บทที่ 113: บัลลูนลมร้อนประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 113: บัลลูนลมร้อนประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว?
ในทางเหนือของเหอเป่ย บนลานกว้างของท่านอ๋อง
ลานนี้หรูหรามาก คู่ควรกับเกียรติของอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือผู้มีวีรบุรุษผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายนับถือ สถานที่แห่งนี้ใช้สำหรับการวิจัยและผลิตสิ่งประดิษฐ์บนท้องฟ้าหรือที่รู้จักกันในนาม"บัลลูนลมร้อน"
นับตั้งแต่ได้รับวิธีการผลิตบัลลูนของหลินเป่ยฟาน อ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือก็ได้รวบรวมช่างฝีมือที่มีทักษะมากมาย ลงทุนกำลังคนและทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาบัลลูนขึ้นมา
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดข่าวดีก็มาถึง
จูกัดผู้เป็นกุนซือแสดงความยินดีและกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยฝ่าบาท! ขอแสดงความยินดีด้วยฝ่าบาท! สิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์ชิ้นแรกของเรา บัลลูนลมร้อนได้ถูกผลิตเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานเราก็จะสามารถทดสอบบินได้! ฝ่าบาท ท่านเข้าใกล้ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ไปอีกขั้นแล้ว!”
“ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ การบรรลุความเป็นอมตะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม!”
"ดี! ดีมาก!” อ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือมีความสุขยิ่ง
เมื่อการพัฒนาบัลลูนลมร้อนประสบความสำเร็จ มันไม่เพียงแต่หมายถึงการก้าวเข้าใกล้บัลลังก์เท่านั้น แต่ยังหมายถึง...
การบรรลุสู่ความเป็นอมตะ!
บรรลุชีวิตอันนิรันดร์!
ผู้มีอำนาจคนใดก็ไม่อาจต้านทานความยั่วยวนของมันได้!
ดังนั้นท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือจึงแทบรอไม่ไหวและกล่าวทันทีว่า “ราชสำนักได้ผลิตบัลลูนลมร้อนไปแล้ว 20 ลูก เวลาไม่เคยรอผู้ใด! เราจะทำการทดสอบการบินในวันพรุ่งนี้ เจ้าคิดว่าเช่นไรบ้าง?”
“ดีเลยพะยะค่ะฝ่าบาท! เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งต่อรับสั่งของฝ่าบาทเอง!”
วันรุ่งขึ้น ท่านอ๋องพร้อมกับผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ก็มาถึงลานกว้างตั้งแต่เช้าตรู่
เหล่าวีรบุรุษผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เข้าร่วมกับท่านอ๋องก็มารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน พวกเขากำลังเป็นสักขีพยานในการทดลองบินที่หาได้ยากและไม่ธรรมดานี้
ท่านอ๋องยืนอยู่ใต้บัลลูนลมร้อน จากนั้นจึงตะโกนออกมาว่า “นี่คือบัลลูนลมร้อนสินะ! ช่างน่าทึ่งยิ่งนักที่วัตถุที่ดูแปลกประหลาดเช่นนี้สามารถบินได้จริง!”
เหล่าวีรบุรุษผู้ฝึกวรยุทธ์ยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ถูกยืนยันมาก่อน ข้าก็คงไม่เชื่อว่าสิ่งนี้สามารถบินได้จริง! ต้องบอกได้เลยว่าหลินเป่ยฟานนั้นมีความสามารถโดยแท้ เขาเหมือนดั่งอัสสนีที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์สู่พื้นโลก น่าประหลาดใจนักที่เขาสามารถคิดค้นสิ่งประดิษฐ์นี้ขึ้นมไาด้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่านอ๋องก็พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมรอยยิ้มที่แสนภาคภูมิใจ
ยามนี้หลินเป่ยฟานผู้เป็นขุนนางระดับสูงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนของเขา
พอคนอื่นยกย่องหลินเป่ยฟาน มันก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังยกย่องตัวเขาอยู่
“ทว่าฝ่าบาท กระหม่อมยังมีข้อกังวลบางประการ สิ่งนี้จะสามารถใช้บินได้จริงๆ หรือ?” ท่านอ๋องเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร
เพราะเขาไม่เคยเห็นมันบินด้วยตาตนเองมาก่อน เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
จูกัดผู้เป็นกุนซือได้ยิ้มออกมาสกล่าวยืนยันอย่างมั่นใจ “ฝ่าบาท โปรดวางใจได้! สิ่งประดิษฐ์จากสวรรค์นี้เหมือนกับสิ่งที่ผลิตโดยราชสำนัก! วิธีการผลิตก็ถูกส่งมอบมาจากผู้เดียวกัน ดังนั้นมันย่อมไม่มีปัญหาในเรื่องการบินอย่างแน่นอน!”
