[ตอนฟรี] ตอนที่ 180 : แผนการของเย่ซิงหยุน
“ตระกูลโบราณจากดินแดนอมตะ!” โม่ฝานดูหวาดกลัวสุดขีด แต่ยังคงมีอาการต่อต้านอยู่
หลังจากที่ได้เผชิญกับตระกูลจวิน เขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อ “ตระกูลโบราณ” แม้แต่น้อย
“วางใจเถอะ ตระกูลเย่โบราณของข้ากับตระกูลจวินโบราณนั้นไม่เหมือนกัน และข้าเองก็มีเรื่องส่วนตัวกับจวินเซียวเหยาด้วย!” เย่ซิงหยุนหรี่ตาพูด
โม่ฝานจึงเข้าใจในทันที
ปรากฏว่าอัจฉริยะจากตระกูลเย่คนนี้กับบุตรพระเจ้าตระกูลจวินเป็นปรปักษ์ต่อกันนี่เอง
แล้วทำไมเย่ซิงหยุนถึงช่วยเขาไว้ล่ะ?
“เรียนนายน้อยจากดินแดนอมตะ แม้ว่าข้าจะรู้สึกขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้า แต่ท่านช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม?” โม่ฝานรู้สึกสงสัย
ต่อให้เย่ซิงหยุนมีความแค้นกับจวินเซียวเหยา แล้วคนตัวเล็กตัวน้อยแบบเขามันเกี่ยวอะไรด้วย
แม้ว่าโม่ฝานจะเติบโตขึ้นมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกเพ่งเล็งจากอัจฉริยะแห่งดินแดนอมตะอยู่ดี
“เจ้ามักจะฝันเห็นพระราชวังแห่งดวงดาวกับร่างร่างหนึ่งใช่รึเปล่า?” เย่ซิงหยุนมองอย่างลึกซึ้งและถาม
โม่ฝานตัวสั่นสะท้านทันที ดวงตาของเขาสั่นไหวและมองเย่ซิงหยุนด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง
นี่คือความลับที่เขาเก็บงำไว้ในส่วนลึกของหัวใจ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
แม้แต่คนในพระราชวังพิภพอนันต์ก็ยังไม่รู้เลย
“ดูแล้วคงจะใช่สินะ” เย่ซิงหยุนยิ้ม
แล้วทำไมเย่ซิงหยุนถึงพุ่งเป้ามาที่โม่ฝาน?
เหตุผลง่ายมาก
หลังจากปลุกความทรงจำเพิ่มเติมในหอเทียนเต้า เย่ซิงหยุนก็ได้ตรวจสอบข้อมูลมากมาย
สุดท้ายเขาก็มุ่งเป้าไปที่ยอดฝีมือในตำนาน จ้าวดาราอู๋จี๋
ต้นกำเนิดของจ้าวดาราอู๋จี๋มาจากทวีปดวงดาวในแดนเบื้องล่าง
ดังนั้นเย่ซิงหยุนจึงตัดสินใจลงมาที่ทวีปดวงดาวโดยไม่ลังเล
ทันทีที่เขามาถึงทวีปดวงดาว ความรู้สึกลึกลับนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
บางที นี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่ฟ้ากำหนด
เย่ซิงหยุนค้นหามาตลอดทาง และพบเข้ากับโม่ฝานในที่สุด
แต่ตอนนั้นสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว และสถานการณ์ก็ตกอยู่ในความโกลาหลสุดๆ เย่ซิงหยุนจึงไม่ได้ลงมือ
ต่อมา การมาถึงของจวินเซียวเหยาก็ทำให้เย่ซิงหยุนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาจึงหลบไปอยู่ห่างๆ และไม่กล้าปรากฏตัว
เผชิญหน้ากับจวินเซียวเหยา เย่ซิงหยุนมีหลักการเพียงข้อเดียว
มั่นคง!
มั่นคง!
มั่นคงอีก!
มั่นคงเข้าไว้ แล้วจะรอด!
เย่ซิงหยุนกลัวจวินเซียวเหยามาก ตราบใดที่ยังไม่ได้ครอบครองสมบัติและโอกาสจากพระราชวังแห่งดวงดาว เขาจะไม่ออกไปสู้กับจวินเซียวเหยาโดยเด็ดขาด
จนกระทั่งต่อมา เมื่อเห็นว่าโม่ฝานกำลังจะโดนอี้ยวี่จับตัวได้ เย่ซิงหยุนจึงจำใจต้องลงมือ
เมื่อเห็นความลับของตัวเองถูกเปิดเผย โม่ฝานก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อนายน้อยรู้ความลับของข้าแล้ว ท่านวางแผนจะทำอะไรต่อไป?”
