึ้น
ในที่สุด ชายผมขาวก็หยุดมือของตัวเองลง ใบหน้าถูกส่ายไปมาช้า ๆ อย่างระอา หน้าต่างโฮโลแกรมถูกปิดตัวลง เขาเอนตัวลงไปกับพนักพิงของเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นพึมพำพร้อมกับถอนหายใจ
“หึ! น่าจะรู้อยู่แล้ว! นอกจากยัยนั่นจะเป็นใครไปได้อีก” การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในภารกิจของนักเรียน ศาสตราจารย์อาวุโสสามารถทำได้เองเลย แต่ถ้าเป็นภารกิจทดแทนการทดสอบแบบนี้ มันต้องได้รับคำอนุญาตจากศาสตราจารย์ใหญ่ด้วย
และตามปกติ ศาสตราจารย์ใหญ่จะไม่ได้สนใจเนื้อหาของภารกิจที่ถูกนำเสนอขึ้นไปมากนัก และจะอนุมัติไปตามรายละเอียดที่ถูกนำเสนอขึ้นมา แต่คราวนี้ ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ใหญ่จะเป็นคนเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของภารกิจนี้ด้วยตนเองเลย คงจะมีคนใกล้ชิดคอยเป่าหูว่าลูกศิษย์ที่เขาเพิ่งรับเข้ามาใหม่มีพรสวรรค์สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ และตาแก่นั้นคอยหาโอกาสจะสร้างความยุ่งยากให้กับเขาอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายมากนัก
และคนที่สามารถชี้นำโน้มน้าวศาสตราจารย์ใหญ่ได้ ก็คงจะไม่พ้นศาสตราจารย์อาวุโสสักคนหนึ่ง ชายผมขาวไม่ต้องเสียเวลาคิดมากนักก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าเป็นใคร คนที่กล้าต่อกรกับเขาแบบซึ่งหน้าได้มีอยู่ไม่กี่คน มันไม่ยากเลยที่จะสรุปว่าใครอยู่เบื้องหลังความยุ่งยากในครั้งนี้
เดวิดที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทางของอาจารย์ตัวเองดูแปลกประหลาดไม่น้อย ยังมีใครทำให้ตาแก่บ้าคนนี้ถอนหายใจได้ด้วยหรือ?
หลังจากที่กลับมาจากสนามฝึกซ้อมของชั้นเรียนวิชาทักษะการต่อสู้ เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อตรวจสอบว่าภารกิจที่ได้รับมานั้นถูกต้องจริง ๆ หรือไม่ และจากอาการของตาแก่ผมขาว ภารกิจนี้น่าจะมีปัญหาจริง ๆ
การฝึกฝนนักเรียนสักคนให้เป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัด แม้จะมีเวลาให้ 3 เดือนก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ การที่ภารกิจระบุให้เขาผลิตเซรั่มพื้นฐานขึ้นมา 3 ชนิด มันเป็นเงื่อนไขที่ยากกว่าการทดสอบเป็นนักพันธุศาสตร์ฝึกหัดเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องนับว่ายังมีการจำกัดระยะเวลาแค่ 3 อาทิตย์เลย
คุณสมบัติของนักพันธุศาสตร์ฝึกหัด! มันเป็นแค่เพียงต้องสามารถผลิตเซรั่มพันธุกรรมพื้นฐานขึ้นมาได้ 1 ชนิด ในอัตราการประสบความสำเร็จที่ไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแค่นี้ก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งแล้วที่จะทำได้ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน จำนวนการทดลองที่จะต้องใช้เพื่อฝึกฝนตัวเองให้คุ้นเคยกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการผลิต และเก็บรวบรวมองค์ความรู้ที่ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง มันมากมายมหาศาลเกินกว่าจะยัดลงไปในระยะเวลา 3 เดือนได้
ในตอนแรก เดวิดคิดว่ามีใครบางคนต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับตัวเอง เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในสถาบันคนหนึ่ง การเป็นไม้ใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับลมแรงเป็นเรื่องปกติ ความตั้งใจของเดวิดที่มาที่นี่ก็เพื่อจะให้อาจารย์ของตนแก้ปัญหาให้ แต่กลายเป็นว่า ชายผมขาวกับถอนหายใจยาวเสียอย่างนั้น นี่เขาคือผู้รับเคราะห์ใช่มั้ย? เป้าหมายไม่ใช่ตัวเอง แน่เป็นตาแก่นี่ต่างหาก!!
“อาจารย์! หมายความว่านี่ไม่ใช่ความผิดของผมใช่มั้ยครับ? ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ เจ้านั่นเล็งเป้าไปที่อาจารย์ ไม่ใช่ผม!” เดวิดหรี่ตา ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบา ๆ
ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์สะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมามองเดวิด ก่อนจะกระแอมออกมาเล็กน้อย “หือ? ยังสรุปอย่างนั้นไม่ได้หรอก เธอก็สร้างศัตรูเอาไว้ไม่น้อย บางทีพวกนั้นอาจจะเล็งเป้าที่เธอนั่นแหละ แค่ใช้ช่องทางของคนที่ไม่ชอบหน้าฉันเท่านั้น อย่าเพิ่งรีบสรุปไป!”
เดวิดคำรามสวนออกมาอย่างไม่ชอบใจกับคำแก้ตัวของอีกฝ่ายนัก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาโต้เถียง สิ่งที่ชายผมขาวพูดก็มีความเป็นไปได้สูงไม่น้อย
“หึ! แล้วถ้าเกิดผมทำภารกิจนี้ได้สำเร็จจะเป็นยังไง? ถ้าผมเกิดผลิตเซรั่มพื้นฐาน 3 ชนิดสำเร็จได้ทันเวลา จะได้อะไรตอบแทน หรือว่ามีผลดีแค่ไหนครับ?”
ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์จ้องหน้าเดวิดเขม็ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากตำหนิที่เดวิดแสดงความมั่นใจอย่างเกินตัวออกมา เพียงแค่ถอนหายใจยาว
“ถ้าทำสำเร็จ? พรสวรรค์ของเธอก็จะดึงดูดความสนใจของศาสตราจารย์ใหญ่ได้ ถ้าท่านอารมณ์ดี ก็อาจจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ส่วนตัว แต่...” สีหน้าของชายผมขาวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ เธอก็จะสูญเสียโอกาสนั่นไปเลยเช่นกัน ไม่มีทางที่ท่านจะหันมามองและให้โอกาสเธออีกเป็นครั้งที่ 2 แน่ ต่อให้ในอนาคตเธอจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม”
สีหน้าของเดวิดดูสับสน เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ตาแก่คนนี้เพิ่งพูดออกมา “แล้วการที่ศาสตราจารย์ใหญ่สนใจมันมีประโยชน์อะไร?” แค่คนแก่คนหนึ่งให้ความสนใจ มันจะดีอะไรนักหนา? ตาแก่นั่นจะเลี้ยงข้าวเขาอย่างนั้นหรือ?
ชายผมขาวคำรามอยู่ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มออกมา “ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยใช่มั้ย? ถ้าสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอย่างศาสตราจารย์ใหญ่ให้คำแนะนำ ต่อให้เป็นแค่เรื่องเดียว ประโยคเดียว! มันก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนชีวิตคนฟังได้
แล้วอีกอย่าง แม้ว่ามันจะมีแผนที่ทางพันธุกรรมจำนวนมากอยู่ในหอสมุด แต่เกือบทั้งหมดนั่นก็เป็นผลงานของศาสตราจารย์ใหญ่เอง ขั้นตอนการฝึกฝนไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ท่านไม่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
เอาเถอะ! การมาพูดกันอยู่ที่นี่เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ลองดูของจริงคงจะทำอะไรต่อไปไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าเธอไปพบกับฉันที่ห้องทดลอง อย่างน้อย ๆ ก็ต้องลองกันดูสักตั้ง ใช้เวลา 2-3 อาทิตย์นี้สอนเรื่องนี้ไปในตัวด้วย ถ้าสำเร็จก็ดีไป ถ้าไม่สำเร็จ เธอก็ต้องไปรับภารกิจทดแทนใหม่มาทำเท่านั้น”
หลังจากกล่าวจบ ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ก็โบกมือไล่ให้เขาออกไปจากห้องทำงาน ซึ่งเดวิดก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่โต้เถียงหรือกวนอารมณ์ของอาจารย์ตัวเองอีก เขารู้ดีว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตาแก่ในห้องนั่นโกรธเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
....................
เช้าวันต่อมา เดวิดลุกขึ้นจากเตียงเร็วกว่าปกติ หลังจากที่ขยับตัวเพื่อทบทวนฝึกฝนทักษะต่าง ๆ อย่างละเล็กละน้อย เขาก็เริ่มทำความสะอาดร่างกาย ทำธุระตอนเช้าทั้งหมดให้เสร็จสิ้น แล้วก็แต่งตัวเดินออกจากห้องพักออกมา มุ่งหน้าไปยังห้องทดลองตามลูกศรของโปรแกรมนำทางที่ปรากฏอยู่ที่ข้อมือทันที
วันนี้เดวิดตื่นเช้ากว่าปกติมาก ทำให้เขาตัดสินใจไม่เรียกใช้เรือเหาะสาธารณะ แต่ตัดสินใจที่จะเดินทางไปด้วยเท้าแทน มันจะเป็นการช่วยปรับสภาพจิตใจให้ผ่อนคลายก่อนที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ไปด้วยในตัว
ห้องทดลองที่เดวิดจะต้องใช้ในวันนี้อยู่ไม่ห่างจากห้องทดลองพลังงานมากนัก มันตั้งอยู่ในอาคารทรงกลมขนาดใหญ่ที่รูปร่างคล้ายกับเกี๊ยวซ่าของคนญี่ปุ่นไม่มีผิด ตัวอาคารนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนความสูง เท่าที่เห็นก็น่าจะประมาณ 300 เมตรเท่านั้น!
เดวิดเคยเห็นอาคารนี้ผ่านตามาแล้วหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตมันใกล้ ๆ อย่างเต็มตา ก่อนจะยกไหล่ให้กับรูปร่างที่แปลกประหลาดของมัน แล้วก็ตัดสินใจเดินผ่านประตูทางเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ด้านในตัวอาคารไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่เห็นจากภายนอก มีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ไม่น้อย แม้ว่ามันจะเป็นเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ไม่แน่ใจว่าพวกเขามากันแต่เช้า หรือไม่ได้กลับไปพักผ่อนตั้งแต่เมื่อคืน เดวิดมองดูพวกเขาแล้วก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะกวาดตาหันมองไปรอบ ๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสวมเสื้อคลุมสีขาวกันทุกคน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชุดทำงานของที่นี่ เดวิดไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปหยิบมันลงมาจากราวแขวนที่มีตั้งอยู่ทุกมุมตัวหนึ่ง เมื่อสวมเสื้อคลุมเข้าไปแล้ว เขาก็กลมกลืนไปกับทุกคนแบบไม่มีความแตกต่าง หลังจากที่ก้มมองดูลูกศรนำทางอีกครั้ง เดวิดก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในลิฟต์ตัวหนึ่งได้ในที่สุด
ในลิฟต์ไม่ได้ว่างเปล่า มีคนที่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ก่อนหน้าเขา 3 คน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาด้วยกัน ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มกำลังยืนพูดบอกอะไรให้กับผู้หญิงอีก 2 คนฟัง ซึ่งพวกเธอก็มีสีหน้าที่จริงจัง และพยักหน้ารับอยู่เป็นระยะ
เดวิดไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ยืนพิงตัวอยู่กับผนังของลิฟต์ห่างออกมาเล็กน้อย แต่ประสาทหูของเขาดีเกินกว่าที่จะไม่ได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
“การจะแยกยีน 2 ชนิดที่ผสมรวมเป็นเนื้อเดียวออกจากกันได้ จะต้องใช้เทคนิคพิเศษเข้าช่วย และการจะใช้เทคนิคพิเศษนั้นได้ จำเป็นจะต้องมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคม สายตาและการเคลื่อนไหวของมือที่แม่นยำ”
“อะแฮ่ม!”....