ท่านอ๋องดีใจมากและตะโกนว่า “ดี! หากการบินทดสอบนี้ประสบความสำเร็จ พวกเจ้าทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างงาม!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ทุกคนในที่นี้ยิ้มออกมา
เมื่อบัลลูนเต็มไปด้วยลมร้อน มันก็ค่อยๆ ขยายออกเป็นทรงกลมขนาดใหญ่จนสูงถึงสามหรือสี่ชั้น ถึงจะยืนอยู่นอกลานกว้าง ก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน จนมันไปดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
ทว่าท่านอ๋องกลับไม่พยายามปกปิดมันเลย
ตอนนี้ท่านอ๋องและอาณาจักรทั้งหลายกำลังพยายามพัฒนาบัลลูนกัน
หากราชสำนักรู้เข้าแล้วจะทำอะไรพวกเขาได้?
เมื่อพวกเขาและอีกหลายคนต่างพยายามสร้างมันขึ้นมา ทางราชสำนักก็ทำได้เพียงจำใจยอมรับอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น!
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งชื่นชมหลินเป่ยฟานที่อยู่ในเมืองหลวงมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยแผนการของเขา มันก็ช่วยเขาแก้ปัญหาในอนาคตของเขาไปเสร็จสรรพ!
ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง!
ท่านอ๋องยืนอยู่ใต้บัลลูนที่กำลังขยายตัว ความทะเยอทะยานของเขาก็เพิ่มขึ้นตามขนาดของมันไปด้วย
“ครั้งนี้…เราจักประสบความสำเร็จและมุ่งสู่สรวงสวรรค์!”
ในยามนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รายงานว่า “ฝ่าบาท บัลลูนพองตัวเต็มที่แล้ว เราสามารถดำเนินการทดสอบบินครั้งแรกได้แล้ว!”
นัยน์ตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ฝ่าบาท ให้กระหม่อมขึ้นเป็นคนแรกเถิด!”
“ฝ่าบาท โปรดมอบหมายหน้าที่นี้ให้กระหม่อมด้วย!”
“ฝ่าบาท...”
…
เมื่อเห็นวีรบุรุษผู้ฝึกวรยุทธ์ นายพลและทหารมากหน้าต่างกระตือรือร้นอยากเป็นผู้ทดสอบ ท่านอ๋องก็หัวเราะออกมาจนเสียงดังสนั่น “เหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน พวกท่านทุกคนสามารถไปลองได้ทั้งหมด! ว่าแต่ให้วีรบุรุษหนุ่มหลิวเป็นผู้ลองคนแรกดีหรือไม่?”
หลิวผู้นี้มีนามเต็มว่า หลิวเจิ้นหยุน เขาเป็นวีรบุรุษหนุ่มที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มของท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือ
เพราะเขาอายุน้อยกว่า 20 ปี เขาจึงเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง อ่อนเยาว์และความหลงใหล เขากระตือรือร้นยิ่งที่จะได้ทำสิ่งยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับท่านอ๋อง
การทำเช่นนี้ย่อมสามารถเอาใจและชนะใจอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
ตามที่คาดไว้ เมื่อหลิวเจิ้นหยุนได้ยินว่าท่านอ๋องจะมอบโอกาสอันมีค่านี้ให้เขา เขาก็มีความสุขมากและกล่าวออกมาทันทีว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท! กระหม่อมพร้อมน้อมรับสั่งตามบัญชา!”
จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในตะกร้า เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อและรอให้บัลลูนลอยขึ้นไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็ไม่สนใจที่จะแข่งขันอีกต่อไป เพราะพวกเขารู้ว่าอีกไม่นานตนก็จะมีโอกาส
ณ จุดนี้เอง บัลลูนเริ่มลอยสูงขึ้นอย่างเชื่องช้า ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งเมตร
ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“มันกำลังลอยออกไปแล้ว!”
“มันกำลังลอยจริงๆ ด้วย!”
“มันกำลังจะบินขึ้นไปสู่ห้วงสวรรค์!”
…
ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกยินดียิ่ง “มันกำลังบินจริงด้วย! นี่สินะคือบัลลูนลมร้อน!”
ขณะที่พวกเขากำลังตะโกนออกมาด้วยความยินดี บัลลูนก็บินสูงขึ้นจากพื้นสามถึงสี่เมตรแล้ว
ทุกคนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“มันสูงสามถึงสี่เมตรแล้ว สูงกว่ากำแพงเสียอีก!”
"จงบินสูงขึ้นไป!”
“บินทะลวงไปยังฟากฟ้า!”
…
ท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน บัลลูนก็ยังคงเพิ่มระดับความสูงขึ้นอย่างเชื่องช้า
ยามนี้มันได้มีระดับความสูง 30 เมตรเหนือจากพื้นดินแล้ว
หากนับรวมความสูงจากจุดที่พวกเขาอยู่เทียบกับจุดอื่น ยามนี้มันก็กำลังบินสูง 50 เมตรเหนือนครจนสามารถมองเห็นโดยรอบได้ไหม
พวกเขามีความสุขและพากันเต้นรำทันที
ทางด้านล่าง ท่านอ๋องก็ตะโกนว่า “วีรบุรุษหนุ่มหลิน ข้างบนเป็นเช่นไรบ้าง?”
หลิวเจิ้นหยุนที่ยืนอยู่ในตะกร้าก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาตอบออกมาว่า “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีฝ่าบาท โปรดวางใจได้!”
"ยอดเยี่ยม!" ท่านอ๋องหัวเราะออกมาสุดเสียง
"ขอแสดงความยินดีด้วยฝ่าบาท! ขอแสดงความยินดีด้วย!" จูกัดเหลียงกล่าวพร้อมโค้งคำนับและตะโกนเสียงดังสนั่น “การทดลองบินครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ! ด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่บินได้นี้ มันจะมีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อเราอีก?”
"ขอแสดงความยินดีด้วยฝ่าบาท! ขอแสดงความยินดีด้วย!" ทุกคนต่างกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า …” ท่านอ๋องหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ เขาตระหนักได้เลยตนเข้าใกล้ความฝันมากถึงเพียงใด
แต่แล้วเสียง “ฟุ๊บ” ก็ดังขึ้น
บัลลูนได้หยุดอย่างไม่คาดคิดและเริ่มลอยลงมาอย่างเชื่องช้า
ท่านอ๋องดูสับสนและถามออกมาในทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ทุกคนหันไปมองหัวหน้าช่างฝีมือที่รับผิดชอบในการสร้างบัลลูน
เมื่อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้ว ช่างฝีมือชราก็กล่าวอย่างกังวลว่า “ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าตัวบรรจุลมในบัลลูนจะแตกออกแล้ว”
ท่านอ๋องถามเค้นไปอีก “ถ้ามันแตกแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ตามวิธีการผลิตบัลลูน มันอาศัยอากาศร้อนภายในเพื่อบินขึ้นสูงไป หากแตกออก อากาศก็จะรั่วไหลและทำให้ลมในบัลลูนมลายหายสิ้น หากไม่มีอากาศร้อน บัลลูนก็จะบินไม่ได้”
ขณะที่พวกเขาพูด บัลลูนก็ลอยลงมาอย่างเชื่องช้า ทุกคนมองไปที่มันอย่างนิ่งเงียบ
เมื่อมองดูมันอีกครั้ง พวกเขาก็พบหลุมปรากฏขึ้นบนบัลลูน
“ได้โปรดยกโทษให้เราด้วยขอรับฝ่าบาท!” ช่างฝีมือคุกเข่าลงทันทีด้วยตัวที่สั่นเทา
ใบหน้าของท่านอ๋องกลับกลายเป็นมืดมน
การทดลองบินครั้งแรกกลับมีสภาพออกมาเป็นเช่นนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนจนทำให้เขาต้องอับอาย
จูกัดผู้เป็นกุนซือได้รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฝ่าบาท การทดลองบินครั้งแรกนี้ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว! การรั่วไหลของลมอาจเกิดจากการขาดประสบการณ์ของช่างฝีมือ ยังไงเสียมันก็เป็นพยายามครั้งแรกของพวกเขา! ให้โอกาสพวกเขามากขึ้นกว่านี้เถิด พวกเขาจะสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่บินได้อย่างบัลลูนจนทำให้ท่านพอใจและพิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ได้แน่!”