เย่ซิงหยุนยิ้มและกล่าว “วางใจเถอะ ไม่เพียงข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เจ้าน่าจะมีโชคชะตาบางอย่างซ่อนอยู่ในตัว โชคชะตานั่นอาจเป็นกุญแจในการเปิดสมบัติของวังแห่งดวงดาว”
เมื่อโม่ฝานได้ยินเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงร่างแห่งดวงดาวในตัวเขาทันที
นั่นเป็นกุญแจในการเปิดสมบัติของพระราชวังแห่งดวงดาวเหรอ?
แม้ว่าโม่ฝานจะยังไม่เชื่อ แต่สิ่งที่เย่ซิงหยุนพูดมาจนถึงตอนนี้ก็ถูกต้องทั้งหมด
“สิ่งที่อยู่ในตัวเจ้าจะช่วยให้เราพบสมบัติของวังแห่งดวงดาว เมื่อถึงเวลา เจ้าเองก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วยเช่นกัน แล้วข้ายังสามารถช่วยให้เจ้าได้เป็นผู้ติดตาม กลับขึ้นไปสู่ดินแดนอมตะได้อีกด้วย” เย่ซิงหยุนกล่าวอย่างเรียบเฉย
เขาถือว่านี่คือความกรุณาแล้ว
สีหน้าของโม่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาเป็นถึงตัวเอกของโลกใบนี้ จะเป็นผู้ติดตามของคนอื่นได้ยังไง
อย่างไรก็ตาม โม่ฝานไม่ได้แสดงอาการออกมา แต่ตอบกลับ “งั้นข้าขอตัวกลับวังพิภพอนันต์ก่อน”
เมื่อได้ยิน เย่ซิงหยุนก็ส่ายหัวและแค่นเสียงเยาะเย้ย “ไม่ต้องกลับหรอก”
“ท่านหมายความว่ายังไง?” โม่ฝานขมวดคิ้ว
“ดูจากนิสัยของจวินเซียวเหยาแล้ว ข้าเกรงว่าวังพิภพอนันต์ของเจ้าคงจะไม่เหลืออยู่แล้วล่ะ เราไปหาสมบัติของวังแห่งดวงดาวกันเลยดีกว่า” เย่ซิงหยุนโบกมือ
โม่ฝานแอบกัดฟันอย่างลับๆ
และสถานการณ์ก็เป็นไปตามที่เย่ซิงหยุนคาดการณ์ไว้
หลังจากทำลายเผ่าคนบาปแล้ว จวินเซียวเหยาก็นำทัพบรรพชนตงเฉวียน เจ้านิกาย และแนวรบ มุ่งตรงไปยังฐานทัพหลักของพระราชวังพิภพอนันต์
พระราชวังพิภพอนันต์ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ผาดาวเหนือ
ในฐานะที่เคยเป็นผู้ปกครองของทวีปดวงดาว พระราชวังพิภพอนันต์ก็มีรากฐานที่ลึกซึ้งพอสมควร
มีแม้แต่ค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานนักบุญได้ระยะหนึ่ง
ข่าวที่ยอดฝีมือจากตระกูลจวินลงมายังดินแดนเบื้องล่างและช่วยนิกายเสวียนเทียนกวาดล้างเผ่าคนบาปก็แพร่กระจายไปทั่วทวีปดวงดาวเร็วมากเหมือนกัน
พระราชวังพิภพอนันต์รู้ตัวว่าต้องเจอกับของศัตรูที่น่ากลัว พวกเขาจึงรีบเปิดค่ายกลป้องกัน และระดมพลยอดฝีมือเพื่อรับศึก
พวกเขาเลือกที่จะไม่หนี เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนี
และที่บริเวณเชิงเขาของผาดาวเหนือ ขุมกำลังจำนวนมากต่างมารอรับชมความสนุก
เพราะศึกครั้งนี้จะชี้ชะตาว่าใครจะได้เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทวีปดวงดาว
หากนิกายเสวียนเทียนชนะ นิกายเสวียนเทียนก็จะกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่
แต่หากแพ้ วังพิภพอนันต์ก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งอำนาจต่อไป
แต่ครั้งนี้ มันเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเข้าข้างฝ่ายวังพิภพอนันต์เลย
ท้ายที่สุดแล้ว นิกายเสวียนเทียนก็มีความช่วยเหลือจากตระกูลจวิน
และความแข็งแกร่งของยอดฝีมือจากดินแดนอมตะก็ถือได้ว่าไร้เทียมทานในแดนเบื้องล่าง
