ตอนที่แล้วตอนที่ 179 : มือที่สาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 181 : หนึ่งดาบผ่าค่ายกล

[ตอนฟรี] ตอนที่ 180 : แผนการของเย่ซิงหยุน


“ตระกูลโบราณจากดินแดนอมตะ!” โม่ฝานดูหวาดกลัวสุดขีด แต่ยังคงมีอาการต่อต้านอยู่

หลังจากที่ได้เผชิญกับตระกูลจวิน เขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อ “ตระกูลโบราณ” แม้แต่น้อย

“วางใจเถอะ ตระกูลเย่โบราณของข้ากับตระกูลจวินโบราณนั้นไม่เหมือนกัน และข้าเองก็มีเรื่องส่วนตัวกับจวินเซียวเหยาด้วย!” เย่ซิงหยุนหรี่ตาพูด

โม่ฝานจึงเข้าใจในทันที

ปรากฏว่าอัจฉริยะจากตระกูลเย่คนนี้กับบุตรพระเจ้าตระกูลจวินเป็นปรปักษ์ต่อกันนี่เอง

แล้วทำไมเย่ซิงหยุนถึงช่วยเขาไว้ล่ะ?

“เรียนนายน้อยจากดินแดนอมตะ แม้ว่าข้าจะรู้สึกขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้า แต่ท่านช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม?” โม่ฝานรู้สึกสงสัย

ต่อให้เย่ซิงหยุนมีความแค้นกับจวินเซียวเหยา แล้วคนตัวเล็กตัวน้อยแบบเขามันเกี่ยวอะไรด้วย

แม้ว่าโม่ฝานจะเติบโตขึ้นมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกเพ่งเล็งจากอัจฉริยะแห่งดินแดนอมตะอยู่ดี

“เจ้ามักจะฝันเห็นพระราชวังแห่งดวงดาวกับร่างร่างหนึ่งใช่รึเปล่า?” เย่ซิงหยุนมองอย่างลึกซึ้งและถาม

โม่ฝานตัวสั่นสะท้านทันที ดวงตาของเขาสั่นไหวและมองเย่ซิงหยุนด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง

นี่คือความลับที่เขาเก็บงำไว้ในส่วนลึกของหัวใจ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้

แม้แต่คนในพระราชวังพิภพอนันต์ก็ยังไม่รู้เลย

“ดูแล้วคงจะใช่สินะ” เย่ซิงหยุนยิ้ม

แล้วทำไมเย่ซิงหยุนถึงพุ่งเป้ามาที่โม่ฝาน?

เหตุผลง่ายมาก

หลังจากปลุกความทรงจำเพิ่มเติมในหอเทียนเต้า เย่ซิงหยุนก็ได้ตรวจสอบข้อมูลมากมาย

สุดท้ายเขาก็มุ่งเป้าไปที่ยอดฝีมือในตำนาน จ้าวดาราอู๋จี๋

ต้นกำเนิดของจ้าวดาราอู๋จี๋มาจากทวีปดวงดาวในแดนเบื้องล่าง

ดังนั้นเย่ซิงหยุนจึงตัดสินใจลงมาที่ทวีปดวงดาวโดยไม่ลังเล

ทันทีที่เขามาถึงทวีปดวงดาว ความรู้สึกลึกลับนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

บางที นี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่ฟ้ากำหนด

เย่ซิงหยุนค้นหามาตลอดทาง และพบเข้ากับโม่ฝานในที่สุด

แต่ตอนนั้นสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว และสถานการณ์ก็ตกอยู่ในความโกลาหลสุดๆ เย่ซิงหยุนจึงไม่ได้ลงมือ

ต่อมา การมาถึงของจวินเซียวเหยาก็ทำให้เย่ซิงหยุนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาจึงหลบไปอยู่ห่างๆ และไม่กล้าปรากฏตัว

เผชิญหน้ากับจวินเซียวเหยา เย่ซิงหยุนมีหลักการเพียงข้อเดียว

มั่นคง!

มั่นคง!

มั่นคงอีก!

มั่นคงเข้าไว้ แล้วจะรอด!