สีหน้าของทท่านอ๋องลันผ่อนคลายลงเล็กน้อย สิ่งที่อีกฝ่ายพูดถูก เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาช่างฝีมือเหล่านี้ในการสร้างบัลลูนอยู่ดี
หากเขาลงโทษพวกเขาไป มันจะเป็นการทำร้ายตนเองเสียเปล่าๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ท่านอ๋องก็เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาและกล่าวว่า “ท่านกุนซือ เจ้าพูดถูก การสามารถสร้างบัลลูนขึ้นมาได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว เพียงพบปัญหาเล็กน้อยระหว่างการสร้างเท่านั้น ช่างฝีมือทั้งหลาย โปรดลุกขึ้นก่อนเถิด พื้นดินที่นี่มันเย็นเกินไป!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ช่างฝีมือทั้งประหลาดใจและโล่งใจ พวกเขารู้สึกยินดียิ่งที่รอดแล้ว
วีรบุรุษผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ได้เป็นประจักษ์สักขีพยานก็พยักหน้ากันด้วยความชื่นชม
นี่สิคือท่านอ๋องผู้มีจิตใจเมตตาและมีคุณธรรม คิดถึงผู้น้อยกว่าตนเองตลอด!
นี่สิคือผู้ปกครองที่รู้แจ้ง สมกับที่พวกเขาสาบานว่าจะติดตามจนไปสู่ความตาย!
“ต่อไปนี้ข้าคงต้องลำบากพวกท่านช่างฝีมือทุกคนแล้ว!” ท่านอ๋องยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวไปว่า "โปรดจงมุ่งมั่นผลิตบัลลูนจำนวนมากโดยเร็ว! เมื่องานนี้เสร็จสิ้น ข้าจะมอบรางวัลอันมากมายมหาศาลและตำแหน่งให้พวกเจ้า ขอเพียงมันไม่มีปัญหาก็พอแล้ว!”
“ขอรับฝ่าบาท!” ใบหน้าของช่างฝีมือเต็มไปด้วยความสุข
ขณะเดียวกัน เจียงทางใต้
บัลลูนอีกลูกค่อยๆ ลอยขึ้นไป แต่มันก็ตกลงมาก่อนที่จะถึงความสูงสี่สิบถึงห้าสิบเมตร
กลุ่มคนด้านล่างมองมันด้วยความประหลาดใจ
ในหมู่พวกเขา ผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลางค่อนข้างสง่างามและมีรูปร่างอ้วนท้วน
คนผู้นี้คือท่านอ๋องแห่งเจียงใต้ เขาจ้องไปที่บัลลูนที่ตกลงมาตรงหน้าด้วยดวงตาอันว่างเปล่า “สิ่งประดิษฐ์บินได้นี้ถือว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวกัน? มีผู้ใดบอกข้าได้บ้าง?”
หวังฟู่กุ้ยที่ร่วมทำการค้ากับหลินเป่ยฟานก็พูดขึ้นอย่างกล้าหาญ “ฝ่าบาท มันถือว่าประสบความสำเร็จขอรับ!”
ท่านอ๋องแห่งเจียงใต้หันศีรษะและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงกล่าวเช่นนั้น?”