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าคราวนี้ พระราชวังพิภพอนันต์ที่สืบทอดมานาน คงถึงเวลาที่จะต้องล่มสลายอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ” ชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งส่ายหัว
เขาคือโอรสดาราสวรรค์จากสำนักดาวตก ซึ่งเป็นสำนักใหญ่ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งดวงดาว
“แต่พระราชวังพิภพอนันต์ก็เป็นผู้ปกครองของทวีปดวงดาวนะ ต่อให้มีตระกูลจวินช่วย จะทำลายให้สิ้นซากคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง ใช่ไหม?” ชายร่างท้วมผมสีแดงส่ายหัว
ชื่อของเขาคือ จ้าวเลี่ย จากสำนักเทพอัคคี ซึ่งคล้ายคลึงกับสำนักดาวตกที่เป็นรองเพียงพระราชวังพิภพอนันต์และนิกายเสวียนเทียน
“ข้าได้ยินมาว่าบุตรพระเจ้าตระกูลจวินนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสะบัดดาบแค่ครั้งเดียว คนจากวังพิภพอนันต์ก็ตกตายกันหมด”
“ขนาดโม่ฝาน อัจฉริยะแห่งวังพิภพอนันต์ที่ช่วงนี้มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังไม่กล้าท้าทาย แถมวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอีก”
สาวร่างท้วมในชุดวังสีแดงสดยิ้ม
นางมีดวงตาสีแดงดุจฟีนิกซ์ ผิวขาวเหมือนครีม และหุ่นอวบอ้วน ผมสีดำของนางถูกเกล้าขึ้นโดยมีดอกโบตั๋นติดอยู่
“โอ้ ดูเหมือนท่านนักบุญฉู่จะเกิดความหวั่นไหวนะ?” โอรสดาราสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ
สตรีในชุดวังสีแดงมีนามว่า ฉู่หงอี้ นางเป็นนักบุญหญิงของนิกายบัวสีชาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปดวงดาว และเป็นคนที่สูงส่งพอสมควร
“ฮิฮิ แค่ได้ยินข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับบุตรพระเจ้าตระกูลจวิน มันก็ทำให้ข้าอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นแล้ว” ฉู่หงอี้ไม่อาย และพูดอย่างมีเสน่ห์
“ฮึ่ม ข้าเกรงว่าพวกอัจฉริยะจากดินแดนอมตะจะดีแต่เปลือก แต่ข้างในเน่าเฟะนี่สิ พวกที่ล้มเหลวก็มีไม่น้อยเถอะ” จ้าวเลี่ยพ่นลมจมูกอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยิน
“จุ๊ จุ๊ เหมือนข้าได้กลิ่นเหม็นตุๆ” โอรสดาราสวรรค์จุ๊ปากและส่ายหัว
เรื่องที่จ้าวเลี่ยชอบฉู่หงอี้ไม่ได้เป็นความลับ
“ข้าคิดว่าวันนี้บุตรพระเจ้าตระกูลจวินน่าจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจอยู่พอสมควรนะ” ฉู่หงอี้กล่าว
พวกเขามาที่นี่เพื่อรอรับชมการต่อสู้ระหว่างนิกายเสวียนเทียนและพระราชวังพิภพอนันต์ และเพื่อดูหน้าบุตรพระเจ้าที่เขาร่ำลือกัน
“เหอะ หงอี้ อย่าไปอะไรมากกับบุตรพระเจ้าตระกูลจวินเลย เดี๋ยวเขาก็ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก” จ้าวเลี่ยพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง
“งั้นก็รอดู” ฉู่หงอี้พูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
ขณะนั้นเอง ไกลออกไปบนท้องฟ้า จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันทรงพลังและเจตนาฆ่าฟันก็แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง
แรงกดดันนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าและผืนปฐพี!
“เริ่มแล้วสินะ หลังจากการต่อสู้วันนี้ มันจะเหลือผู้ปกครองทวีปดวงดาวเพียงคนเดียวเท่านั้น!”