เย่ซิงหยุนกลัวจวินเซียวเหยามาก ตราบใดที่ยังไม่ได้ครอบครองสมบัติและโอกาสจากพระราชวังแห่งดวงดาว เขาจะไม่ออกไปสู้กับจวินเซียวเหยาโดยเด็ดขาด

จนกระทั่งต่อมา เมื่อเห็นว่าโม่ฝานกำลังจะโดนอี้ยวี่จับตัวได้ เย่ซิงหยุนจึงจำใจต้องลงมือ

เมื่อเห็นความลับของตัวเองถูกเปิดเผย โม่ฝานก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อนายน้อยรู้ความลับของข้าแล้ว ท่านวางแผนจะทำอะไรต่อไป?”

เย่ซิงหยุนยิ้มและกล่าว “วางใจเถอะ ไม่เพียงข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เจ้าน่าจะมีโชคชะตาบางอย่างซ่อนอยู่ในตัว โชคชะตานั่นอาจเป็นกุญแจในการเปิดสมบัติของวังแห่งดวงดาว”

เมื่อโม่ฝานได้ยินเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงร่างแห่งดวงดาวในตัวเขาทันที

นั่นเป็นกุญแจในการเปิดสมบัติของพระราชวังแห่งดวงดาวเหรอ?

แม้ว่าโม่ฝานจะยังไม่เชื่อ แต่สิ่งที่เย่ซิงหยุนพูดมาจนถึงตอนนี้ก็ถูกต้องทั้งหมด

“สิ่งที่อยู่ในตัวเจ้าจะช่วยให้เราพบสมบัติของวังแห่งดวงดาว เมื่อถึงเวลา เจ้าเองก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วยเช่นกัน แล้วข้ายังสามารถช่วยให้เจ้าได้เป็นผู้ติดตาม กลับขึ้นไปสู่ดินแดนอมตะได้อีกด้วย” เย่ซิงหยุนกล่าวอย่างเรียบเฉย

เขาถือว่านี่คือความกรุณาแล้ว

สีหน้าของโม่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาเป็นถึงตัวเอกของโลกใบนี้ จะเป็นผู้ติดตามของคนอื่นได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม โม่ฝานไม่ได้แสดงอาการออกมา แต่ตอบกลับ “งั้นข้าขอตัวกลับวังพิภพอนันต์ก่อน”

เมื่อได้ยิน เย่ซิงหยุนก็ส่ายหัวและแค่นเสียงเยาะเย้ย “ไม่ต้องกลับหรอก”

“ท่านหมายความว่ายังไง?” โม่ฝานขมวดคิ้ว

“ดูจากนิสัยของจวินเซียวเหยาแล้ว ข้าเกรงว่าวังพิภพอนันต์ของเจ้าคงจะไม่เหลืออยู่แล้วล่ะ เราไปหาสมบัติของวังแห่งดวงดาวกันเลยดีกว่า” เย่ซิงหยุนโบกมือ

โม่ฝานแอบกัดฟันอย่างลับๆ

และสถานการณ์ก็เป็นไปตามที่เย่ซิงหยุนคาดการณ์ไว้

หลังจากทำลายเผ่าคนบาปแล้ว จวินเซียวเหยาก็นำทัพบรรพชนตงเฉวียน เจ้านิกาย และแนวรบ มุ่งตรงไปยังฐานทัพหลักของพระราชวังพิภพอนันต์

พระราชวังพิภพอนันต์ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ผาดาวเหนือ

ในฐานะที่เคยเป็นผู้ปกครองของทวีปดวงดาว พระราชวังพิภพอนันต์ก็มีรากฐานที่ลึกซึ้งพอสมควร

มีแม้แต่ค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานนักบุญได้ระยะหนึ่ง

ข่าวที่ยอดฝีมือจากตระกูลจวินลงมายังดินแดนเบื้องล่างและช่วยนิกายเสวียนเทียนกวาดล้างเผ่าคนบาปก็แพร่กระจายไปทั่วทวีปดวงดาวเร็วมากเหมือนกัน

พระราชวังพิภพอนันต์รู้ตัวว่าต้องเจอกับของศัตรูที่น่ากลัว พวกเขาจึงรีบเปิดค่ายกลป้องกัน และระดมพลยอดฝีมือเพื่อรับศึก

พวกเขาเลือกที่จะไม่หนี เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนี

และที่บริเวณเชิงเขาของผาดาวเหนือ ขุมกำลังจำนวนมากต่างมารอรับชมความสนุก

เพราะศึกครั้งนี้จะชี้ชะตาว่าใครจะได้เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทวีปดวงดาว

หากนิกายเสวียนเทียนชนะ นิกายเสวียนเทียนก็จะกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่