“ฝ่าบาท มันสามารถบินไปได้หลายสิบเมตร นั่นไม่ถือว่าสำเร็จหรือ? หากเรามองย้อนกลับไปในอดีต มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถนำพาผู้คนขึ้นไปบนท้องฟ้าได้มากกว่าสิบเมตรหรือไม่? ไม่มีเลย!” หวังฝู่กุ้ยกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ดีมาก เจ้ากล่าวถูกต้องตรงประเด็น!” สีหน้าของท่านอ๋องแห่งเจียงใต้พลันสดใสขึ้นมา
“ตามวิธีการผลิตของบัลลูน มันมีข้อกำหนดที่เข้มงวดและผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด! เป็นไปได้ว่าช่างฝีมือของเราขาดประสบการณ์ในการสร้างบัลลูน มันจึงเกิดปัญหาบางอย่าง หากเรามีเวลามากกว่านี้ มันก็ไม่มีปัญหาใดแล้ว!” หวังฝู่กุ้ยยังคงรายงานอย่างต่อเนื่อง
“ที่เจ้ากล่าวมามีเหตุผล เช่นนั้นก็สร้างบัลลูนต่อเถิด! สร้างสัก 50 ลูก...ไม่สิ 100 ลูก!” ท่านอ๋องแห่งเจียงใต้กล่าว
หวังฝู่กุ้ยถึงกับผงะตกใจ “ฝ่าบาท มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ? การทำเช่นนั้นย่อมต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเลยนะขอรับ!?”
ท่านอ๋องแห่งเจียงใต้ส่ายศีรษะไปมา “มันคือสิ่งจำเป็น! ราชสำนักได้สร้างไป 20 ลูกแล้ว ข้ากลับไม่มีมันสักลูกเดียว เช่นนั้นข้าจะต่อกรกับราชสำนักได้ยังไง? อีกสักพักพวกเขาอาจสร้างมันสี่สิบลูกหรือห้าสิบลูก! เพราะเช่นนั้นเราจึงต้องรีบสร้างบัลลูนลมร้อนหนึ่งร้อยลูกเพื่อแซงหน้าราชสำนักให้ได้!”
“ส่วนเรื่องเงิน…” ท่านอ๋องแห่งเจียงใต้กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ“ข้าดูเป็นคนที่ขาดแคลนเงินงั้นหรือ? สิ่งที่ข้ามีก็คือเงินเท่านั้น! จงรวบรวมช่างฝีมือจำนวนมากในทันที ต้องสร้างบัลลูนลมร้อนให้ได้ 100 ลูก!”
“ขอรับฝ่าบาท!”
ในยามนั้นเอง เจ้าเมืองและราชาของอาณาจักรอื่นๆ ก็ได้ทำการทดลองบินบัลลูนลมร้อนเป็นครั้งแรก ทว่าก็ไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเขาสามารถบินได้เกิน 50 เมตรและมันก็ร่วงลงมาทันที
แต่พวกเขาทั้งหมดกลับคิดว่าตนเองประสบความสำเร็จ เชื่อมั่นว่ามันเกิดจากข้อผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้น อาจเพระามันเป็นเพียงการสร้างครั้งแรก มันย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเพิ่มความพยายามในการผลิตบัลลูนลมร้อน โดยไม่มีผู้ใดคิดสงสัยเลย
สถานการณ์นี้ได้ไปถึงทางพระราชวังอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดินียิ้มอย่างมีชัย “ตามที่หลินเป่ยฟานคาดการณ์ไว้ บัลลูนลมร้อนที่พวกเขาพัฒนาขึ้นล้วนมีปัญหาเกิดขึ้น พวกมันบินได้ไม่ถึง 20 จั้งด้วยซ้ำ! บัลลูนที่บินได้ไม่ถึง 20 จั้งจะมาสร้างปัญหาอะไรให้ข้าได้กัน?”
บัลลูนที่ไม่สามารถบินไปได้ถึง 20 จั้งก็เป็นเพียงโคมลอยที่สามารถยิงร่วงลงมาได้อย่างง่ายดาย หากมันบินได้ไม่สูงถึง 70-80 จั้ง มันก็ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรกับนางเลย
[หมายเหต 1 จั้ง = 3.3 เมตร]