Chapter 13: ความโชคร้ายก็สามารถมาจากบนฟ้าได้เหมือนกัน!
ในขณะที่ยืนอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรสะดุดตาและถูกปกคลุมด้วยความมืดยามราตรี วัลได้เข้าไปในถนนหลากหลายสายของเมืองที่ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงผีดิบ
มีฝูงผีดิบมากมายนับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มกันอยู่ในถนนเหล่านี้ แต่ละฝูงมีจำนวนคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่าร้อย!
ด้วยความแข็งแกร่งระดับเขา การจัดการกับผีดิบกลุ่มเล็กๆ นั้นถือว่าอยู่ในขอบเขตความสามารถของเขา
แต่สำหรับฝูงใหญ่ๆ เช่นนี้?
มันยังคงเกินความสามารถในตอนนี้ของเขา!
เขารู้ว่าการปะทะกับฝูงผีดิบกลุ่มใหญ่ขนาดนี้เป็นศึกที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความสามารถในตอนนี้ นอกจากนี้เขายังตระหนักได้ถึงผลที่ตามมาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จากการจุดชนวนความขัดแย้งที่ว่านี้ ความวุ่นวายที่จะตามมานั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับเสียงไซเรนที่เรียกหาเหล่าผีดิบทั้งหมดที่อยู่ในเมือง และมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะไปดึงดูดความสนใจของผีดิบเลเวล 2 ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า มันคือการปะทะที่เขาไม่มีโอกาสรอดเลย ซึ่งนี่เคยสาเหตุที่เขาตัดใจจากถนนเหล่านี้
“ฉันยังแกร่งไม่พอที่จะสู้กับผีดิบเป็นฝูง ตอนนี้หลีกเลี่ยงถนนพวกนี้ไว้คงจะดีที่สุด” วัลพึมพำกับตัวเอง
โดยที่เชื่อในคำแนะนำของตัวเอง เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงถนนที่เต็มไปด้วยฝูงผีดิบ และเลือกเส้นทางที่เขาเห็นผีดิบอยู่คู่หนึ่งเดินอยู่
เขาย่องเข้าไปข้างหลังผีดิบที่แตกกลุ่มนี้ด้วยอย่างระมัดระวัง และด้วยการตวัดดาบในลักษณะจันทร์เสี้ยวเพียงฉับเดียวหัวของพวกมันก็หลุดออกจากร่าง เลือดของพวกมันพวยพุ่งขึ้นฟ้าอย่างน่าสยดสยองในขณะที่ร่างล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็จู่โจมต่อด้วยการเสียบกะโหลกของพวกมันซ้ำๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันตายแล้วจริงๆ
[ติ้ง! ท่านจัดการผีดิบเลเวล 0 หนึ่งตัวและผีดิบเลเวล 1 หนึ่งตัว ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +4]
ในตอนนั้นเอง ร่างอันน่ารังเกียจสองร่างก็เดินซวนเซออกมาจากซอยมืดทางขวาของเขา
กร๊าซซ~ กร๊าซซ~
พวกมันคำรามในขณะที่กระโจนเข้ามาหาเขา
การพุ่งเข้าหาอย่างดุดันของพวกมันไม่ได้ทำให้วัลสะทกสะท้านเลย
เห็นได้ชัดว่าผีดิบพวกนี้มีเลเวล 1 ที่มีความแข็งแกร่งพอๆ กับมนุษย์ธรรมดาแต่ขาดสติปัญญาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าพวกมันจะเร็วกว่าคนทั่วไป แต่พวกมันก็ไม่สามารถแข่งความไวกับวัลได้ เขาไวกว่าพวกมัน
เขาหลบกรงเล็บของพวกมันได้อย่างลื่นไหลด้วยการเอี้ยวตัว
การกระโจนอย่างบ้าคลั่งของพวกมันไม่ได้ปะทะกับอะไรนอกจากอากาศในขณะที่ดาบของวัลตวัดใส่ขาของพวกมัน และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ขาของพวกมันก็หลุดออกจากร่าง ด้วยความที่ไม่มีหนทางในการช่วยพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ผีดิบจึงล้มลงในเวลาต่อมาพร้อมกับเสียงเละที่น่าสยดสยอง
พวกผีดิบที่คลานอยู่กับพื้นโดยไม่มีขานั้นได้รับความเมตตาของเขาอย่างเต็มที่!
วัลต้องการจะเก็บแต้มเลือดของเขาเอาไว้ใช้ยามจำเป็น เขาจึงเลือกใช้วิธีการดั้งเดิมที่วุ่นวายในการจบชีวิตพวกมัน เขาตัดสินใจที่จะจัดการพวกมันโดยไม่ใช้ทักษะพิเศษเลยเพื่อจะได้รักษาแต้มเลือกเอาไว้
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
ด้วยการใช้ฝักดาบ เขาทำการฟาดกะโหลกของพวกมัน แรงกระแทกนั้นทำให้กระดูกป่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและอวัยวะภายในก็แตกกระจาย สมองของพวกมัน สิ่งที่ทำให้พวกมันขยับได้ถูกแปลงสภาพเป็นแผ่นเนื้อน่าสะอิดสะเอียนภายใต้การฟาดของเขา!
[ติ้ง! ท่านจัดการผีดิบเลเวล 0 หนึ่งตัวและผีดิบเลเวล 1 หนึ่งตัว ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +4]
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวัล เขาใกล้จะเลเวลเพิ่มแล้ว ตอนนี้ ด้วยการจบชีวิตของผีดิบสองตัวนี้ เขาก็จะรวบรวมแต้มได้เพียงพอ
เขาพร้อมที่จะเพิ่มเลเวล!
[ติ้ง! ขอแสดงความยินดีด้วย! ตอนนี้เลเวลของท่านได้ไปถึงเลเวล 3 แล้ว ท่านได้รับแต้มสถานะ +2 และเสริมพลังสายเลือดปีศาจเลือดของท่านเล็กน้อย]
เขาได้ใช้ตรอกซอยในการเดินทางไปไหนมาไหน ในครั้งนี้เองก็เช่นกันหลังจากฆ่าผีดิบแล้ว เขาก็เข้าไปตรอกแห่งหนึ่งซึ่งถูกขนาบระหว่างสิ่งก่อสร้างหินที่ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว ผนังของสิ่งก่อสร้างทรุดโทรมไปตามเวลา พวกมันสูงจนบดบังดวงจันทร์ เปลี่ยนให้ตรอกแห่งนี้กลายเป็นทางเดินสู่ความมืดอันหนาวเหน็บ
ฟิ้วว!
สัญชาตญาณของวัลที่ได้รับการขัดเกลาจากการต่อสู้กระตุ้นให้เขาเตรียมพร้อมในขณะที่แรงกดอากาศเปลี่ยนไปส่อถึงลางบอกเหตุ เงาดำตกลงมาจากด้านบน แต่เขาก็กระโดดถอยหลังด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและหลบวัตถุที่ตกลงมาได้อย่างฉิวเฉียด
ตึง!
พื้นดินสั่นสะเทือนในตอนที่ผีดิบสูงสองฟุตร่อนลงมายังจุดที่เขาเคยอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ จากจุดเกิดแรงกระแทก เศษซากได้กระเด็นไปทุกทิศทางจนมาถึงเท้าของวัล
เขาประเมินดูเจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องหน้า
มันมีรูปร่างที่พิลึกพิลั่น ด้วยโครงมัดกล้ามเนื้อ พร้อมกับมือของมันที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน และหลอดเลือดสีดำสนิทที่ขยับยุบยับเหมือนกับมีงูเลื้อยอยู่ใต้ผิวหนังสีเทาของมัน
วัลสามารถบอกได้เลยว่าเจ้านี่คือผีดิบเลเวล 2 ศัตรูน่าเกรงขามที่มีแค่พวกผู้ใช้พลังสายเลือดเท่านั้นที่ต่อกรได้!
จากนั้น เขาก็เห็นเจ้าผีดิบตัวนั้นโน้มตัวลง เดี๋ยวนะนั่นมันคิดจะทำอะไร?
ในจังหวะต่อมานั้นเอง สายตาของเขาก็เบิกกว้าง
ฟิ้วว!
ผ่านการออกตัวด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เจ้าผีดิบก็พุ่งเข้าใส่วัล
วัลถอยหลังหลบด้วยความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งในขณะที่หมัดซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดต่อยผ่านอากาศ ปะทะเข้ากับกำแพงตรอกและทิ้งรูโบ๋เอาไว้
‘ถ้าโดนเข้าไปฉันเละได้เลยนะ’ วัลคิด อะดรีนาลีนของเขาพลุ่งพล่านลับสมาธิของเขาให้คมกริบยิ่งขึ้น
การจะโค่นสัตว์ร้ายตัวนี้โดยไม่พึ่งพาพลังสายเลือดของเขานั้นคงจะเป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่ไปหน่อย นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่จะดึงฝูงผีดิบมายังตำแหน่งของพวกเขาเนื่องจากเสียงการต่อสู้ก็สูงจนน่ากลัว
“ไม่มีทางเลือก คงต้องทุ่มสุดตัวแล้วสินะ” วัลพูดฮึดฮัด และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
ในจังหวะต่อมานั้นเอง เจ้าผีดิบก็พุ่งเข้ามา
เพื่อเป็นการตอบสนอง วัลได้ดีดนิ้วเหนือดาบของเขา เพื่อสั่งให้คราบเลือดสีดำที่แห้งติดอยู่บนพื้นผิวดาบเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเอง กิ่งก้านสีแดงฉานก็พุ่งออกไป มันเลื้อยรอบเจ้าสัตว์ร้ายและพันธนาการแขนขาของมันไว้กลางคัน
ผีดิบพยายามดิ้นรนให้หลุดจากสิ่งที่พันธนาการมันไว้อย่างดุเดือด แต่เสียงฮึดฮัดอย่างดูถูกจากวัลได้ทำให้พันธนาการแน่นยิ่งขึ้น และหยุดการดิ้นรนของมันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อได้จังหวะ วัลก็พุ่งเข้าไป คมดาบของเขาส่องประกายถึงลางร้ายในขณะที่เขาเล็งตรงไปยังใบหน้าที่บิดเบี้ยวของผีดิบ
ฟิ้วว!
ดาบของเขาตัดผ่านอากาศ เสียงหวีดสูงดังก้องในตรอกที่คับแคบ จากนั้นก็เกิดช่วงเวลาชะงักที่เหล็กได้พบกับผิวหนังแข็งๆ จากนั้นดาบก็หักออก มันกลายเป็นเหยื่อของเลือดผีดิบที่มีฤทธิกัดกร่อนและผิวหนังที่ทนทานของมัน
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เจ้าผีดิบก็สามารถเป็นอิสระจากกิ่งก้านเลือดที่พันธนาการมันอยู่ และหลุดพ้นจากการถูกจำกัด