แต่หากแพ้ วังพิภพอนันต์ก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งอำนาจต่อไป

แต่ครั้งนี้ มันเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเข้าข้างฝ่ายวังพิภพอนันต์เลย

ท้ายที่สุดแล้ว นิกายเสวียนเทียนก็มีความช่วยเหลือจากตระกูลจวิน

และความแข็งแกร่งของยอดฝีมือจากดินแดนอมตะก็ถือได้ว่าไร้เทียมทานในแดนเบื้องล่าง

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าคราวนี้ พระราชวังพิภพอนันต์ที่สืบทอดมานาน คงถึงเวลาที่จะต้องล่มสลายอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ” ชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งส่ายหัว

เขาคือโอรสดาราสวรรค์จากสำนักดาวตก ซึ่งเป็นสำนักใหญ่ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งดวงดาว

“แต่พระราชวังพิภพอนันต์ก็เป็นผู้ปกครองของทวีปดวงดาวนะ ต่อให้มีตระกูลจวินช่วย จะทำลายให้สิ้นซากคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง ใช่ไหม?” ชายร่างท้วมผมสีแดงส่ายหัว

ชื่อของเขาคือ จ้าวเลี่ย จากสำนักเทพอัคคี ซึ่งคล้ายคลึงกับสำนักดาวตกที่เป็นรองเพียงพระราชวังพิภพอนันต์และนิกายเสวียนเทียน

“ข้าได้ยินมาว่าบุตรพระเจ้าตระกูลจวินนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสะบัดดาบแค่ครั้งเดียว คนจากวังพิภพอนันต์ก็ตกตายกันหมด”

“ขนาดโม่ฝาน อัจฉริยะแห่งวังพิภพอนันต์ที่ช่วงนี้มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังไม่กล้าท้าทาย แถมวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอีก”

สาวร่างท้วมในชุดวังสีแดงสดยิ้ม

นางมีดวงตาสีแดงดุจฟีนิกซ์ ผิวขาวเหมือนครีม และหุ่นอวบอ้วน ผมสีดำของนางถูกเกล้าขึ้นโดยมีดอกโบตั๋นติดอยู่

“โอ้ ดูเหมือนท่านนักบุญฉู่จะเกิดความหวั่นไหวนะ?” โอรสดาราสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ

สตรีในชุดวังสีแดงมีนามว่า ฉู่หงอี้ นางเป็นนักบุญหญิงของนิกายบัวสีชาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปดวงดาว และเป็นคนที่สูงส่งพอสมควร

“ฮิฮิ แค่ได้ยินข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับบุตรพระเจ้าตระกูลจวิน มันก็ทำให้ข้าอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นแล้ว” ฉู่หงอี้ไม่อาย และพูดอย่างมีเสน่ห์

“ฮึ่ม ข้าเกรงว่าพวกอัจฉริยะจากดินแดนอมตะจะดีแต่เปลือก แต่ข้างในเน่าเฟะนี่สิ พวกที่ล้มเหลวก็มีไม่น้อยเถอะ” จ้าวเลี่ยพ่นลมจมูกอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยิน

“จุ๊ จุ๊ เหมือนข้าได้กลิ่นเหม็นตุๆ” โอรสดาราสวรรค์จุ๊ปากและส่ายหัว

เรื่องที่จ้าวเลี่ยชอบฉู่หงอี้ไม่ได้เป็นความลับ

“ข้าคิดว่าวันนี้บุตรพระเจ้าตระกูลจวินน่าจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจอยู่พอสมควรนะ” ฉู่หงอี้กล่าว

พวกเขามาที่นี่เพื่อรอรับชมการต่อสู้ระหว่างนิกายเสวียนเทียนและพระราชวังพิภพอนันต์ และเพื่อดูหน้าบุตรพระเจ้าที่เขาร่ำลือกัน

“เหอะ หงอี้ อย่าไปอะไรมากกับบุตรพระเจ้าตระกูลจวินเลย เดี๋ยวเขาก็ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก” จ้าวเลี่ยพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

“งั้นก็รอดู” ฉู่หงอี้พูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

ขณะนั้นเอง ไกลออกไปบนท้องฟ้า จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันทรงพลังและเจตนาฆ่าฟันก็แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง

แรงกดดันนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าและผืนปฐพี!

“เริ่มแล้วสินะ หลังจากการต่อสู้วันนี้ มันจะเหลือผู้ปกครองทวีปดวงดาวเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด